@วารานา แกรนด์ โฮเต็ล
มัสยายืนนิ่งอยู่บนรองเท้าส้นสูง กระโปรงนักศึกษาสั้นทรงเอเปิดเผยเรียวขาอ่อนขาวผุดผ่อง ใบหน้าหวานแหงนมองขึ้นสู่ยอดตึกสูงระฟ้า
"ที่นี่โรงเเรมวารานาหรือคะ?" แม้จะเห็นป้ายโรงแรมโชว์หราอยู่เบื้องหน้า แต่ทว่าหากไม่ได้เอ่ยถามกฤษณ์ออกไปก็คงค้างคาใจ คิดไม่ถึงว่ามันจะใหญ่โตโอ่อ่าถึงเพียงนี้
"ครับ โรงแรมแห่งนี้เป็นของคุณอคิราห์ และท่านก็ดำรงตำแหน่งประธานบริหารด้วย วันนี้มีหุ้นส่วนเข้ามาประชุมน่าจะเสร็จเกือบห้าโมงเย็น สำนักงานใหญ่อยู่ชั้นบนสุดคุณจะต้องขึ้นไปหาท่านที่นั่น"
"คะ?" คิ้วเรียวขมวดยุ่ง
"ผมจะพาขึ้นไป เชิญครับ" กฤษณ์พูดเท่านั้นแล้วจึงผายมือเชิญมัสยาให้เดินตรงไปยังลิฟต์ หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำอารมณ์ตื่นเต้น แม้จะเคยพบอคิราห์เป็นการส่วนตัวมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ทว่าก็ยังคงรู้สึกประหม่า พลันคิดถึงใบหน้าเคร่งขรึมนั้นแล้วก็นึกอยากเปลี่ยนใจ
"แล้วมัสจะต้องรอคุณอคิราห์จนถึงห้าโมงเย็นเลยหรือคะ?"
"ครับ ชั้นห้าสิบห้านะครับ เผื่อว่าครั้งต่อไปคุณจะต้องมาหาท่านประธานเป็นประจำ" ชายหนุ่มพูดในขณะที่เอื้อมมือไปกดปุ่มเลือกชั้นที่ทั้งคู่กำลังขึ้นไป มัสยาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเป็นการเรียกความมั่นใจ
เรียวขาสวยก้าวออกจากลิฟต์โดยมีกฤษณ์เดินตามหลังออกมา หญิงสาวมองซ้ายมองขวาด้วยความรู้สึกประหม่า พลางกวาดสายตามองไปทั่วสำนักงานซึ่งยังคงมีพนักงานหลายคนนั่งทำงานอยู่
"อุ๊ย! ขอโทษค่ะ" ใบหน้าหวานปะทะเข้ากับแผงอกแกร่งของใครคนหนึ่ง เธอรีบเอ่ยขอโทษขอโพยเพราะความซุ่มซ่ามของตน
"ไม่เป็นไรครับ" เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มนวลตอบกลับ มัสยาสบสายตาอีกฝ่ายครู่ใหญ่ พีรดนย์จึงคลี่ยิ้มให้เจ้าของใบหน้างดงามตรงหน้า
"คุณพีครับ ผู้หญิงคนนี้ชื่อคุณมัสยา เธอมาฝึกงานกับท่านประธานครับ ส่วนท่านนี้คือคุณพีรดนย์ เป็นหุ้นส่วนที่มาร่วมประชุมวันนี้ครับ" กฤษณ์แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน
"นักศึกษาฝึกงานอย่างนั้นหรือครับ เป็นคนแรกเลยนะครับที่ได้เป็นนักศึกษาฝึกงานของโรงแรมของเรา" พีรดนย์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม รู้ดีว่ามัสยามาที่นี่ในฐานะผู้หญิงของอคิราห์เพราะเขารู้จักนิสัยของเพื่อนสนิทดี แต่ที่น่าแปลกใจคือซีอีโอหนุ่มไม่เคยพานักศึกษาคนไหนมาหาที่ทำงานเลยแม้แต่คนเดียว ยกเว้นเสียแต่ผู้หญิงที่ยืนตรงหน้าตน ณ วินาทีนี้ เธอคงมีอะไรที่พิเศษมากกว่าความงดงามบนใบหน้าเป็นแน่
"ครับ ว่าแต่ประชุมเสร็จแล้วหรือครับ?"
"เปล่าครับ ผมแค่ออกมาพักเบรคเฉยๆ งั้นขอตัวไปทำธุระส่วนตัวก่อนนะครับ" พีรดนย์คลี่ยิ้มให้มัสยาแล้วจึงเดินเลี่ยงไปยังห้องน้ำ กฤษณ์จึงเดินนำหน้าหญิงสาวตรงไปยังห้องทำงานของอคิราห์
"นั่งรออยู่ในนี้นะครับ ถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็สามารถเข้าในนี้ได้เลย แต่ถ้าอยากทานอะไรต้องอดทนรอหน่อยนะครับ จนกว่าท่านประธานจะประชุมเสร็จคงอีกไม่เกินสองชั่วโมง" ทันทีที่กฤษณ์พูดจบเสียงประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก ประธานหนุ่มเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา ร่างสูงกำยำเดินผ่านหน้ามัสยาไปโดยไม่แม้แต่จะปรายตามองหญิงสาว กลิ่นน้ำหอมราคาแพงอบอวลน่าหลงใหลโชยมาเตะจมูกโด่งรั้น เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด อารมณ์ในร่างกายแปรปรวนผิดปกติ หัวใจดวงน้อยพองโตเมื่อครุ่นคำนึงว่าอคิราห์คือนิยามของ 'ผู้ชายตัวหอม'
"ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" กฤษณ์โค้งศีรษะลงเล็กน้อยและหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานไป มัสยายืนตัวแข็งทื่อ กลิ่นน้ำหอมเมื่อครู่จางหายไป อารมณ์ประหม่าและหวาดกลัวเข้ามาแทนที่
"มานี่" เขาออกคำสั่งเสียงดุ ร่างบางจำใจก้าวขาเดินตรงไปยังโต๊ะทำงาน ประธานหนุ่มตวัดสายตาลงบนเก้าอี้ซึ่งอยู่ตรงข้ามตน
"เอ่อ...ยืนคุยก็ได้ค่ะ"
"ไม่ได้! นั่งลง" น้ำเสียงดุดันทำให้มัสยารีบแทรกกายเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนุ่มนิ่มตรงข้ามประธานหนุ่ม เธอหลบสายตาดุดันของเขาโดยการก้มหน้าลงมองมือเล็กของตนซึ่งประสานวางอยู่บนตักเล็ก
"ทำไมถึงไม่บอกผม?"
"บอก...เรื่องอะไรหรือคะ?" ใบหน้าหวานหยัดขึ้นเล็กน้อย สบสายตาซีอีโอหนุ่มครู่หนึ่งจึงรีบร้อนหลบสายตาดุดันคู่นั้นอีกครั้ง
"เรื่องที่แม่ของคุณอยู่ในโรงพยาบาล"
"เอ่อ...มัสคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ เลยไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรที่จะต้องบอกคุณ"
"คุณต้องการเงินไปรักษาแม่แต่เลือกปฏิเสธข้อเสนอของผม แปลว่าคุณห่วงตัวเองมากกว่าห่วงแม่อย่างนั้นเหรอ?" อคิราห์ถามหน้านิ่ง น้ำเสียงโทนเดียวทำให้มัสยารับรู้ได้ถึงความเย็นยะเยือกในอารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่าย
"ไม่ใช่ค่ะ มัสไม่ได้ห่วงตัวเองมากกว่าห่วงแม่นะคะ" หญิงสาวรีบแก้ต่างพลางแหงนหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าด้วยแววตาตัดพ้อ อคิราห์ไม่มีทางรับรู้ได้ว่าเธอรักและเป็นห่วงมารดามากเพียงใดถึงได้พูดออกมาเช่นนั้น
"ถ้าเช่นนั้นก็ลองบอกเหตุผลมา ว่าทำไมถึงปฏิเสธสิ่งที่ผมเสนอไปให้" มัสยาครุ่นคิดหนักใจ ไม่อยากตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของคนรวยจึงจำใจพูดออกไป
"มัสไม่ขายตัวค่ะ มัสไม่เคยมีแฟนมาก่อน เพราะฉะนั้นผู้ชายคนแรกของมัสไม่ควรเกิดจากการขายตัวไม่ใช่หรือคะ?" แม้ซีอีโอหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคายจะทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจทั้งหมดที่มีในวินาทีนี้ แต่โดยพื้นฐานมัสยาเป็นดารานักแสดงผู้มีความมั่นใจในตนเองสูง เธอจึงพูดออกไปตามความเป็นจริงเพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหก
"ไม่เคย...อย่างนั้นเหรอ?" คิ้วเข้มขมวดเสียจนหัวคิ้วแทบจรดกัน หญิงสาวจึงได้เห็นสีหน้าของอคิราห์ที่แตกต่างออกไปบ้าง
"ค่ะ แต่ที่มัสมาพบคุณวันนี้ก็ไม่ได้แปลว่ามัสจะรับข้อเสนอของคุณนะคะ เพราะว่าความจริงแล้วมัสสามารถดรอปเรียนแล้วก็ไปทำงานเพื่อที่จะเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่ได้" ใบหน้าคมคายแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยอีกครั้ง สายตาแหลมคมของเขาฉายแววเย็นชาไร้ความรู้สึกเสียจนมัสยาไม่สามารถอ่านความคิดในใจของอีกฝ่ายได้
"ถ้าไม่ได้คิดว่าจะรับข้อเสนอ แล้วคุณตัดสินใจมาหาผมทำไม?"
"มัสแค่จะมาถาม ว่าคุณไม่คิดที่จะทำตามข้อตกลงที่เราคุยกันไว้วันแรกหรือคะ แค่หนึ่งสัปดาห์ก็ยังดี เพราะว่ามัสจะใช้เงินอีกประมาณหกแสนบาทในการจ่ายค่าผ่าตัดของแม่" หญิงสาวพูดเสียงสั่น อคิราห์รับรู้ได้ถึงความทุกข์ใจในน้ำเสียงเศร้าหมอง ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยกำลังครุ่นคิดพลันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
"เห็นทีว่าผมคงจะทำตามข้อเสนอที่คุยกับคุณไว้ครั้งแรกไม่ได้" ดวงตากลมโตสั่นระริก รับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิดหวังราวกับกำลังถูกปฏิเสธงานสำคัญ อารมณ์ท้อแท้ในโชคชะตาชีวิตผุดขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้ง
"ถ้าเช่นนั้นมัสขอตัวก่อนนะคะ มัสคงจะไม่มาพบคุณเพื่อเป็นการเสียเวลาอีกเป็นครั้งที่สาม" เธอตัดพ้อเสียงสั่น จากนั้นร่างบางจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน
"ผมปฏิเสธการประชุมอีกสองชั่วโมงที่เหลือกับหุ้นส่วนใหญ่ที่สำคัญของโรงแรม และการประชุมวันนี้ยังเป็นการประชุมใหญ่ประจำไตรมาสด้วย ผมยกเลิกประชุมสำคัญเพียงเพื่อมาคุยกับคุณ...แต่ถ้าอยากเดินออกไป ก็ลองดูสิ!" น้ำเสียงดุดันทำให้มัสยาก้าวขาไม่ออก หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเมื่อได้ยินในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา เขาช่างสื่ออารมณ์ความรู้สึกที่ยากแสนจะเข้าใจ
"มัสไม่เข้าใจ ว่าจริงๆ แล้วคุณต้องการอะไรกันแน่" แววตาตัดพ้อฉายแววโดดเด่น ใบหน้างดงามเบือนหนีไปทางอื่น แต่กลับเหลือบไปเห็นกรอบรูปขนาดเล็กวางอยู่บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายมือของอคิราห์ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าผู้หญิงชุดนักศึกษาในรูปนั้นคือตนเอง รอยยิ้มสง่างามเฉกเช่นในรูปภาพไม่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าหวานของมัสยาเมื่ออยู่ต่อหน้าของซีอีโอหนุ่มเลยแม้แต่ครั้งเดียว...