TOY ON
ผู้หญิงคนนี้สามารถทำให้ผมแปลกใจได้ทุกครั้งที่พูดหรือขยับตัวเลยแฮะ ผมไม่เคยเจอใครที่ปฏิเสธเงินทองของผมมาก่อน จากที่ตอนแรกกะจะทำให้เกมส์มันจบเร็วๆกลับกลายเป็นว่ามันยิ่งทำให้เร้าใจขึ้นซะจนอยากรู้ว่า
...ผมจะสามารถทำลายความเป็นเธอได้มากถึงขนาดไหนกันแล้วเธอจะยอมก้มหัวให้กับผมได้ขนาดไหน
“มองทำไม!” เธอแว๊ดกลับใส่ผมด้วยความโมโห ผมมองว่ามันน่ารักดี ยัยนี่น่าแกล้งให้ร้องไห้ชะมัดเลย ...ถ้าเป็นปกติมีคนมาแว๊ดใส่ผมแบบนี้โดนผมเขี่ยทิ้งไปแน่นอน
...แต่พอเป็นยัยนี่กลับยิ่งสนุกจนอยากให้แว๊ดใส่ทั้งวันเลย
“มองเมียตัวเอง ...ไม่ได้หรอ?” ผมยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนเมอร์ลินผงะถอยหลังไปชิดกับกับกำแพงแล้วตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้นเพราะผมเอาแขนสองข้างกั้นไว้ไม่ให้เธอหนีไปไหน
“บะ บ้า ...ใครเขาเมียนายกันอย่ามาพูดแบบนี้นะ ..ถะ ถอยไป”
“บอกตามตรงนะ เธอทำให้ฉันอยากมากกว่าปกติเพราะฉะนั้นเลิกทำหน้าตาน่าเอาซะที ...ไปกินข้าวแล้วเราจะได้ขึ้นฝั่งกัน” ผมกระซิบข้างหูเธอเบาๆแล้วเดินนำออกมาข้างนอก ยังไม่ทันพ้นประตูก็ได้ยินเสียงเธอแว๊ดมาซะดังลั่นเลย
“อืม ...เร้าใจดี ฮ่าๆ”
“แล้วพวกมันไปไหนกันหมด?” ผมเดินมาที่ลานกว้างแล้วมองหาพวกเพื่อนแต่ก็ยังไม่เห็นเงาหัวใครสักคนเลย...หายไปไหนกันวะ? พอหันไปถามลูกน้องถึงได้รู้ว่าพวกนั้นมันลากเพื่อนๆของเมอร์ลินกลับไปตั้งนานแล้ว
เดี๋ยวยัยนั่นออกมาจะต้องโมโหกว่าเดิมแน่นอน
“เพื่อนฉันหายไปไหนหมด!” นั่นไง เคยเดาผิดซะที่ไหนล่ะ ผมยืนนิ่งไม่พูดอะไรแล้วเดินหนีไปอีกฝั่งยิ่งทำให้เมอร์ลินดิ้นเร่าๆเพราะโดนขัดใจ
หมับ!
“นายบอกมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าเอาเพื่อนฉันไปไว้ที่ไหน” พอเห็นว่าผมไม่ยอมตอบแถมยังเดินหนีเมอร์ลินเลยกระชากแขนผมให้หันกลับมาคุยกับเธอ
“กลับไปแล้ว”
“กลับแล้ว? กลับไปได้ยังไง บอกความจริงฉันมาเดี๋ยวนี้นะ” เมอร์ลินทำแก้มป่องอย่างคนโดนขัดใจเหมือนว่าคงทำออกมาอย่างไม่รู้ตัวเพราะมันดูน่ารักแบบไม่แสดงเลย
“ก็นี่แหละความจริง ...มากินข้าวถ้าไม่กินก็อยู่ที่นี่มันทั้งคืน” เหมือนว่าคำขู่ของผมจะได้ผลเพราะเมอร์ลินยอมนั่งลงแล้วตักข้าวเข้าปากอย่างหิวโหย
“นายก็กินสิ มาจ้องคนอื่นอยู่ได้ไม่มีมารยาท” เธอพูดแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อจนมันหมดจานเหลือแค่ผักที่โดนเขี่ยทิ้งไว้รอบๆจานก็เท่านั้น
“ไม่กินผัก? เด็กว่ะ”
“ไม่ต้องยุ่ง! ฉันไม่กินก็เรื่องของฉัน ทำอะไรอ่ะ” ปกติผมไม่ค่อยกินของเหลือจากจานคนอื่นนะเพราะคิดว่ามันสกปรกแล้ว แต่กลับเมอร์ลินผมเอาช้อนไปตักผักมากินเองอย่างไม่รังเกียจเลย
“เธอมันเด็กไม่รู้จักโต ผักก็ไม่กิน ชอบโวยวาย”
“อย่ามาว่าคนอื่นแบบนี้นะ ฉันกินอิ่มแล้วก็พากลับซะทีสิ” ผมพยักหน้าให้ลูกน้องออกเรือพาเรากลับท่า พอลงจากเรือได้เมอร์ลินก็วิ่งหนีไปที่ลานจอดรถทันที พวกลูกน้องกำลังจะวิ่งตามไปจับตัวแต่ผมยกมือห้ามก่อน
...อยากไปแล้วยังไง เธอไปไหนไม่ได้หรอก
“นาย!!! เอาที่ล็อคล้อออกเดี๋ยวนี้เลยนะ” กลับมาแล้ว? ก็อย่างที่บอกถ้าผมไม่อนุญาตก็ไม่มีใครออกไปไหนได้ทั้งนั้น เมอร์ลินแสดงท่าทางโมโหอย่างมากแต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้อยู่ดี
“ไม่ ? ถ้าฉันไม่อนุญาตเธอก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ผมเดินผ่านตัวเธอเข้าไปในโรงแรมโดยที่ไม่สนอาการที่เมอร์ลินแสดงออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“นายครับแล้วจะให้ทำยังไงกับเธอ ...ให้จัดเธอไปรอในห้องเลยมั้ยครับ” ผมส่ายหน้าแล้วก็คิดเรื่องของวันนี้ การขืนใจมันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดหรอกนะ
...แต่ถ้าทำให้เธอสมยอมเองล่ะ มันก็น่าสนนะว่ามั้ย หึๆ
“เตรียมของเล่น ...” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปในโซนห้องพักส่วนตัว พวกลูกน้องก็แยกย้ายไปตามจุดต่างๆ
“คืนนี้เราจะได้สนุกกันแน่เมอร์ลิน”
TOY OFF
ฉันจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วนะหลังจากนั่งรอที่ล็อบบี้โรงแรมมาชั่วโมงนึงเต็มๆ เพื่อนก็หาไม่เจอ โทรศัพท์ก็โทรออกไม่ได้ยืมที่ล็อบบี้ก็ไม่มีใครยอมให้ฉันยืม แถมรถก็มาโดนอีตาบ้านั่นล็อคล้ออีก
“แกซวยอะไรขนาดนี้วะเนี่ยเมอร์ลิน!” มัวแต่นั่งพูดกับตัวเองคงไม่มีประโยชน์อะไร ฉันเลยตัดสินใจเดินเข้าไปทางที่โซนลูกค้าวีไอพีที่มีคนของทอยยืนคุมอยู่ตามทาง แปลกที่พวกนั้นไม่เดินมาล็อคคอฉันแล้วโยนออกไปแต่กลับยืนนิ่งเหมือนกับรูปปั้นปล่อยให้ฉันผ่านเข้าไปหน้าตาเฉย
“ฉันต้องการคุยกับเขา ...เดี๋ยวนี้!!” ลูกน้องคนที่ฉันเห็นอยู่บนเรือก็เปิดประตูห้องให้เข้าไปได้อย่างง่ายดายเหมือนกับรู้ว่าฉันกำลังจะเดินมาเข้าไปวีนใส่เจ้านายของเขา
“เสียงดังไม่เปลี่ยนเลย ?” น้ำเสียงยียวนกวนประสาทดังแว่วมาจากทางระเบียงห้องซึ่งมันอยู่ในโซนห้องนอนเลยก็ว่าได้ ฉันควรจะต้องเดินเข้าไปเหรอเนี่ย -_- ดูไม่ค่อยจะปลอดภัยเท่าไหร่เลย
“คุณ ..ฉันอยากกลับบ้านแล้ว ปล่อยฉันกับเพื่อนไปเถอะ” ฉันพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเป็นครั้งที่สองหวังว่าเขาจะยอมและเลิกเล่นสนุกกับพวกฉันซะที
“กินข้าวด้วยกันก่อน” เขาเบนสายตาไปที่โต๊ะอาหารด้านนอกที่มีไวน์แดงกับสเต๊กเนื้อจานใหญ่วางอยู่ ฉันกรอกตาอย่างอารมณ์เสียแล้วจ้องหน้าเขาตาเขม็ง
“แค่กินใช่มั้ย ..ได้!มาสิ”ฉันเดินผ่านตัวเขาไปก่อนจะเริ่มหันเนื้อเป็นคำๆแล้วกินเข้าไปด้วยความโมโห ซึ่งคนตรงหน้าก็ลงมานั่งกินด้วยกันอย่างหน้าระรื่น
“ยอมนอนกับฉันหรือยัง ปกติฉันไม่ใช่คนที่ชอบข่มขืนใครหรอกนะเพราะส่วนใหญ่แล้วจะยอมเป็นของฉันเองทั้งนั้น ? ...เธอก็เหมือนกันฉันจะไม่ขืนใจแต่ถ้าไม่ไหวแล้วก็เริ่มได้เลยนะ” เขาพูดมันออกมาด้วยสีหน้าปกติแบบนั้นได้ยังไงเนี่ย ฉันวางช้อนแล้วเดินออกไปจากที่ตรงนี้
“ฝันไปเถอะ คงชาติหน้าตอนบ่ายๆนั่นแหละที่ฉันจะยอมนอนกับคนแบบนาย” ฉันหันไปมองร่างสูงที่นั่งไขว่ห้างอย่างถือดีแถมยังหยิบแก้วไวน์มาดื่มโชว์ฉันอีก
“บางทีชาติหน้าอาจจะมาเร็วๆนี้ก็ได้เนอะ ?”
“นายพูดว่าอะไรนะ เมื่อกี้ อ๊ะ...” ความรู้สึกร้อนรุ่มในร่างกายนี่มันคืออะไรเนี่ย ฉันแค่จิบไวน์ไปนิดเดียวเองนะไม่ได้ดื่มไปเยอะซะหน่อยมันไม่น่าจะมีอาการเร็วขนาดนี้!!
“เป็นอะไรเหรอ เหงื่อซึมเยอะเชียว ?” ร่างสูงของทอยเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาอย่างถือวิสาสะแต่แทนที่ฉันจะผลักเขาออกกลับกลายเป็นว่าฉันผลักให้เขาลงไปนั่งที่เตียงแล้วขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ!
“ร้อนแรงจังเลย ...ไหนว่าชาติหน้าตอนบ่ายๆไง ?”เขาเอามือหนุนหัวอย่างสบายใจแต่ฉันเนี่ยกลับเป็นเหมือนอีบ้าที่กำลังจะปล้ำเขาแทน!!!
“ไม่ๆ ...ปล่อยนะ!” ฉันลุกขึ้นแล้วทำท่าจะวิ่งหนีร่างสูงก็กระชากแขนฉันให้ลงไปนอนใต้ร่างของเขาแทน ริมฝีปากหนาฉกลงมาชิงจูบอย่างรวดเร็วลิ้นร้อนๆแทรกเข้ามาควานความหวานไปอย่างร้อนแรง แม้ในใจอยากจะปฏิเสธสักแค่ไหนแต่ร่างกายมันคงไม่ฟังอะไรแล้ว
“ไหนอ้อนวอนฉันหน่อยซิ” ฉันเม้มปากไว้แน่นเพื่อเก็บเสียงครางอันน่าเกลียดของตัวเอง ฉันไม่อยากคิดว่าตัวเองชอบใจกับสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้จึงได้แต่กัดปากไว้แน่นจนริมฝีปากห้อเลือด
“ไม่ อื้อ ...ไม่มีทาง อ๊ะ” ยิ่งต่อต้านก็เหมือนว่าเขาจะยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ฉันรับรู้ได้จากการที่แรงกัดและแรงดูดเม้มมันเพิ่มอารมณ์ของเขาที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ดี! ฉันชอบคนดื้อๆแบบเธอ ...อย่าหวังว่าจะได้นอน หึๆ”