บทที่ 24
เสื้อผ้าในแบรนด์โรงงานพ่อหลิว
ที่โรงงานหลิว..
พนักงานหลายสิบคนต่างพากันมองและก้มหัวทำความเคารพ เมื่อเจ้าของโรงงานเดินเข้ามาบริเวณโถงขนาดใหญ่ของโรงงาน
“สวัสดีครับ / ค่ะ คุณหลิว”
“สวัสดีๆ ทุกคน” พ่อหลิวก็ทักทาย แล้วก้มหน้าให้ลูกน้องหลายคน
“สวัสดีครับ / ค่ะ คุณนายหลิว คุณหนูหลิว” พนักงานทักทายแม่หลิว แล้วก้มหัวให้แม่หลิวและอ้ายเหรินและเหม่ยเหมย
“สวัสดีค่ะทุกคน” แม่หลิวก็ทักทายลูกน้องด้วยท่าทีเป็นกันเอง..
“พ่อกับแม่จะขึ้นไปทำงาน ถ้ามีอะไรก็ถามพนักงานนะอ้ายเหริน เหม่ยเหม่ย”
พ่อหลิวหันมาบอกลูกสาวทั้งสอง เมื่อเดินมาถึงบันไดจะขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องทำงานของพ่อหลิว
“ได้ค่ะ” สองพี่น้องขานรับพร้อมกัน แล้วเป็นเหม่ยเหมยเองที่จูงมือพี่สาวพาเดินชมแผนกต่างๆ ในโรงงาน…
และช่วงเวลาที่เดินชมแผนกนั้นและแผนกนี้ ก็มีพนักงานหลายคนเข้ามาทักทาย
“คุณหนูหลิว สวัสดีค่ะ” พนักงานคนหนึ่งทักทาย
“สวัสดีค่ะ ทำงานกันตามสบายนะ” เหม่ยเหมยบอกพร้อมก้มหัวทักทายพนักงานทุกคน
ซึ่งเหม่ยเหมยมาที่นี่บ่อยครั้ง จึงทำให้ทุกคนคุ้นเคยและเป็นกันเองกับเหม่ยเหมยมากกว่าอ้ายเหริน
“ให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ” พนักงานถามอย่างอ่อนน้อม
“ฉันจะไปแผนกเครื่องจักรนะ” อ้ายเหรินเป็นคนบอก
“งั้นเชิญเลยค่ะ เดี๋ยวฉันพาไป” พนักงานเชิญแล้วกำลังจะเดินนำหน้า แต่..
“ไม่ต้อง เดี๋ยวพวกฉันไปเอง” ซึ่งเป็นอ้ายเหรินอีกนั่นแหละที่บอกพนักงาน
“ค่ะ” พนักงานหยุดเดิน แล้วก้มหน้าหลบสายตาอ้ายเหริน แล้วหลีกทางให้..
จากนั้นทั้งสองก็เดินมาถึงแผนกเครื่องจักร ที่มีไว้สำหรับทอผ้าและตัดผ้า
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ” หัวหน้างานแผนกเครื่องจักรรีบเดินเข้ามาหาสองพี่น้องและถามขึ้น
“ฉันอยากจะรู้ ว่ามีเครื่องจักรอันไหนว่างไหมตอนนี้”
อ้ายเหรินมองเครื่องจักรที่มีส่วนคล้ายเครื่องจักรในยุคที่เธอจากมา ถึงจะมีขนาดเล็กก็ตาม แต่เธอคิดว่าคงใช้งานที่เธอต้องการได้แน่นอน
“มีค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานคนนั้นรีบเดินนำทั้งสองไปที่ด้านในสุดของห้องนี้..
เมื่อมาถึงอ้ายเหรินเดินสำรวจเครื่องจักรด้วยความสนใจ
“พี่รองทำเป็นหรือคะ” ท่าทางคล่องแคล่วของพี่สาว ทำให้เหม่ยเหมยสงสัยจึงถาม
‘นี่พี่รองมีความรู้เรื่องเครื่องจักรพวกนี้ด้วยหรือ’ เหม่ยเหมยถามตัวเองในใจ
“เปล่า พี่แค่อยากดู”
อ้ายเหรินพูดปัดไป เพราะไม่อยากเล่าแผนการต่างๆ เพราะเธออยากมั่นใจก่อนว่าจะทำได้ไหม ถึงจะเล่าให้ทุกคนฟัง
“ใครเป็นคนคุมเครื่องจักรเครื่องนี้คะ” อ้ายเหรินถามพนักงานคนที่พาเธอมา
“หัวหน้าเต๋อค่ะ” พนักงานคนนั้นตอบ
“ตามหัวหน้าเต๋อมาพบฉันได้ไหม” อ้ายเหรินถาม
“สักครู่นะคะ” พนักงานตอบรับแล้วรีบไปตามหัวหน้าเต๋อ..
และไม่ถึงยี่สิบนาที ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายอ้ายเหรินและเหม่ยเหมย
“สวัสดีครับคุณหนูหลิว”
“หัวหน้าเต๋อใช่ไหมคะ ฉันอ้ายเหรินค่ะ” อ้ายเหรินถาม พร้อมก้มหัวทักทายชายวัยกลางคน
“ครับ ผมรู้แล้วครับ ว่าคุณเป็นคุณหนูอ้ายเหริน”
หัวหน้าเต๋อรีบก้มหัวทักทายตอบอีกครั้ง และรู้สึกแปลกใจที่ลูกสาวคนรองของเจ้านายมีกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตน
“หัวหน้าเต๋อช่วยสอนวิธีใช้เครื่องจักรนี้ให้ฉันหน่อยค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มให้หัวหน้าเต๋อ
“ได้ครับ” หัวหน้าเต๋อบอก พร้อมเปิดเครื่องจักร
“หัวหน้าเต๋อรู้ไหมคะ ว่าเครื่องจักรนี้ตั้งค่าการใช้งานอะไรได้บ้าง คือฉันต้องการที่จะใช้ทอผ้าเป็นลวดลายดอกไม้ผสมลายมังกรน่ะค่ะ”
อ้ายเหรินถามและมองหัวหน้าเต๋อเปิดเครื่องจักร
“จักรเครื่องนี้ใช้ทอผ้าได้ แล้วยังทำลวดลายต่างๆ บนพื้นผ้าได้ครับ เพราะเป็นเครื่องจักรรุ่นใหม่ที่คุณหลิวซื้อมาครับ” หัวหน้าเต๋ออธิบาย ซึ่งอ้ายเหรินก็พยักหน้ารับรู้แล้วจดใส่สมุด..
ด้านเหม่ยเหมยที่ยืนอยู่กับพี่สาวนั้น เธอเหลือบตาไปเห็นแม่หลิวที่กำลังเดินมาหา “คุณแม่” เหม่ยเหมยจึงยิ้มกว้าง แล้วเดินไปหาแม่หลิว
“เป็นยังไงบ้าง” แม่หลิวถามลูกสาวคนเล็ก แล้วหันไปยิ้มเมื่อเห็นอ้ายเหรินที่กำลังวุ่นอยู่กับการจดบันทึกอะไรสักอย่าง
“พี่รองเก่งมากค่ะคุณแม่” เหม่ยเหมยรีบตบก้นม้าพี่สาวด้วยความภูมิใจ และอยากให้แม่หลิวรู้ว่าพี่สาวทำอะไรบ้าง เธอจึงเล่าตั้งแต่พี่สาวเข้ามาและเดินไปไหนบ้าง
“…” ด้านแม่หลิวไม่พูด นางยิ้มภูมิใจมากที่ลูกสาวคนรองเก่งขึ้น
“คุณแม่” อ้ายเหรินที่ยืนคุยกับหัวหน้าเต๋อ เมื่อเห็นแม่ที่ยืนอยู่กับน้องสาวจึงรีบเดินมาหา..
“คุณนายหลิว สวัสดีครับ” ซึ่งหัวหน้าเต๋อก็เดินตามอ้ายเหรินมาทักทายแม่หลิวเช่นกัน
“ตามสบายเถอะหัวหน้าเต๋อ” แม่หลิวก้มหัวทักทายหัวหน้าเต๋อ
“ครับ งั้นผมไปทำงานต่อนะครับ” หัวหน้าเต๋อบอกพร้อมก้มหัวให้แม่หลิว แล้วเดินออกไป..
เมื่อหัวหน้าเต๋อไปแล้ว แม่หลิวก็หันมาถามลูกสาวคนรอง
“เป็นยังไงบ้างอ้ายเหริน”
“หนูกำลังเรียนรู้การตัดและการทอผ้าด้วยเครื่องจักรค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มให้แม่หลิว
และวันนี้เธอมาแล้วได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับเครื่องจักรยุคนี้ ซึ่งมันแตกต่างจากเครื่องจักรยุคที่เธอจากมามาก
“อื้อ ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามคนงานที่นี่ได้นะอ้ายเหริน” แม่หลิวบอกลูกสาว
“ค่ะ คุณแม่คะ” อ้ายเหรินพยักหน้ารับรู้ แล้วถามแม่หลิว
“ว่ายังไงลูก” แม่หลิวถาม สายตาอบอุ่นก็มองลูกสาวคนรอง
“หนูขอพนักงานแผนกตัดเย็บสักสามคน แล้วก็พนักงานเครื่องจักรตัดเย็บอีกสองคนได้ไหมคะ” อ้ายเหรินถามแม่เสียงออดอ้อน..
‘สิ่งแรกที่เธอวางไว้หลังจากเมื่อวันก่อนไปเดินสำรวจสถานที่ที่ห้างสรรพสินค้ามา เธอเห็นว่ามีหลายร้านที่ขายเสื้อผ้าหลายยี่ห้อ เธอจึงคิดว่าจะผลิตเสื้อผ้าพวกนี้ไปฝากขายให้ได้ทุนสักก้อน จากนั้นร้านเสื้อที่เธอใฝ่ฝันก็ไม่ยาก และเธอคิดไว้ว่าจะใช้ชื่อโรงงาน ‘พ่อหลิว’ เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่จะส่งขายตามร้านต่างๆ’ อ้ายเหรินคิดในใจแล้วยิ้มพิมพ์ใจคนเดียว
“พี่รองจะเริ่มผลิตเสื้อผ้าขายแล้วเหรอคะ” หลิวเหม่ยเหมยถาม
“ใช่ พี่ว่าจะทำเสื้อผ้าในนามโรงงานของเรา แล้วเอาไปฝากขายที่ร้านค้านะ” อ้ายเหรินยิ้ม เมื่อนึกถึงเสื้อผ้าที่เธอจะทำขายอย่างจริงจังแล้ว
“ได้สิ ทำตามที่ลูกต้องการได้เลย พ่อและแม่สนับสนุน” เสียงของพ่อหลิวดังขึ้น ทำให้ทุกคนให้ไปมอง
“ขอบคุณคุณพ่อมากค่ะ”
อ้ายเหรินยิ้มดีใจ เดินจูงมือแม่เข้าไปหาพ่อหลิว แล้วมองเครื่องจักร พลางนึกถึงพนักงานที่เธอของพ่อแม่หลิวยืนทำงาน และมีเธอสั่งลูกน้องให้อย่างนั้นอย่างนี้…