บทที่ 25 เสื้อผ้าในแบรนด์โรงงานพ่อหลิว(2)

2206 Words
บทที่ 25 เสื้อผ้าในแบรนด์โรงงานพ่อหลิว(2) เวลาเที่ยง.. อ้ายเหรินใช้เวลาศึกษาเครื่องจักรอยู่กับหัวหน้าเต๋อจนถึงเที่ยง เธอสังเกตเห็นหัวหน้าเต๋อเอาแต่มองนาฬิกาตรงผนังห้อง อ้ายเหรินจึงบอกหัวหน้าเต๋อว่า “หัวหน้าเต๋อ เที่ยงแล้วก็ไปกินข้าวเที่ยงได้เลยนะคะ เดี๋ยวงานที่เหลือฉันจะศึกษาเอง” “ครับคุณหนูหลิว” หัวหน้าเต๋อขานรับ และก่อนที่จะเดินออกไป เขาก็ก้มหัวให้อ้ายเหริน.. และช่วงเวลาที่อ้ายเหรินก้มหน้าก้มตาดูเครื่องจักรนั้น เธอก็ต้องเงยหน้าแล้วหันไปมอง.. “พี่รอง คุณแม่คุณพ่อบอกให้ไปกินข้าวค่ะ” “พี่ยังไม่หิว น้องเล็กกับคุณพ่อคุณแม่กินก่อนพี่ได้เลย” อ้ายเหรินเมื่อรู้ว่าเป็นน้องเล็ก เธอก็หันไปทำงานต่อทั้งที่เอ่ยบอก “แต่ว่า…” เหม่ยเหมยกำลังจะพูดว่า ‘แต่คุณพ่อคุณแม่รอกินข้าวอยู่นะคะ’ เธอก็ต้องหยุดพูด เมื่อมีเสียงของแม่หลิวดังอยู่ข้างหลัง “อ้ายเหรินพักบ้างนะลูก ไปกินข้าวกัน ส่วนงานนี่ถ้ายังไม่เสร็จ ค่อยกลับมาทำต่อก็ได้” “ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะคุณแม่ คุณแม่คุณพ่อกินก่อนหนูได้เลยค่ะ” อ้ายเหรินมองแม่หลิวที่เดินเข้ามายืนข้างเหม่ยเหมย “เชื่อแม่เถอะนะ ค่อยกลับมาทำต่อ” แม่หลิวเดินไปหยิบสมุดบันทึกในมือของอ้ายเหริน แล้วเอาไปวางไว้ตรงโต๊ะทำงาน “ก็ได้ค่ะ” อ้ายเหรินเห็นสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของแม่ เธอจึงตกลง แล้วเกาะแขนแม่หลิวพาไปยังห้องทำงานของพ่อหลิว ซึ่งในห้องทำงานของพ่อหลิวก็มีอาหารปิ่นโตที่แม่บ้านเจียงจัดเตรียมให้เมื่อเช้านี้.. เธอและครอบครัวใช้เวลากินข้าวเที่ยงกันก็ถึงบ่ายโมงกว่า พ่อแม่หลิวและน้องเล็กนั่งกินของหวาน เธอจึงขอพ่อแม่หลิวไปทำงานต่อให้เสร็จ และไม่ถึงหกโมงเย็น พ่อแม่หลิว เธอ และเหม่ยเหมย ก็กลับบ้าน… ที่บ้านหลิว.. เมื่อกลับไปถึงบ้าน อ้ายเหรินก็ใช้เวลาช่วงค่ำอยู่กับครอบครัวสักพักหลังกินข้าวมื้อเย็นแล้ว.. “คุณพ่อคุณแม่ หนูขอขึ้นห้องก่อนนะคะ” อ้ายเหรินบอกพ่อแม่หลิว เมื่อวางหนังสือแฟชั่นเสื้อผ้าไว้บนโต๊ะรับแขก “ไปเถอะลูก เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่ ขึ้นไปพักผ่อนเถอะลูก” เป็น แม่หลิวเองที่บอกลูกสาว อ้ายเหรินบอกเมื่อลุกขึ้นยืน แล้วก่อนที่จะเดินตรงไปที่บันไดขึ้นไปชั้นบน เธอก็บอกพ่อแม่หลิวว่า “ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็เหมือนกันนะ อย่านอนดึกนะคะ”.. เมื่อเข้ามาในห้องนอน อ้ายเหรินไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างที่บอกพ่อแม่หลิว แต่เธอรีบเข้าไปในตึกสามชั้นที่อยู่ในมิติ เธอเริ่มวางแผนงาน จะสร้างรายได้จากการเย็บผ้าในนามของโรงงานหลิว ขายเสื้อผ้าในครั้งแรกนี้ และเย็บผ้าของลูกค้าที่ทำค้างไว้… ***** เช้าวันใหม่.. อ้ายเหรินตื่นแต่เช้าลงมาทำอาหารเช้าให้ทุกคนกินเช่นทุกวัน และเมื่อคนในครอบครัวกินอาหารเช้าแล้ว พ่อแม่หลิวก็ไปทำงาน โดยวันนี้ พ่อแม่หลิวได้ไปส่งเหม่ยเหมยที่มหาวิทยาลัย เพราะหลิวจี้หยวนก็ยังไม่กลับมาจากรับราชการ ส่วนอ้ายเหรินก็ได้ตามพ่อแม่หลิวไปโรงงานด้วยเช่นกัน… ที่โรงงานหลิว.. เมื่อมาถึงห้องทำงานของพ่อหลิวแม่หลิวก็ถามอ้ายเหริน เมื่อเห็น ลูกสาวทำท่าจะลงไปข้างล่าง “จะไปหาพนักงานของลูกเลยไหม” เพราะเมื่อคืนหลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้ว พ่อหลิวก็จัดการหาพนักงานและจัดทำห้องทำงานให้ลูกสาวอย่างเร่งด่วน เพื่อส่งเสริมการค้านี้ของลูกสาวอย่างเต็มที่ “งั้นหนูขอตัวนะคะ” อ้ายเหรินพยักหน้ารับ มือทั้งสองที่ถือกระเป๋าอุปกรณ์เตรียมพร้อมที่จะลงไปข้างล่าง “อย่าหักโหมนะอ้ายเหริน เหนื่อยก็พักนะลูก” พ่อหลิวบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าลูกสาวเก่ง และเอาตัวรอดได้เสมอ แต่พ่อแม่ก็ยังห่วงมากอยู่ดี “ขอบคุณนะคะ” อ้ายเหรินยิ้มให้พ่อแม่หลิว แล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานของพ่อ ไปยังห้องทำงานของเธอ.. เมื่อลูกสาวคนรองไปแล้ว แม่หลิวก็หันมาคุยกับสามี “วันนี้จะให้ฉันตรวจเอกสารอันไหนดี” “ช่วยดูรายชื่อโรงงานที่จะมาร่วมงานกับโรงงานหน่อยครับ” พ่อหลิวบอกแม่หลิวพร้อมเอาแฟ้มงานให้ “ค่ะ” แม่หลิวขานรับแล้วหยิบเอกสารไปนั่งอ่านที่โซฟา… ด้านหลิวอ้ายเหรินเดินไปที่ห้องทำงานตามที่พ่อของเธอบอก..และเมื่อมาถึง เธอก็เดินเข้าไปในห้องก็เจอพนักงานชายหญิงที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว “คุณหนูหลิว” พนักงานประมาณสี่ห้าคนลุกขึ้น แล้วก้มหัวให้อ้ายเหริน แม้อีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่า แต่ก็เป็นถึงลูกสาวเจ้านาย “ตามสบายนะคะ” อ้ายเหรินบอกพร้อมโปรยยิ้ม แล้วเดินเข้าไปใกล้พวกเขา “ค่ะ / ครับ คุณหนูหลิว” พนักงานทุกคนขานรับพร้อมกัน ซึ่งพวกเขาทั้งห้าหันมองหน้ากันเล็กน้อย แล้วหันไปมองอ้ายเหริน เพราะพวกเธอไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ที่อ้ายเหรินในตอนนี้ไม่เหมือน อ้ายเหรินคนก่อนเลย “ทำตัวตามสบายเถอะ และไม่ต้องเรียกฉันคุณหนูหรอก” อ้ายเหรินบอกเสียงไพเราะ “เอ่อ งั้นพวกเราเรียกคุณอ้ายเหรินนะคะ” พนักงานหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ค่ะ แล้วนี่มีใครชื่ออะไรกันบ้างคะ แนะนำตัวให้ฉันรู้จักหน่อยสิ เริ่มจากพี่ชายเลยก็ได้ค่ะ” อ้ายเหรินหันไปมองชายคนที่ยืนก้มหน้าดูท่าจะมีอายุมากกว่าคนอื่น “เอ่อ ครับ ผมชื่อเจาครับ” ชายคนนั้นแนะนำตัวพร้อมบอกอายุว่าตัวเขาอายุสามสิบห้า ชายต่อไปที่ยืนข้างเจาก็เอ่ยขึ้นว่า “ผมชื่อซุน อายุสามสิบครับ” “ยินดีที่ได้รู้จักพี่ชายทุกคนนะคะ” อ้ายเหรินก้มหัวทักทายชายสองคนอีกครั้ง “พวกผมก็ยินดีครับ” เจาและซุนก็ก้มหัวเคารพอ้ายเหรินเช่นกัน ด้านอ้ายเหรินยิ้มเมื่อได้เอ่ยทักทายพนักงานชาย แล้วเธอก็หันไปมองพนักงานหญิง ซึ่งหญิงคนนั้นก็แนะนำ บอกอายุและชื่อของเธอ “ฉันชื่อเข่งชิงค่ะ” “ฉันผิงค่ะ อายุสามสิบค่ะ” หญิงที่ยืนข้างเข่งชิงก็แนะนำตัว “ฉันเยว่เทียนค่ะ อายุของฉันก็เท่าผิงค่ะ” หญิงคนสุดท้ายแนะนำตัว “ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆ ทุกคนนะ ยังไงฉันก็ฝากพวกพี่ๆ ช่วยแนะนำและสอนฉันด้วยนะคะ” อ้ายเหรินเมื่อได้รู้ชื่อของพนักงานทุกคนแล้ว เธอก็ก้มหัวทำความเคารพพนักงานอย่างเป็นกันเอง “พวกเรายินดีเช่นกันค่ะ / ครับ คุณอ้ายเหริน” พนักงานชายหญิงทั้งห้าก็เอ่ยพร้อมกัน “แล้วคุณอ้ายเหรินจะให้พวกผมทำอะไรก่อนครับ”เป็นเจาเองที่ถามอ้ายเหริน “พี่ผู้ชายเคยอยู่แผนกเครื่องจักรใช่ไหม” อ้ายเหรินถาม “ครับ” ชายทั้งสองขานรับพร้อมกัน “งั้นฉันจะให้พวกพี่ผู้ชายคุมเครื่องจักรการทอผ้านะคะ” อ้ายเหรินมอบหน้าที่ให้เจาและซุน “ได้ครับ” เขาทั้งสองขานรับ “ส่วนพี่สาว พวกพี่เก่งเรื่องการเย็บปักอยู่แล้วใช่ไหม” อ้ายเหรินหันมาถามพนักงานหญิง “ใช่ค่ะ” ทั้งสามก็ตอบรับพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้นรบกวนดูนี่ให้ฉันหน่อยค่ะ” อ้ายเหรินนำกระดาษแบบเสื้อผ้าออกมายื่นให้เยว่เทียน “ลายสวยมากเลยค่ะคุณอ้ายเหริน” เยว่เทียนตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองกระดาษ และด้วยท่าทางของเยว่เทียน ทำให้ทุกคนเดินมายืนล้อมโต๊ะทำงาน ซึ่งเขาทั้งหมดต่างก็มองแบบกระดาษด้วยความตะลึง “วาดสวยจริงๆ” เจาพยักหน้าเวลาพูดขึ้น “พวกพี่ๆ พอทำตามแบบนี้ได้ไหมคะ” อ้ายเหรินถาม “นี่คุณอ้ายเหรินวาดเองเหรอคะ” เป็นผิงเองที่เงยหน้าจากกระดาษมองอ้ายเหรินเวลาถาม “ใช่” อ้ายเหรินพยักหน้า “คุณอ้ายเหรินเก่งและมีความสามารถจริงๆ” เข่งชิงชื่นชมเจ้านายคนใหม่ ซึ่งในความรู้สึกของเธอแล้ว อ้ายเหรินเป็นคนใหม่จริงๆ และใหม่ในทางที่ดีเสียด้วย “ขอบคุณค่ะ นี่คือรายละเอียดของชุดที่เราจะผลิตกันนะคะ” อ้ายเหรินอธิบายรายละเอียดของชุดที่จะทำให้พนักงานทั้งห้าฟัง “พวกเราจะทำให้เต็มที่ค่ะ” เว่ยเทียน เข่งชิง และผิง ก็รับปากอย่างหนักแน่น “แล้วพวกผมละครับ คุณอ้ายเหรินอยากให้เราสองคนทำอะไรครับ” เจาที่ยืนมองพวกผู้หญิงต่างลงมือทำงานกันนั่น เขาก็ถามขึ้น “ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ แต่พรุ่งนี้งานคงหนักแน่ค่ะ ฉันให้พี่ๆ ไปตรวจดูเครื่องจักรไว้ก่อนก็ได้ค่ะ” อ้ายเหรินหันมายิ้มให้เจาและซุน “ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ” เขาทั้งสองก้มหัวเวลาเอ่ยลาอ้ายเหริน “เชิญค่ะ” อ้ายพยักหน้าและก้มหัวให้เจาและซุน และเมื่อพวกเขาทั้งสองไปยังแผนกเครื่องจักรแล้ว เธอก็หันมาอธิบายรายละเอียดให้พนักงานหญิงเข้าใจอีกครั้ง… ตลอดทั้งวันกว่าที่ทั้งสามจะทำชุดออกมาได้ดี ซึ่งอ้ายเหรินไม่ได้เร่งรัดพวกเธอ เพียงแต่อยากให้ทั้งสามคนเรียนรู้ จะได้คล่องขึ้น อ้ายเหรินวางแผนไว้ว่า เธอทำแบรนด์เสื้อของตัวเองที่เย็บด้วย มือของเธอ และจะเปิดร้านที่บ้านตัดเย็บชุดเฉพาะแขกวีไอพี ที่ต้องการแบบชุดทันสมัย ส่วนเสื้อผ้าที่ทำในโรงงานคือเสื้อผ้าทันสมัยในยุคนี้ และจะส่งขายให้ทางร้านเสื้อผ้าต่างๆ.. และใกล้เวลาเลิกงาน ทั้งสามคนก็สามารถตัดเย็บชุดออกมาได้ตามแบบที่อ้ายเหรินมอบให้ “เป็นยังไงบ้างคะคุณอ้ายเหริน” ทั้งสามคนลุ้นจนใจสั่น รอฟังคำตอบจากอ้ายเหริน ที่กำลังทำการตรวจชุดด้วยสายตาคาดหวัง “พวกพี่ๆ ทำงานดีมากค่ะ” อ้ายเหรินพอใจบอก โดยที่ไม่ยอมเงยหน้าจากผ้าที่ถูกเย็บเป็นชุดกระโปรง “โล่งอกไปทีค่ะ” เข่งชิงถอนหายใจ เมื่อได้รับคำชม “ใช่ ฉันนึกว่างานต้องได้แก้ทำใหม่เสียแล้ว” ผิงพูดขึ้น เพราะเธอไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง “ฝีมือเย็บผ้าของพวกพี่ละเอียดและสวยมากค่ะ มองไม่ค่อยเห็นตะเข็บเลย” อ้ายเหรินบอก พร้อมพยักหน้ายอมรับ “ขอบคุณคุณอ้ายเหรินค่ะ” ทั้งสามเอ่ยพร้อมกัน “นี่ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ฉันให้พี่ๆ กลับก่อนเวลาได้เลย เพราะพรุ่งนี้เรามีงานใหม่ที่ต้องทำกันอย่างหนักแน่” อ้ายเหรินยิ้มให้พนักงาน ทั้งสาม เมื่อนึกถึงงานพรุ่งนี้ “ค่ะ งั้นพวกเรากลับก่อนนะคะ” เธอทั้งสามก้มหัวเอ่ยลา “พี่ๆ ไปบอกพี่เจาพี่ซุนที่แผนกเครื่องจักรด้วยนะ ให้พวกเขากลับได้เลย” อ้ายเหรินรีบบอก พร้อมก้มหัวให้พนักงานทั้งสาม.. พอพนักงานทั้งสามออกไปแล้ว อ้ายเหรินก็ยังนั่งทำงานจนถึงเวลาเลิกงานจริงๆ เธอจึงไปหาพ่อแม่หลิวที่ห้องทำงานของพ่อหลิว… ในรถ.. พ่อหลิวที่นั่งเบาะด้านหลังคู่กับแม่หลิว ซึ่งแม่หลิวสะกิดให้พ่อหลิวมองลูกสาวที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่กับลุงจือ “เหนื่อยไหมอ้ายเหริน” พ่อหลิวถาม เมื่อเห็นลูกสาวเอาแต่นั่งเงียบ แต่ความจริงแล้วอ้ายเหรินก็มีนิสัยชอบอยู่คนเดียวเป็นคนเงียบพูดน้อยอยู่แล้ว “ไม่เหนื่อยเลยสนุกดีค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มให้พ่อหลิว เธอพูดจริงไม่ได้โกหก เพราะงานที่เธอทำเป็นงานที่เธอรัก จึงไม่ได้ทำให้เหนื่อยอะไรเลย “แล้วพนักงานละเป็นไงมั่ง ทำงานดีไหม” แม่หลิวถามเพราะเป็นห่วง นางกลัวว่าอ้ายเหรินจะทำงานไม่เข้ากับพนักงาน “พนักงานที่คุณแม่หามาให้เก่งงานกันทุกคนค่ะ” อ้ายเหรินขยับนั่งสีข้างพิงเบาะรถเวลาหันมองแม่หลิวที่นั่งอยู่เบาะหลัง “แม่ดีใจที่อ้ายเหรินพอใจพนักงาน” แม่หลิวยิ้มกว้างออกมา รู้สึก ดีใจที่ได้ช่วยลูกสาว…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD