บทที่ 23 เธอต้องลืมเขาให้ได้

2676 Words
บทที่ 23 เธอต้องลืมเขาให้ได้ ในรถ.. เฉินหลงขับรถพาแม่ออกจากบ้านหลิว และช่วงเวลาที่ขับพ้นประตูรั้วบ้านหลิว สายตาของเฉินหลงก็ยังคงจ้องกระจกมองหลัง เพื่อมองว่าเธอยังยืนรอส่งเขาอยู่หรือเปล่า แต่เขากับพบกับความผิดหวัง เพราะไม่มีเงาของเธอยืนโบกมือ ให้เขา เหมือนโบกลาลูกชายผู้พันห่าว.. “ดูๆ ก็เหมาะสมกันดีนะ สวยหล่อกันทั้งคู่” คุณนายฉางพูดคนเดียวเสียงเบาๆ แต่คนที่นั่งขับรถด้วยท่าทีเคร่งเครียดนั้นต้องหน้ากระตุก แล้วละสายตาจากกระจกมองหลังหันมองแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ “ใครเหมาะสมกับใครครับ” เฉินหลงถามแม่เสียงนิ่ง แต่ใจของเขากับไม่นิ่งสงบ เพราะเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแม่หมายถึงใคร ‘ทำไมต้องว้าวุ่นหายใจไม่ออกอย่างนี้นะ’ เฉินหลงพูดเสียงเข้มในใจคนเดียว “ก็อ้ายเหรินกับคุณกั๋วไง แม่ว่าสองคนนี้เขาเข้ากันได้ดีนะ คุณกั๋วเป็นถึงท่านทูต ส่วนอ้ายเหรินก็สวยและยังมีความรู้เย็บปักถักร้อย เป็นแม่บ้านแม่เรือน” คุณนายฉางยิ้มมุมปาก นางหยั่งเชิงแล้วเหลือบตามองลูกชายใจแข็งเหมือนหิน ‘ปากกับใจไม่ตรงกันเสียเลยนะไอ้ลูกใจแข็ง’ คุณนายฉางบ่นให้ลูกชายในใจ “ผู้หญิงเอาแต่ใจ จะไปเหมาะสมกับใครได้ล่ะครับ” เสียงพูดเหมือนประชดประชันของลูกชาย ทำให้คุณนายฉางหัวเราะ แล้วตีแขนลูกชาย “ทำไมไปว่าน้องอย่างนั้นละ” คุณนายฉางว่าลูกชาย “ก็จริงนี่ครับ นี่คงจะหาคนตื๊อแทนผมได้แล้วสิ ผมละรู้สึกสงสาร คุณกั๋วเหลือเกิน” เฉินหลงในตอนนี้เหมือนหมาหวงก้าง พูดเหมือนคนโง่ ว่าอ้ายเหรินต่างๆ นานา คุณนายฉางหยิกแขนลูกชายอีกครั้ง แล้วพูดเสียงประชดว่า “เอ่อ ลูกพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ น้องยังโสด แม่ว่าน้องมีสิทธิ์เลือก คนดีๆ ได้นะ” “ก็ใช่น่ะสิ ยศท่านทูตนี่ พ่อก็เป็นถึงนายพลด้วย” เฉินหลงกระแทกเสียงแข็งใส่ตอบโต้แม่ “ทำไมพูดแบบนี้ หรือว่าลูกหึงน้อง” คุณนายฉางยิ้มมุมปากเมื่อมองเสี้ยวหน้าเคร่งเครียดของลูกชาย “ผมไม่ได้หึง” เฉินหลงตอบเสียงเบา สายตาที่มองถนนข้างหน้าก็เลิ่กลั่ก “ดีแล้ว ถ้าไม่รักไม่ชอบน้อง ก็อย่าไปยุ่งกับน้องเลย” คุณนายฉางยังสุมไฟใสหัวใจของลูกชาย เพราะนางรู้ว่าเฉินหลงต้องชอบอ้ายเหรินนานแล้ว แต่ไอ้ลูกชายมันปากหนัก ใจกับปากไม่ตรงกัน “คุณแม่ครับ” เฉินหลงเมื่อถูกแม่ขัดขวางก็อุทานเสียงดัง พร้อมหันมามองแม่ “อะไร หรือลูกจะเปลี่ยนใจ นึกแล้วก็เสียดายจัง นี่ถ้าแม่มีลูกชาย อีกคนนะ แม่จะขออ้ายเหรินมาเป็นลูกสะใภ้เสียเลย” คุณนายฉางพูดทั้งที่ไม่มองหน้าลูกชาย “เปลี่ยนใจเรื่องอะไรครับ” เฉินหลงเมื่อรู้ตัวว่าแม่กำลังจับผิด เขาก็ปรับสีหน้าเคร่งเครียดให้เป็นปรกติ แล้วถามแม่เสียงเรียบ “ก็เรื่องของอ้ายเหรินไง ลูกเริ่มจะชอบน้องแล้วใช่ไหม ถ้าใช่ จะให้แม่ไปขอหมั้นน้องไว้ก่อนไหม” คุณนายฉางถามเสียงจริงจัง “ผม…” เฉินหลงไปไม่เป็น เขาอ้ำอึ้งอยู่กับคำถามของแม่ เขาคิดวนเวียน ว่าในตอนนี้ว่าหัวใจของเขาตอนนี้เริ่มชอบเธอ หรือว่าชอบมานานแล้ว แต่เขาแค่ปากแข็งใจแข็งและแกล้งไม่รักเธอ.. “แต่แม่คิดว่าลูกต้องรีบเลย ถ้าชอบน้องก็ต้องรีบจีบ และลูกต้องพยายามให้มากกว่านี้ เพราะคู่แข่งของลูกเป็นถึงท่านทูตเชียวนะ” คุณนายฉางยิ้มเวลาบอกลูกชาย ‘ถ้าผมจะจีบเธอ ต่อให้คนที่มาจีบเธอเป็นถึงลูกเจ้าสัวหรือ ลูกนายทหารมียศสูงศักดิ์ ผมก็ไม่กลัว’ เฉินหลงไม่คุยกับแม่ แต่เขาคิดในใจคนเดียว… ***** หลังจากทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว อ้ายเหรินก็ขอแม่หลิวขึ้นมา ชั้นบน เพราะวันนี้เธอเหนื่อยมาก ที่ต้องนั่งหน้าเชิดคอตั้งใส่ใครบางคน… ในห้องนอน.. เธอนั่งหายใจแรงๆ อยู่บนเตียง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ห้องรับแขกหรือห้องอาหาร ใบหน้าของเฉินหลงก็ยังเด่นชัดติดตาเธอเสมอ..ในตอนแรกที่เห็นเขา ใจของเธอเต้นรัวเหมือนตีกลองและเหมือนกับถูกบีบรัดจนเธอหายใจไม่ออก ‘นี่คงจะเป็นความรู้สึกที่หลงเหลือจากเจ้าของร่างนี้ ไม่ใช่ความรู้สึกของเราแน่นอน’ อ้ายเหรินเกิดความสับสน เมื่อนึกในใจคนเดียว “บ้าที่สุด เธอต้องเดินหน้าต่อไปนะอ้ายเหริน เธอจะรักเขาไม่ได้ เพราะเขาคนนี้ไม่ใช่หรือ ที่เป็นสาเหตุทำให้เธอตาย เขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่ไม่มีหัวใจ ไม่เคยรัก และแคร์ความรู้สึกของเธอเลยไม่ใช่หรือ” อ้ายเหรินพูดเสียงเหนื่อยๆ กับตัวเองและเจ้าของร่าง ตอนนี้เธอสับสน พร้อมพยายามพูดให้กำลังใจให้ตัวเองพาร่างนี้เดินหน้าต่อไป “บ้าที่สุด ทำไมเราต้องคิดถึงเขาด้วยนะ อ้ายเหรินเธอต้องเกลียดเขานะรู้ไหม” อ้ายเหรินสับสน ใจหนึ่งก็รัก ใจหนึ่งก็ไม่รัก เธอยกมือทุบหัวสองทีเพื่อลบภาพของเขาออกจากหัวเวลาบ่นให้เจ้าของร่างเดิม แล้วตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ.. เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานถึงสามสิบนาทีก็ออกมาแต่งตัว แล้วเข้าไปในตึกที่อยู่ในมิติ ซึ่งเธอขลุกอยู่ในมิติของเธอ เพื่อจัดการออกแบบเสื้อผ้าของลูกค้า… เช้าวันใหม่ เวลาหกโมงเช้า.. วันนี้อ้ายเหรินตื่นก่อนใครๆ เป็นแบบนี้ประจำทุกวัน เธอจะต้องลงไปทำอาหารเช้าให้ทุกคนกิน.. เสียงกุกกักดังอยู่ในห้องครัว ทำให้แม่บ้านเจียงที่เดินเข้ามาในห้องครัว เมื่อเห็นว่าเป็นใคร แม่บ้านเจียงก็ถาม พร้อมเดินเข้าไปหา “คุณอ้ายเหรินตื่นเช้าอีกแล้ว นี่ป้าแย่จริงๆ ตื่นทีหลังคุณทุกวันเลย” “ป้าเจียงมาก็ดีแล้วค่ะ ช่วยหั่นเนื้อไก่ แล้วหั่นมะเขือเทศให้ฉัน ด้วยค่ะ” อ้ายเหรินบอก ทั้งที่กำลังล้างผักและเนื้อไก่ “ได้ค่ะ” ป้าเจียงรีบใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วทำตามคำบอกของอ้ายเหริน “ส่วนเต้าหู้หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แล้วหั่นกะหล่ำปลี แตงกวา ฟักทอง แครอทด้วยค่ะ” อ้ายเหรินบอกแม่บ้านเจียง โดยที่ไม่ได้มองว่าแม่บ้านกำลังทำอะไร “คุณอ้ายเหรินจะทำอะไรกินค่ะเช้านี้” แม่บ้านเจียงถามทั้งที่ลงมือหั่นเนื้อไก่ “ฉันคิดว่าจะทำไก่ผัดถั่วลิสง ผัดไข่ใส่มะเขือเทศ เต้าหู้ทรงเครื่อง ซุปไข่หยดน้ำ แล้วก็ผัดผักรวมมิตร แล้วก็จะหุงข้าวสวยด้วยค่ะ” อ้ายเหรินบอกชื่ออาหารที่จะทำมากมาย จนแม่บ้านเจียงต้องทำหน้างง แต่นางก็ไม่ถาม เพราะชินแล้วกับชื่ออาหารที่อ้ายเหรินคิดขึ้น ‘ถึงชื่ออาหารจะแปลกหู แต่เวลาทำออกมาแล้วอร่อยสุดๆ ไปเลย เหมือนได้ไปกินที่ภัตตาคารใหญ่ๆ เลยละ’ แม่บ้านเจียงนึกถึงรสชาติอาหารที่ติดอยู่ปลายลิ้น เมื่อได้กินฝีมือของอ้ายเหริน “ป้าเตรียมของให้แล้ว เดี๋ยวป้าจะหุงข้าวนะคะ” แม่บ้านเจียงบอก “ขอบคุณค่ะป้าเจียง” อ้ายเหรินยิ้มและเริ่มลงมือทำอาหาร บางทีเธอก็ให้ป้าเจียงทำ แต่เธอก็เป็นคนเตรียมเครื่องปรุงให้ป้าเจียง.. และผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ อ้ายเหรินก็ถอดผ้ากันเปื้อน เมื่อทำอาหารเสร็จ “ถ้าคุณแม่คุณพ่อลงมา ป้าเจียงก็ตั้งโต๊ะเลยนะคะ” อ้ายเหรินบอก “ค่ะ เดี๋ยวป้าจัดการเอง” ป้าเจียงบอกพร้อมเก็บถ้วยเก็บชามไปวางไว้ในอ่าง “ส่วนนี้ป้าเจียง ลุงจือ และเหลียน เก็บไว้กินกันนะ ฉันแบ่งไว้ให้แล้ว” อ้ายเหรินบอก พร้อมตักอาหารใส่ถ้วย “ขอบคุณค่ะ คุณอ้ายเหริน” ป้าเจียงหันมาก้มหัวเพื่อขอบคุณคุณหนูรอง “ฉันขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ ถ้าฉันลงมาไม่ทันคุณพ่อคุณแม่ ป้าเจียงบอกท่านทั้งสองกินก่อนฉันได้เลยนะ” อ้ายเหรินบอกแม่บ้าน “ค่ะ คุณอ้ายเหรินขึ้นไปอาบน้ำเถอะค่ะ” ป้าเจียงตอบรับ “ค่ะ” อ้ายเหรินก็ยิ้มให้ป้าเจียง แล้วเดินออกจากห้องครัว ตรงไปยังบันไดเพื่อนขึ้นไปบนห้อง… เวลาแปดโมงเช้าในห้องอาหาร.. แม่บ้านเจียงและเหลียนกำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร และช่วงเวลาที่จะเดินออกจากห้องไปเอาของกินที่ห้องครัวนั่น แม่บ้านเจียงก็ต้องถอยหลังกลับ เมื่อเจ้านายทั้งสองเดินเข้ามา “คุณนาย คุณผู้ชาย” แม่บ้านเจียงหลีกทางให้เจ้านายสองคนเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ “นี่ยังไม่มีใครลงมาอีกหรือ” พ่อหลิวถามหาลูกๆ แล้วเลื่อนเก้าอี้ให้แม่หลิวนั่ง “เดี๋ยวฉันให้เหลียนขึ้นไป…” แม่บ้านเจียงกำลังจะบอกว่า ‘จะให้เหลียนไปตาม’ แม่บ้านเจียงก็ต้องหยุดพูด แล้วหลีกทางให้.. “ผมมาแล้วครับ” จี้หยวนเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับเอ่ยบอกทุกคน “หนูอยู่นี่ค่ะ” เหม่ยเหมยที่เดินตามหลังพี่ชายมาติดๆ ก็บอกเช่นกัน “มาแล้วก็มานั่งประจำที่กันสิ” พ่อหลิวบอกลูกๆ “แล้วอ้ายเหรินละ ยังไม่ลงมาหรือ” แม่หลิวถามหาลูกสาวคนรอง “คุณอ้ายเหรินขึ้นไปอาบน้ำ เดี๋ยวก็ลงมาค่ะ” แม่บ้านเจียงบอก.. อ้ายเหรินที่เดินลงบันไดและตรงมาที่ห้องอาหาร ได้ยินพ่อแม่ถามหา เธอจึงรีบบอก “หนูมาแล้วค่ะ” “อ้ายเหรินมาแล้วหรือลูก มาๆ มานั่งจะได้กินข้าวพร้อมกัน” แม่หลิวหันหลังไปมอง แล้วกวักมือเรียกลูกสาวคนรอง “ค่ะคุณแม่” อ้ายเหรินยิ้มหวานให้ทุกคน แล้วเลื่อนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างแม่หลิวนั่ง “ป้าเจียงตักข้าวได้แล้ว ดูสิอาหารเต็มโต๊ะอีกแล้ววันนี้” แม่หลิวบอกแม่บ้านเจียง เวลามองอาหารหลายอย่างบนโต๊ะ “นี่คงเป็นฝีมือของน้องรองอีกแล้วสินะ” จี้หยวนยิ้มเมื่อมองอาหารบนโต๊ะ “ใช่ค่ะ คุณอ้ายเหรินตั้งชื่ออาหารด้วยนะคะ” แม่บ้านเจียงจำชื่อได้ จึงบรรยายชื่ออาหารเวลาตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคน “ชื่ออาหารแต่ละอย่างฟังแล้วน่ากิน วันนี้พี่ต้องเจริญอาหาร อีกแล้ว” จี้หยวนชื่นชมน้องรองไม่ขาดปาก “นั่นสิคะ ขืนพี่รองทำอาหารอร่อยๆ แบบนี้ทุกวัน มีหวังหนูต้องน้ำหนักขึ้นอีกแน่” เหม่ยเหมยบ่นเมื่อได้มองหน้าพี่ชาย แต่ความจริงแล้วเพราะเธอห้ามใจตัวเองไม่ได้ว่าอย่ากินมาก เพราะพี่สาวทำอาหารอร่อยมาก “งั้นไม่ต้องกิน” อ้ายเหรินห้าม พร้อมแกล้งเลื่อนอาหารตรงหน้าเหม่ยเหมย “ได้ไงคะ อาหารฝีมือพี่รองอร่อยแบบนี้ จะไม่กินได้ไง” เหม่ยเหมยรีบร้องประท้วง อ้ายเหรินจึงทำหน้างอใส่น้องสาว แล้วหันไปคุยกับพี่ชายว่า “วันนี้ห่อไปด้วยไหมพี่ใหญ่” เธอดีใจที่ทุกคนชอบฝีมือในการทำอาหารของเธอ ซึ่งการเป็นเชฟ คือความภาคภูมิใจ ที่ได้ยินทุกคนชื่นชอบอาหารที่เธอทำ “แน่นอนอยู่แล้ว” จี้หยวนไม่ปฏิเสธ แต่ยังขอเยอะๆ อีกด้วย เพราะจะเอาไปเผื่อเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วย “ป้าไปจัดการให้ค่ะ” แม่บ้านเจียงจึงอาสา “ขอบคุณครับป้าเจียง” จี้หยวนยิ้มให้ป้าเจียง “ป้าเจียงห่อใส่ปิ่นโตสองอันให้ฉันด้วยนะ” อ้ายเหรินบอก เพราะวันนี้เธอเตรียมให้ตัวเองและพ่อแม่ เอาไปกินที่ทำงานด้วย นั่นทำให้แม่บ้านเจียงสงสัยแต่ไม่กล้าถาม แต่นางก็รับคำ “ค่ะ” แม่บ้านเจียงบอกแล้วเดินออกไป.. “วันนี้หนูขอไปที่โรงงานด้วยนะคะ” อ้ายเหรินหันไปคุยกับพ่อแม่หลิว เมื่อทุกคนเอาแต่เงียบ นั่นทำให้พ่อหลิวแม่หลิวมองลูกสาวด้วยสายตาเดียวกัน “พอดีหนูมีแบบผ้าที่ต้องการเอาเข้าเครื่องจักรน่ะค่ะ” อ้ายเหรินบอกเหตุผลที่เธออยากไปโรงงาน “ได้สิลูก” แม่หลิวยิ้ม เพราะไม่ว่าลูกสาวต้องการอะไร พ่อแม่หลิว ก็สามารถทำให้ได้ทั้งนั้น “หนูไปด้วยค่ะ” เหม่ยเหมยยกมือและขอไปด้วย “วันนี้ไม่มีเรียนหรือ” อ้ายเหรินถามน้องสาว เธอสังเกตว่าวันนี้เหม่ยเหมยไม่ได้เอากระเป๋าและบรรดาหนังสือลงมาด้วย ซึ่งเมื่อวานน้องสาวก็ไม่ได้บอกว่าวันนี้ไม่มีเรียน “ไม่มีค่ะ”เหม่ยเหมยส่ายหน้าให้พี่สาว เพราะวันนี้ทางมหาวิทยาลัยมีประชุมเรื่องทุนการศึกษาไปต่างประเทศ ทำให้เธอไม่ได้ไปเรียน “ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกัน” พ่อหลิวจึงให้บทสรุป เพราะยังไงก็ว่างทั้งสองคน “ค่ะ” อ้ายเหรินและเหม่ยเหมยตอบตกลงทันที แล้วหันมายิ้มให้กัน “งั้นก็รีบกินข้าวกันได้แล้ว ดูสิอาหารเย็นหมดแล้ว” พ่อหลิวบอก ซึ่งทุกคนก็ทำตามพ่อหลิวบอก พากันกินอาหารเช้ากันต่อ.. “วันนี้ผมคงไม่กลับบ้านนะครับ” ด้านหลิวจี้หยวนก็เอ่ยขึ้น ว่าเขาคงไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน นั่นทำให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองจี้หยวนเป็นตาเดียว “มีภารกิจหรือ” พ่อหลิวถาม เพราะปกติแล้วถ้าลูกชายไม่กลับบ้าน ก็จะต้องมีเรื่องที่ค่ายหรือออกนอกพื้นที่กับเจ้าหน้าที่คนอื่นแน่นอน “ใช่ครับ พอดีต้องออกตรวจโกดังแถวชานเมืองครับ” จี้หยวนบอกคร่าวๆ ว่าตัวเองต้องไปทำอะไร นั่นทำให้ทุกคนที่มีสีหน้าเคร่งเครียด และพอรู้ว่าภารกิจครั้งนี้ของ จี้หยวนไม่อันตรายนัก สีหน้าของทุกคนก็คลายความเครียดลง “ระวังตัวหน่อยนะลูก” แม่หลิวบอกลูกชาย หัวอกของแม่ ถึงจะรู้ว่างานที่ลูกไปทำนั้นไม่อันตราย แต่แม่หลิวก็ห่วงลูกเสมอ “พี่ใหญ่ดูแลตัวเองนะคะ” ด้านเหม่ยเหมยเองก็ห่วงพี่ชายเช่นกัน “ไม่ต้องห่วงหรอก นี่ใคร พี่ใหญ่นะ” เพราะไม่อยากให้ครอบครัวเป็นกังวล หลิวจี้หยวนจึงพูดหยอกล้อน้องเล็ก “ฉันก็ขอให้พี่ใหญ่ปลอดภัยค่ะ” อ้ายเหรินให้พรพี่ชาย ซึ่งครั้งนี้คือครั้งแรกเลยตั้งแต่พี่ชายเข้าร่วมกองทัพ ที่อ้ายเหริน อวยพรจี้หยวน “ขอบใจมากนะ” จี้หยวนบอกน้องสาวทั้งสอง แต่สายตาขอบคุณอยากจริงใจกลับมองน้องรอง เพราะเป็นคำอวยพรครั้งแรกของเธอที่ให้เขา “รีบกินข้าวกันเถอะ จะได้รีบไปทำงานกัน” พ่อหลิวบอกลูกๆ อีกครั้ง นั่นทำให้ทุกคนยิ้มกว้าง แล้วพากันกินข้าวเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข.. และอาหารมื้อเช้าก็ผ่านไป ทุกคนในบ้านก็แยกย้ายกันไปทำงาน โดยพ่อหลิวพาภรรยาและลูกสาวทั้งสองไปที่โรงงานด้วย ส่วน จี้หยวนก็ไปทำงานที่ค่ายทหารเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือวันนี้เขามีปิ่นโตอาหารฝีมืออ้ายเหรินไปด้วยตั้งสองปิ่นโตแหนะ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD