ตอนที่ 8 : ไม่สิ้นไร้ไม้ตอก
เสียงเพลงดังกระหรึ่มเมื่อเข้าสู่เวลาเที่ยงคืน นักท่องราตรีในยามค่ำคืนสนุกสนานไปกับเสียงเพลงจังหวะมันๆ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์สูบฉีดในร่างกายทำให้แต่ละคนอวดรวดลายไปกับเสียงเพลง
อันดาอวดร่างกายอันเซ็กซี่ด้วยการเต้นยั่วยวนไปกับเสียงเพลง รับรู้ได้ถึงสายตาของชายหลายคนที่มองมาพลางส่งยิ้มยั่วยวนกลับไป
"ไหนว่าพาเพื่อนมาปลอบใจ ทำไมแกดูสนุกกว่าฉันนะยัยอันดา" ใบหม่อนแซวเพื่อน
"ก็ปลอบใจอยู่นี่ไง ล่อเหยื่อให้เข้ามาเผื่อแกสนใจ"
"ฉันว่าผู้ชายสนใจแกมากกว่า"
"ก็ไม่แน่นะ ขวามือมีผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกำลังมองแกอยู่ ลองส่งสายตาหวานๆไปสิ เผื่อได้ผัวใหม่แก้เหงา" อันดาพูดไปพร้อมกับเต้น ทำเหมือนไม่สนใจแต่รู้ว่าใครกำลังสนใจอยู่บ้าง
เรื่องเรียนได้เลือดแม่ ส่วนเรื่องเที่ยวได้เลือดพ่อ
ใบหม่อนชำเลืองมองตามเพื่อนและเป็นไปตามที่อันดาพูด "แกนี่สุดจริงๆ หาผัวให้เนเน่หน่อยสิ รายนั้นจะเฉาอยู่แล้ว"
"อย่ามายุ่งกับฉัน สวยแบบฉันหาเองได้ ไม่ค่อยมักวันไนท์สแตน"
"จะบอกให้ว่าวันไนท์สแตนนี่แหละเด็ด มีเรื่องให้น่าตื่นเต้นตลอด ไม่ซ้ำจำเจ"
อันดาส่ายหัวให้กับคำพูดของเพื่อน ทั้งที่เมื่อเช้ายังเหมือนจะเป็นจะตายเรื่องผู้ชาย แต่พอเจอผู้ชายที่หมายปองดันเปลี่ยนอารมณ์เหมือนกับสับสวิตช์
"แกเอาบ้างไหมอันดา เห็นยั่วๆแต่ไม่ได้สักที"
"ไม่คันขนาดนั้น"
"เหมือนด่าฉันนะ"
ทั้งสามคนหัวเราะอย่างมีความสุขและพากันดื่มอย่างสนุกสนาน
"ถ้าผมขอร่วมวงด้วยจะได้ไหมครับ" ชายหนุ่มมาดไทยเดินเข้ามาหากลุ่มสาวสวย สายตาคมมองไปที่หญิงสาวร่างอรชรผมสีน้ำตาลหม่นเทา แววตากะลิ้มกะเหลี่ยส่งตรงไปที่เธอ
"พวกเราเหงาอยู่พอดี ชวนเพื่อนเสื้อขาวมาด้วยสิ รู้ว่าแอบมองเพื่อนเราอยู่" อันดาส่งสายตาหยาดเยิ้มและชวนแก๊งชายหนุ่มเข้ามาร่วมวง ไม่มีท่าทีเขินอายเลยสักนิด เพราะผับกลางคืนมักมาคู่กับผู้ชายที่จ้องจะหาเหยื่อ ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อยากออกเที่ยวเพื่อให้ได้กลับไปแก้เหงา
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มทำให้เวลาพูดคุยกันต้องแนบชิดจนแก้มชนแก้ม อันดาไม่ได้รู้สึกเคอะเขิน รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายที่เข้ามาต้องการอะไร
ท่อนแขนของชายหนุ่มโอบเอวร่างอรชรและยืนประคองหลัง เต้นไปพร้อมกับหญิงสาว พร้อมกับดื่มเหล้าให้เลือดในตัวสูบฉีด กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวช่างหอมหวานจนอยากกัดกินไปทั้งตัว
"เราไบรตัน เรียนอยู่มหาลัยxx ปีสาม"
"เราอันดา"
"แค่นี้?"
"เจอกันในที่แบบนี้คงไม่ต้องสักประวัติเหมือนตอนสมัครงานหรอกนะ ตื่นมาก็ลืมแล้ว"
"แล้วถ้าเราไม่อยากลืมล่ะ"
"ก็อยู่ที่ความสามารถ จะทำให้น่าจดจำได้มากน้อยแค่ไหน" อันดาหันมาเผชิญหน้าชายหนุ่ม นิ้วเรียวยาวลูบไปตามแผงอกแกร่งเบาๆก่อนจะหันกลับไปเต้นตามจังหวะเพลงสนุกๆ ส่งสายตามองเพื่อนสาวที่กำลังออดอ้อนผู้ชายที่พึ่งเจอไม่ถึงห้านาที
หวังว่าแกจะลืมผัวเก่าได้นะใบหม่อน
อันดาส่งสายตาให้เนเน่และระบายยิ้มให้กัน ก่อนที่สาวๆจะคลอเคลียไปกับหนุ่มที่เข้ามาหา
"คืนนี้ว่างไหม"
"อยากได้เราเหรอ" อันดาถามไปตรงๆ
"เธอนี่ตรงดีนะ เราชอบ"
อันดาได้แต่ยิ้มและไม่ได้ตอบคำเชิญชวนของชายหนุ่มที่พึ่งเจอกันได้ไม่นาน
—————-
"นั่น ยัยอันดานิ" รุ่นพี่ปีสี่สังเกตเห็นรุ่นน้องที่พึ่งมีเรื่องกันไป
"แล้วไง เธอสนใจผู้หญิงคนนั้นมากกว่าฉันงั้นเหรอ" ชาวินท์ยื่นหน้าไปหาในระยะประชิด
"ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ เพราะคงโดนจนพรุนหมดแล้ว สู้พี่...เอ่ย สู้ป๊อปปี้ก็ไม่ได้ ที่รักเดียวใจเดียว มีเอาไว้ให้ผู้ชายที่หมายปอง ว่าแต่คืนนี้จะไปต่อไหนกันดี ชวนป๊อปปี้มาแบบนี้คงไม่คิดจะแค่ออกมาดื่มเฉยๆหรอกใช่ไหม" รุ่นพี่สาวเปลี่ยนมาสนใจรุ่นน้องหนุ่ม แขนเรียวยาวคล้องคอไว้หลวมๆพร้อมกับแสดงท่าทางออดอ้อนเหมือนคนเมา
"หึ คิดว่าไงละ"
"คิดว่า..." รุ่นพี่สาวลูบไร้ต่ำลงไปจนถึงกลางหว่างขาของชายหนุ่ม เบิกตาโพลงด้วยความตกใจทั้งที่อยู่ภายใต้กางเกงแต่รับรู้ได้ถึงความใหญ่
"หกสิบพอไหวไหม" ชาวินท์กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงกระเส่าและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้หญิงสาวที่ยังตกตะลึงในความใหญ่
"พี่ไม่ค่อยชิน ทำพี่เบาๆนะ" รุ่นพี่สาวใช้จริตเหมือนสาวไร้เดียงสา
ชาวินท์มองหน้ารุ่นพี่สาว พลางนึกในใจกับการแสดงออกของเธอ
มารยาหญิงใช้ไม่ได้กับเขา จากลีลาและการเข้าหาของเธอทำให้รู้ได้ว่าไม่เบา แต่คงเป็นครั้งแรกที่เธอเจอไซซ์นี้ ถือว่ายังดีอย่างน้อยก็มีประสบการณ์ไม่แข็งเป็นท่อนไม้ซุง
เมื่อถึงช่วงผับปิด...
อันดาโบกมือลาเพื่อนสาวที่ควงแขนไปกับผู้ชายที่พึ่งเจอกันในผับเพื่อคลายความเหงาจากผัวเก่า และส่งยิ้มให้กับเนเน่ที่กำลังขึ้นรถส่วนตัวกลับบ้านคนเดียว งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เหมือนกับตอนนี้ที่ผับปิดแล้วเธอก็ต้องกลับเช่นกัน
"เราจะไปไหนกันต่อดีล่ะ"
"กลับบ้าน"
"ไหนว่าไปต่อ" ชายหนุ่มเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ ทั้งที่ตอนอยู่ในผับเธอยังยั่วยวนเหมือนล่อเหยื่อ แต่พอผับปิดกลับปลีกตัวออกห่างเหมือนคนไม่รู้จักกัน
"เรายังไม่ได้พูดว่าจะไปต่อนะ สนุกกันแค่ในผับ รู้จักกันแค่พื้นที่ตรงนั้นก็พอแล้วล่ะ พอดีเราไม่ชอบพันธะผูกพัน" อันดาส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มและเดินแยกออกมาบริเวณที่รถของตัวเองจอดอยู่
เป็นเรื่องปกติของเธอ ที่สนุกสนานแค่อยู่ในสถานบันเทิง พอทุกอย่างจบก็แค่แยกย้าย ถึงจะเป็นเสือสาวยั่วสวาท แต่ไม่มั่วกับผู้ชายที่พึ่งรู้จักกันยังไม่ทันข้ามวัน
ถึงเธอจะแรด แต่ไม่ใช่ผู้หญิงร่าน เหมือนกับคู่รักที่กำลังนัวเนียกันอยู่ใกล้กับรถของเธอ
ดวงตากลมโตกลอกตามองบนที่ได้เห็นภาพอุบาทว์ตา แต่พอมองดีๆทำให้ริมฝีปากบางยกยิ้มมุมปาก
“พึ่งรู้ว่าอดอยากปากแห้งจนต้องใช้ที่สาธารณะเป็นโรงแรมม่านรูด”
เสียงที่คุ้นหูทำให้ชาวินท์หยุดการกระทำของตัวเอง และผละริมฝีปากออกจากรุ่นพี่สาว
สายตาคมกริบมองหญิงสาวร่างอรชรที่คุ้นตา ก่อนหน้านี้ยังเห็นเธอนัวกับผู้ชายไม่ต่างจากม่านรูด
“เหมือนเธองั้นเหรอ ตอนอยู่ข้างในฉันยังเห็นเธอกับไอ้หมอนั่นแทบจะสิงร่างกัน”
“สนใจฉันจนถึงขั้นจับตาดูความเคลื่อนไหวของฉันเลยเหรอ”
“ให้ป๊อปปี้ตบมันซะทีหนึ่งไหม หมั่นไส้ตั้งแต่เช้า”
ชาวินท์คว้ามือรุ่นพี่สาวไว้ เพราะเขาไม่อยากให้เสียบรรยากาศไปมากกว่านี้ กำลังได้อารมณ์แต่ถูกขัดจังหวะก็หงุดหงิดพอแล้ว
“ฉันไม่ได้สนใจเธอ หรือที่เธอขัดจังหวะฉันเป็นเพราะต้องการให้ฉันทำ” ชาวินท์ยกยิ้มมุมปากอย่างดูถูก
“หึ! ฉันไม่สิ้นไร้ไม้ตอกเอานายมาแก้คันหรอกนะ แต่เผอิญรถที่นายพิงอยู่มันคือรถฉัน”
ชาวินท์ชะโงกมองป้ายทะเบียนรถ แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะผิดพลาดซะเอง ตอนออกมาไม่ได้ดูป้ายทะเบียนไม่คิดว่ารถของอันดาจะจอดอยู่ใกล้กับรถตัวเอง
“เสนียด!”
“อีอันดา”
“อีป๊อปปี้” อันดาตอกกลับทันควัน
“หยุด! หมดอารมณ์ แยกย้าย” ชาวินท์ระเบิดเสียงดัง “ขึ้นรถกลับเองละกัน นี่เงินคงพอค่ารถ”
ชาวินท์ยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือรุ่นพี่สาวและเดินไปที่รถสปอร์ตคันหรูของตัวเองด้วยอารมณ์คุกรุ่น
รุ่นพี่สาวอ้าปากเหวอกับสิ่งที่ได้รับ
ปึก
“หลบ!” อันดากระแทกไหล่รุ่นพี่สาวและเปิดประตูขึ้นรถสปอร์ตคันหรูของตัวเอง
“กรี๊ดดดด…อะไรวะเนี่ย” รุ่นพี่สาวกรีดร้องดังลั่นทั้งที่กำลังเข้าได้เข้าเข็มแต่ถูกขัดจังหวะ
ปึก ปึก ปึก
มือเล็กๆทุบรถสปอร์ตของอันดาจนเกิดเสียงและเต็มไปด้วยความโมโห
อันดาลดกระจกลงเพียงนิด
“ถ้าไม่อยากโดนรถเหยียบตายตอนนี้หลบไปซะ”
บรื้นนนน….
ทันทีที่พูดจบอันดาเบิ้ลเครื่องเสียงดังเพื่อข่มขวัญและบ่งบอกว่าเธอทำจริง
สายตาคมกริบมองการกระทำของอันดาอยู่ในรถสปอร์ตของตัวเอง ถึงเธอจะทำให้เสียบรรยากาศแต่เขากำลังนึกอะไรบางอย่างออก
'ฉันไม่สิ้นไร้ไม้ตอกเอานายมาแก้คันหรอกนะ'
“ก็ไม่แน่ ฉันจะทำให้เธอสงบปากสงบคำแบบไม่กล้าชี้หน้าด่าฉันได้อีก”