ตอนที่ 9 : สีสันชีวิต
หญิงสาวร่างเล็กกลับมาถึงบ้านในยามราตรี ดวงตากลมโตมองนาฬิกาบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว เท้าเรียวเล็กเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางปกติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีเรื่องให้หงุดหงิดแต่อันดาไม่อยากแสดงออกเมื่อกลับมาถึงบ้าน
ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มเมื่อมาที่โต๊ะอาหารมีข้าวใส่กล่องไว้ง่ายต่อการอุ่นให้ร้อน
"ไม่มีใครรู้ใจเท่าแม่ของอันดาอีกแล้ว ขอบคุณนะคะคนสวยของอันดา"
ข้าวต้มถูกแยกน้ำวางไว้รอต้อนรับเมื่อรู้ว่าลูกสาวกลับดึก ปกติแล้วเธอกลับหรือไม่กลับบ้านจะบอกที่บ้านเสมอ แม่จะได้เตรียมอาหารไว้ให้
ภายในบ้านที่เงียบสงัด หญิงสาวตัวเล็กนั่งกินข้าวต้มฝีมือแม่ด้วยความสุข ต่อให้จะดื่มมากรึ่มๆ แต่พอได้กินข้าวต้มอุ่นๆทำให้รู้สึกโล่ง
"กลับมาแล้วเหรอคนสวยของพ่อ"
"ค่ะ ยังไม่นอนเหรอคะ"
"พ่อนอนไม่ค่อยหลับเลยนั่งเคลียร์งาน ได้ยินเสียงรถลูกสาวคนโตเข้าบ้านมาพอดีเลยลงมาดู"
อันดาพยักหน้ารับรู้และส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ
จัสตินมองลูกสาวพร้อมกับเผยรอยยิ้ม จัสตินหวงและห่วงลูกๆมาก แต่ปล่อยให้เขาทั้งสองได้ใช้ชีวิตอิสระ ให้ลูกสร้างเกาะป้องกันด้วยตัวเองบ้าง ถึงคนเป็นพ่อจะไม่ชอบให้ผู้ชายที่ไหนมาเกาะแกะลูก แต่เพราะความเชื่อใจและรู้ว่าอันดาไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นเลยไม่มีอะไรต้องกังวล
ไม่มีใครรู้นิสัยลูกดีเท่าพ่อกับแม่ที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวน้อย
"อะไรที่เป็นความสุขของลูกสาวพ่อ พ่อจะไม่ห้าม พ่อเชื่อว่าลูกสาวคนนี้สามารถดูแลตัวเองได้ เอาตัวรอดได้ดี" จัสตินเดินมาลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู
มือเรียวเล็กจับมือพ่อและโอบกอดลำตัวหนาของพ่อ
"ขออันดาดื่มด่ำกับความสนุกนี้ไปสักพักนะคะ อันดาสัญญาว่าจบแล้วอันดาจะตั้งใจทำงานและเป็นผู้ช่วยแพทย์อาสาให้คนยากจนร่วมด้วย อันดามีเป้าหมายชัดเจนค่ะ ขอเก็บเกี่ยวชีวิตวัยรุ่นอีกสักนิดนะคะ"
ถึงอันดาจะเรียนสายบริหาร แต่เรื่องช่วยคนป่วยพอมีความรู้ติดตัวบ้าง แม่นับดาวสอนเธอมาตั้งแต่เด็ก เห็นแม่ช่วยผู้ป่วยมาตั้งแต่เด็ก ถึงเธอจะไม่มีใบอนุญาตเป็นหมอและไม่ต้องการเรียนหมอตั้งแต่แรก แต่ใจยังอยากช่วยเหลือคนป่วยที่ยากไร้ เลยตั้งใจไว้ว่าเมื่อเรียนจบแล้วช่วยพ่อบริหารงานและไปเป็นผู้ช่วยคุณหมอรักษาคนป่วยที่ยากจนตามพื้นที่ต่างจังหวัด อย่างน้อยการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเธอก็เก่งไม่ต่างจากแพทย์มือสมัครเล่น
"พ่อขอให้ฝันของลูกเป็นจริง กินข้าวให้อิ่ม แล้วขึ้นไปพักผ่อนนะคนเก่ง"
"รับทราบค่ะ พ่อไปนอนได้แล้วค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ไม่มีใครนอนกอดแม่นะ"
"พ่อพึ่งคลายกอดจากแม่เมื่อตอนเที่ยงคืนเอง"
อันดาหรี่ตามองสีหน้าพ่อด้วยท่าทางทะเล้น รู้ดีว่าพ่อหมายความว่าอะไร
"แก่แล้วนะคะ คงไม่มีน้องให้อันดากับอันนานะคะ"
"ถึงจะแก่แต่ฟิตปึ๋งปั๋ง"
ฮ่า ฮ่า...อันดาระเบิดหัวเราะ จัสตินยิ้มออกมาเมื่อเห็นลูกมีความสุข จากบ้านที่เงียบสงัดกลายเป็นว่ามีเสียงของพ่อกับลูกสาวคนโตพูดคุยกันอย่างออกอรรถรส
ทางด้านของชาวินท์
เท้าแกร่งค่อยๆ ย่องเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ปิดไฟมืดสนิท แม้แต่จะหายใจยังต้องค่อยๆ สายตาคมมองซ้ายมองขวาเมื่อทางสะดวกทำให้ย่องขึ้นบันไดอย่างระมัดระวัง
พรึบ
แสงไฟสว่างทั่วทั้งบ้าน ทำเอาคนที่กำลังก้าวขาขึ้นบันไดขั้นแรกสะดุ้งเฮือก ใบหน้าคมคายหันกลับไปเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมองอย่างคาดโทษ
"ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า กลับมาอีกทีเกือบจะเช้าอีกวัน"
"แม่ครับ" ทันทีที่ถูกจับได้ร่างแกร่งเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่และโอบกอดทำท่าทีออดอ้อน
"ดื่มมา?"
"ปกติของวัยรุ่นครับ"
"ตอนเด็กว่านอนสอนง่าย แม่ว่าดัดมาตั้งแต่เด็กทำไมพอโตแล้วดัดยากเหลือเกิน"
"สีสันในช่วงอายุครับ"
ชาวินท์หลบสายตาอำมหิตของแม่ เพราะรู้ว่าตัวเองผิด "แก้รายงานมาครับแล้วดื่มสังสรรนิดหน่อยเอง"
"แม่ไม่ได้อายุสิบขวบนะชาวินท์"
"ผมรักแม่นะครับ ฝันดีครับ"
ฟอด...
ชาวินท์หอมแก้มแม่ฟอดใหญ่และรีบวิ่งขึ้นห้องไปด้วยความเร็วแสง เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ก็หายโกรธ
แต่แล้วเท้าแกร่งหยุดชะงักเมื่อเจอด่านที่สอง แถมยังยืนกอดอกสวมมาดมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ มือหนาลูบท้ายทอยและส่งยิ้มแหยๆให้กับพ่อชาร์ล
"เห็นไหมว่าแม่เขาต้องอดหลับอดนอนเพื่อรอเรากลับบ้าน"
"ทราบครับ"
"แล้วควรทำยังไง"
"ขอโทษที่กลับดึกครับ คราวหน้าผมจะโทรมาบอกที่บ้านก่อนว่ากลับหรือไม่กลับ ผมจะไม่ให้พ่อกับแม่รอดึกๆแบบนี้อีกแล้วครับ" ชาวินท์พนมมือไหว้ขอโทษพ่อและหันไปหาแม่ที่เดินเข้ามาพอดี
อลินดายังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากสามี
"หวังว่าเกรดออกมาจะเก่งขึ้นเหมือนที่เที่ยวเก่งขึ้นนะชาวินท์" อลินดาพูดเสียงเรียบ
"เดี๋ยวผมเอาใบเกรดมาให้แม่ดูครับ ผมไม่มีทางทำให้แม่ผิดหวัง"
ชาวินท์หลบสายตาของแม่ที่เกรี้ยวกราดจนไม่กล้าสู้หน้า
"ถ้าเกรดเทอมที่แล้วออกมาไม่ดี บัตรเครดิตทุกใบจะถูกระงับ"
"ครับแม่" ชาวินท์ตอบรับคำของแม่ และชำเลืองมองพ่อ
"ไม่ต้องมามองพ่อ เรื่องนี้พ่อไม่ช่วย พ่อก็อยากเห็นเกรดชาวินท์เหมือนกัน ควายยังมีประโยชน์ช่วยไถนา อย่าทำให้ตัวเองด้อยค่ากว่าควาย"
ชาวินท์รับฟังคำพูดของพ่อและเดินคอตกไปยังห้องนอนของตัวเอง
อลินดามองหน้าชาร์ลพร้อมกับส่ายหัว นับวันชาวินท์ยิ่งแข็งข้อขึ้นเรื่อยๆ
"เพราะเลี้ยงลูกสบายเกินไปหรือเปล่าคะ น่าจะส่งไปทำไร่ทำนากับตายายสักปีคงรู้จักคุณค่าของเงินและใฝ่หาความรู้เหมือนที่พี่เคยเจอ"
"แบบนั้นพ่อกับแม่ลินจะเหนื่อยนะ ตอนนี้ท่านทั้งสองก็อายุมากแล้วต้องมีพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ส่งไอ้แสบไปกลัวจะอาการหนักกว่าเดิม"
"เฮ้อ...ตอนพี่ชาร์ลลินปวดหัวจนแทบระเบิด มาเจอชาวินท์อีก"
"ไม่ต้องห่วง ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ พี่จะจัดการขั้นเด็ดขาดเอง ถึงพี่จะใจดีกับลูกแต่ถ้าลูกทำผิดพี่ก็มีมาตรการลงโทษเหมือนกัน พี่เป็นมาเฟียคลุมลูกน้องนับร้อยคน นี่ชาวินท์คนเดียวทำไมพี่จะควบคุมไม่ได้"
ชาวินท์ยืนพิงประตูเพื่อฟังพ่อกับแม่คุยกันทำเอาเสียวสันหลังวาบ และถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ที่เอาตัวรอดมาได้อีกครั้ง
ฟุ่บ
เสื้อผ้าที่สวมใส่ถูกถอดออกจากร่างกายกำยำกองไว้ที่พื้น ใช้เท้าเกี่ยวเสื้อขึ้นมาและโยนลงตะกร้าผ้าอย่างไม่ไยดีและเดินเข้าห้องน้ำ
สายตาคมมองตัวเองผ่านกระจกเงา เห็นเงาสะท้อนของตัวเองพลางยกยิ้มมุมปาก
"ผมจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังครับ รับรองจบแน่นอน"
ชาวินท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีต่อให้ตอนนี้จะใกล้เช้าแล้ว แต่เขาไม่ได้สะทกสะท้านเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด คงตื่นอีกทีช่วงเย็นเหมือนเคย
แม่ชอบบ่นแบบนี้ทุกรอบ แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน พ่อก็แค่ทำขรึมต่อหน้าแม่เท่านั้น แต่คอยให้ท้ายเขาตลอด
เสียงเพลงดังเล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอนหนุ่มโสด ถึงแม้จะชวดเรื่องสาวแต่ไม่ได้ทำให้ชาวินท์เป็นเดือดเป็นร้อน ยังไงซะยังมีผู้หญิงอีกมากมายพลีกายให้
“ฉันจะทำให้เธอสยบแทบเท้าให้ได้…อันดา เมื่อมันถึงขีดจำกัดอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าแลกกับชัยชนะและเหยียบเธอให้จมดิน เธอต้องเป็นลูกไก่ในกำมือฉัน”