พลอยรัมภาทำใจอยู่ทั้งคืน เธอตัดสินใจไม่ยอมลางานในวันจันทร์ เพราะไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียการเสียงาน ถึงแม้จะยังเจ็บอยู่แต่ว่าเธอก็ต้องอดทน เพื่อที่จะเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างเต็มตัว
เธอกลับบ้านในตอนเช้ามืดเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงาน วรรณามองดูลูกสาวที่ยิ้มเศร้าๆ ลงมาจากห้องแล้วบอกให้เธอทานอาหารเช้าก่อนไปทำงาน
ธีรวัฒน์เดินลงมาแตะหัวลูกสาวเบาๆ แล้วนั่งลงข้างๆ ก่อนที่วรรณาจะตามมานั่งแล้วตักข้าวต้มให้สามีและลูกสาวคนละถ้วย แล้วจึงตักให้ตัวเอง
พลอยรัมภายังไม่พร้อมที่จะเล่าเรื่องของเธอให้พวกเขาฟังในตอนนี้เพราะกลัวว่าจะอ่อนไหวแล้วร้องไห้ออกมา
เธอทานข้าวต้มได้ไม่กี่คำก็ขอตัวไปทำงาน ทั้งสองคนมองดูลูกสาวด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้รบเร้าให้เธอพูดอะไรให้ฟัง
เมื่อไปถึงที่ทำงาน เธอก็อดคิดถึงสิ่งที่บดินทร์ทำให้เธอมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่ได้ พลอยรัมภากำมือแน่น กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วดูตารางงานที่เธอต้องทำในสัปดาห์นี้แล้วก็ให้กำลังใจตัวเองให้ฮึดสู้กับงาน
“วันนี้ไม่มีขนมกับดอกไม้เหรอจ๊ะน้องพลอย” แม่บ้านถามเธอ
พลอยรัมภาได้ยินก็เจ็บปวดขึ้นมาแต่ก็อดทนไว้
“อ้าวพลอย วันนี้ไม่มีขนมของคุณบดินทร์เหรอ พี่ว่าจะขอทานกับกาแฟสักหน่อย หรือว่าพลอยปฏิเสธเขาไปแล้ว เลยไม่มาให้พวกพี่แซวเลย” เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ถามแซวขึ้นโดยที่ไม่ได้ดูหน้าของพลอยรัมภาเลยสักนิด
พลอยรัมภาฝืนยิ้มไม่ได้พูดอะไร แล้วฝืนนั่งอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนที่จะทนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เดินเข้าห้องน้ำไปนั่งร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น ก่อนจะตัดสินใจลางานเพราะเธอรู้ตัวเองว่าคงไม่สามารถทำงานต่อได้อย่างแน่นอน
‘เรายังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ที่จะรับมือได้จริงๆ ’ พลอยรัมภานึกในใจแล้ว เช็ดน้ำตา นั่งอยู่ในห้องน้ำสักพักแล้วก็แต่งหน้าใหม่ ถึงจะปิดบังความเศร้าไม่ได้เต็มร้อยแต่ก็ยังดีกว่าให้คนเห็นเธอในสภาพที่ดูแย่
เธอทำเรื่องขอใช้สิทธิ์ลาพักร้อนทั้งสัปดาห์ โชคดีที่สัปดาห์นี้เป็นแค่ทริปเล็กๆ เท่านั้น ผู้จัดการเลยอนุญาตให้เธอลาพักร้อนได้ เพราะว่าเธอทำผลงานดีมาตลอด เธอคงมีปัญหาหรือมีความจำเป็นจริงๆ เลยต้องลาพักร้อนกะทันหันแบบนี้
กว่าจะเดินเรื่องเอกสารลาพักร้อนเสร็จ พลอยรัมภาก็กลับถึงบ้านในตอนเกือบเที่ยง แล้วก็เดินไปกอดมารดาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่น ส่วนธีรวัฒน์นั้นออกไปทำงานแล้วตั้งแต่เช้า
“แม่ขา พลอยขอไปเที่ยวพักใจที่ต่างจังหวัดนะคะ” พลอยรัมภาบอกมารดาแล้วนอนหนุนตักเธอ
“ลูกสาวแม่ถึงกับต้องลางานไปพักใจเลยเหรอลูก” วรรณาถามแบบยิ้มๆ
“จริงๆ ก็ตัดใจได้แล้วค่ะแม่ แต่รู้สึกว่ายังไม่พร้อมเวลามีคนมาพูดหรือถามถึงเขา มันยังปวดใจอยู่เหมือนโดนสะกิดแผลเก่า พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ แยกแยะเรื่องส่วนตัวออกไปแล้ว แต่พลอยคิดว่าตัวเองยังทำไม่ดีพอ เลยอยากขอไปพักใจสักสี่ห้าวัน ได้หรือเปล่าคะ”
“ตามใจเถอะลูก แม่เคยห้ามลูกๆ ซะที่ไหน ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน มีอะไรก็โทรมา พร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยเล่า ว่าใครกันทำลูกแม่อกหักได้แบบนี้” วรรณาบอกแล้วลูบหัวลูกสาวอย่างรักใคร่
“ฝากบอกพ่อด้วยนะคะ แล้วพลอยคนเดิมจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน” พลอยรัมภาลุกขึ้นนั่ง กอดมารดาแล้วหอมแก้มเธอไปสองฟอด ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ห้องเพื่อเก็บของเตรียมตัวออกเดินทาง
***************************
พลอยรัมภาเลือกที่จะไปพักที่รีสอร์ตท่ามกลางธรรมชาติที่จังหวัดใกล้ๆ เธอไม่อยากไปทะเลเพราะที่นั่นมีแต่ความหลังระหว่างเธอกับบดินทร์ตอนที่พบกันแรกๆ
พลอยรัมภาเลือกเช่ารีสอร์ตที่แยกเป็นหลังโดด เพื่อความเป็นส่วนตัว ดีที่ห้องพักมีเตาไมโครเวฟ เธอจึงออกไปซื้อข้าวกล่องสำเร็จรูปมาแช่ตู้เย็นไว้ กะจะไม่ออกไปไหนเลย เพราะอยากใช้ชีวิตแบบนั่งๆ นอนๆ ดูหนัง ฟังเพลงแบบโง่ๆ ไปวันๆ
แต่ทำได้แค่วันแรกเธอก็เบื่อ เลยสะพายกระเป๋าออกไปขับรถเล่นตามจุดท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัดนั้น ก่อนจะกลับเธอแวะดูน้ำตกแล้วถ่ายรูปเก็บเอาไว้
ตอนนี้เธอเข้าใจคำว่า “ธรรมชาติบำบัด” ได้เป็นอย่างดี สีเขียวรอบๆ ตัวเธอและเสียงน้ำตกทำให้เธอผ่อนคลายได้มาก จนแทบจะลืมเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องหนีมาพักใจ
“ปัง!!! ปัง!!” เสียงปืนดังขึ้นสองนัด นักท่องเที่ยวบริเวณวิ่งหนีอย่างแตกตื่น บางคนก็นั่งลงกับพื้นเอามือปิดหูด้วยความตกใจ
พลอยรัมภาวิ่งหนีไปหลบในรถ เหมือนอีกหลายๆ คนที่กำลังขึ้นรถเพื่อขับหนีจากเหตุการณ์ แล้วทันใดนั้นก็มีผู้ชายเดินเข้ามาหลบในรถของเธอแล้วนอนลงตรงเบาะหลัง
“ขับรถออกไป!!!” เข้าออกคำสั่งเสียงดัง
พลอยรัมภาตั้งสติ ขับรถไปตามที่เขาสั่ง พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธ เพราะกลัวว่าเขาจะมีอาวุธแล้วทำร้ายเธอ
เธอขับรถออกไปจากน้ำตกได้ไกลพอสมควร เขาก็ลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อแจ็กเก็ตสีดำออก แล้วถลกเสื้อยืด เอามือข้างที่ถือปืนมากุมต้นแขนที่โดนกระสุนเฉี่ยวเอาไว้ พลอยรัมภามองผ่านทางกระจกหลังเห็นปืนเธอก็ใจสั่นด้วยความกลัว แล้วเห็นเลือดที่ซึมออกมาจากต้นแขนซ้ายซึมมาที่ซอกนิ้วของเขาก็ยิ่งกลัว
“จะให้ฉันจอดตรงไหน” เธอถามเสียงสั่น
“ร้านขายของชำที่ใกล้ที่สุด” เขาบอกเสียงเรียบ
พลอยรัมภาขับรถไปเรื่อยๆ พอเห็นร้านมินิมาร์ทก็จอดให้เขา
“ลงไปกับผม” เขาสั่งเสียงเข้มแล้วดึงเสื้อลงมาปิดแผลไว้ใส่แจ็กเก็ตทับแล้วชะโงกตัวไปดึงกุญแจรถออก เดินลงไปก่อนที่จะเปิดประตูรถดึงเธอลงมากอดโอบเอวเอาไว้ เดินเข้าไปซื้อยาและอุปกรณ์ทำแผลที่จำเป็นอื่นๆ แล้วดันตัวพลอยรัมภาไปจ่ายเงินแล้วรีบพาเธอขึ้นรถไป
เขาคืนกุญแจรถให้เธอแล้วสั่งให้เธอขับรถไปยังที่พักของเธอ พลอยรัมภาจำใจต้องทำตามด้วยความกลัว
“พลอยรัมภา ชื่อแปลกดี” เขาเอ่ยขึ้นมา หลังจากเหลือบเห็นบัตรพนักงานของเธอที่วางไว้เบาะข้างคนขับ
เธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไร มันกลัวจนทำตัวไม่ถูก
พลอยรัมภาพาเขาไปยังรีสอร์ตหลังที่เธอพักอยู่ พอถึงเขาก็ทำอย่างเดิมคือยึดกุญแจรถเธอแล้วลงไปเปิดประตูให้เธอลงจากรถ แล้วเอาปืนชี้ถุงยาให้เธอหยิบใส่กระเป๋าของเธอลงมาด้วย
เขาเดินโอบกอดเธอเข้าไปในห้องพัก พอถึงเขาก็จับเธอนั่งที่เก้าอี้แล้วก็มัดเธอไว้ด้วยเสื้อแจ็กเก็ตเปื้อนเลือดของเขา ค้นเสื้อผ้าเธอมาอุดปากเธอไว้แล้วเดินไปทำความสะอาดแผลในห้องน้ำ ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับเปลือยท่อนบน ที่แขนมีผ้าพันบาดแผลเอาไว้แล้ว
หน้าตาของเขาก็ดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนร้าย แผงอกกว้างและหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้น ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอคงหลงเขาไปแล้ว
“ผมขอโทษที่ต้องมัดคุณไว้ แต่ผมไม่อยากให้คุณตกใจร้องโวยวายจนเป็นเรื่องใหญ่” เขาบอกแล้วลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามเธอ
พลอยรัมภาดูท่าทางเขาแล้ว คิดดูอีกทีโดยไม่เอาหน้าตาและหุ่นน่าขย้ำของเขามาตัดสิน เธอคิดว่ายังไงเขาก็ไม่ใช่คนดีแน่ คนดีที่ไหนพกปืนไล่ยิงกัน ถ้าจะบอกว่าเป็นตำรวจก็ยิ่งไม่น่าเชื่อ เพราะดูเหมือนเขาหลบหนีการไล่ล่าอยู่
“ถ้าผมแก้มัดคุณสัญญาได้หรือเปล่าว่าจะไม่ร้อง” เขาถามเธอ
พลอยรัมภาพยักหน้า เขาเลยยอมแก้มัดให้เธอแล้วนั่งมองใบหน้าตื่นตระหนกของเธอด้วยความรู้สึกผิด
“ผมหนีการไล่ล่าของพวกพ่อค้ายารายใหญ่อยู่ ผมขอหลบที่นี่ชั่วคราว ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายคุณ แค่ขอหลบภัยสักวันสองวัน คุณช่วยผมได้หรือเปล่า” เขาถามเธอเสียงสุภาพ แต่มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย
“ค่ะ” พลอยรัมภารับปากตามสถานการณ์ที่บีบบังคับ แต่ก็นึกในใจว่าถ้าเขาจะฆ่าเธอ เขาก็สามารถฆ่าเธอหมกห้องแล้วขับรถเธอหนีไปก็ได้ แต่เขาไม่ทำ แต่เลือกที่จะขอร้องเธอแทน
“ผมชื่อแมนเมือง เรียกว่าแมนก็ได้” แมนเมืองบอกเธอแล้วส่งยิ้มให้ พลอยรัมภาพยักหน้ารับทราบ
“คุณชื่ออะไร” เขาถามเธอ
“พะ พลอย ..... เรียกฉันว่าพลอยก็ได้ค่ะ” เธอตอบเขาเสียงสั่นนิดๆ
“คุณไม่ต้องกลัวผมนะ ผมไม่ทำอะไรคุณจริงๆ ตอนแรกผมอาจจะทำให้คุณตกใจ ผมต้องขอโทษด้วย ตอนนั้นผมต้องรีบหนีจริงๆ ไม่มีเวลาอธิบาย เลยต้องตะคอกใส่คุณแบบนั้น” เขาบอก แล้วหยิบปืนออกมา
“คุณจะทำอะไร” พลอยรัมภาถามเขาด้วยความตกใจ
“ผมจะให้ปืนคุณ ให้คุณมั่นใจว่าผมจะไม่ใช้มันขู่หรือทำร้ายคุณ ให้คุณเชื่อใจผม ว่าตอนนี้ผมกำลังขอร้องคุณให้คุณช่วยผมอยู่” แมนเมืองบอกเธอ แล้วยื่นปืนให้เธอพร้อมกับยิ้มหล่อๆ ของเขา
พลอยรัมภารับปืนจากเขาแล้วเอาไปเก็บในลิ้นชักหัวเตียง กลัวทำมันลั่นออกมาเพราะเธอไม่เคยจับของจริงแบบนี้
“แล้วคุณหนีพวกค้ายาทำไม หรือว่าหักหลังกัน” เธอถามเขาหยั่งเชิงว่าเขาเป็นพวกคนไม่ดีหรือเปล่า
แมนเมืองหรี่ตามองเธอเล็กน้อย แล้วยิ้มมุมปาก คิดว่าพลอยรัมภาก็ถือว่าฉลาดไม่เบา
“เปล่า แต่คุณไม่ต้องรู้หรอก” เขาพูดแล้วเดินไปมองที่หน้าต่างก่อนจะล็อกแล้วปิดม่านเอาไว้
พลอยรัมภาไม่ได้ถามเขาต่อ เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็คงไม่บอก เธอเดินไปเปิดตู้เย็นสำรวจดูของแล้วหันมาถามเขา
“หิวไหม ฉันจะอุ่นอาหารให้” เธอถามเขาเสียงเบา
เมืองแมนพยักหน้าแล้วยิ้มขอบคุณเธอ พลอยรัมภาหยิบข้าวกล่องออกมาแล้วอุ่นให้เขา เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมนางเอกละครที่ถูกพระเอกจับตัวไปถึงได้ยอมเชื่อใจพระเอกและหลงรักพระเอกง่ายๆ เพราะตอนนี้เธอเองก็ไม่ต่างกัน ที่ยอมเชื่อใจเขาแล้วยังทำดีกับเขาแบบนี้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนแปลกหน้าแล้วยังมีอาวุธอันตราย
'หรือว่าเราอกหักจนเพี้ยนไปแล้ว' พลอยรัมภาได้แต่คิดด้วยความสับสน
***************************