ไอ้ฟ้าแลบ

2015 Words
เมื่อพ่อลูกก้มกราบเจ้าอาวาส แล้วก็พากันเดินลงไปยังรถที่จอดอยู่ลานหินข้างล่าง แม้จะยังไม่ดึกมากแต่ในชนบทอย่างนี้ มีเพียงเสียงหริ่งหรีดเรไรตามธรรมชาติ บรรยากาศจึงเงียบสงบยิ่งนัก เมื่อสองพ่อลูกยืนอยู่กลางภูเขา ที่เป็นทางเดินเล็กๆ ทอดขึ้นสู่วัดบนยอดเขาสูงทางเบื้องหลัง สองข้างทางล้วนแล้วแต่เป็นไร่ถั่วลิสงยูนนานต้นเตี้ยๆ ที่ปลูกเป็นบริเวณกว้างสุดตาของเนินเขา มันเป็นพืชผลหยาดเหงื่อแรงงานของชาวบ้านป่าบ้านดอย ณ ตรงทางเดินจุดนั้น พวกเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ทั่วทั้งหมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางวัน วันที่ท้องฟ้าไม่มีหมอกเมฆห่มคลุมยอดเขา หากยืนอยู่ที่นั่นก็สามารถมองไปเห็นที่ราบลุ่มอันกว้างใหญ่ของเมืองเล็กๆ นี้อีกด้วย แต่ในคืนนั้น ท้องฟ้าใสกระจ่าง แสงดาวส่องมาสู่พื้นพิภพจนเห็นทิวทัศน์ได้งดงามแปลกตา...ลี้ลับ นอกจากจุดแสงไฟเล็กๆ ตามบ้านเรือนในหมู่บ้านเล็กๆ เบื้องล่างแล้ว ยังมองเห็นได้แม้กระทั่งเงาของแสงดาวสะท้อนวับๆ อยู่บน ผิวน้ำของแม่น้ำสายเก่าแก่ของผืนดินถิ่นนี้ ลำน้ำสายนี้มันคงก่อกำเนิดขึ้นเนานานกาเล นับแต่ผืนเปลือกโลกเริ่มมีสิ่งมีชีวิตปรากฎ ...ทว่าคืนนั้น ลำน้ำใหญ่แลดูดังงูยักษ์ผิวลื่นมันมะเมื่อม เหมือนมันกำลังค่อยๆ ไหลเลื้อยไปในทิศที่มีทิวเขาทะมึนเรียงรายสลับซับซ้อนกันสุดขอบฟ้าด้านโน้น ดูลึกลับและชวนตื่นตะลึง เส้นขอบฟ้าเป็นเหมือนดั่งฝาชียักษ์ที่มีขอบรอบวงใหญ่ครอบทุกอย่างเอาไว้ภายในมิดชิด เมื่อแหงนมองฟ้าเบื้องบน ฟ้ากว้างกว่ากว้าง เวิ้งว้าง ลิบลิ่วสุดขอบจักวาล แสงแห่งดาวนับหมื่นนับล้านดวง กำลังเต้นระยิบระยับพร่างพรายกระจายกระจ่างสว่างพร่างพราวทั่วผืนฟ้า ...บนโน้นงามราวกับสรวงสวรรค์ เป็นทิพยวิมานแห่งดาวแท้ๆ แต่ทำไมหนอ... เด็กหญิงตัวน้อยถึงได้ตื่นตระหนกหวาดผวาเช่นนี้ ในคืนนั้นเองที่นิทานดวงดาวของบิดาเริ่มต้น กำเนิดดาวลูกไก่ กลุ่มดาวไถ ดาวนายพราน ทางช้างเผือก ดาวเหนือ ดาวประจำทิศ รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับห้วงอวกาศ ยานอวกาศ ระบบสุริยะจักวาล พรั่งพรูออกจากปากของคนเป็นพ่อสู่การรับรู้ของลูกสาวตัวน้อย อย่างน้อยก็เพื่อปลุกปลอบให้เด็กหญิงหายกลัว ลดความตื่นตระหนกในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อไม่มีคำตอบให้ได้นั้น แล้วในเวลาต่อๆ นั้นมาเอง ครอบครัวเล็กๆ นี้ ก็ถือเอาการไปนอนวัด ฝึกปฏิบัติเป็นกิจกรรมสำคัญของครอบครัว ...น่าประหลาดยิ่งที่หลังจากนั้นเด็กหญิงก็ค่อยๆ หายจากอาการหวาดกลัวฟ้าในคืนเดือนแรมไปช้าๆ สำหรับอณุภา เธอจำได้เสมอว่า หลังจากขึ้นไปกราบท่านเจ้าอาวาสแล้ว พ่อลูกจะใช้เวลานั่งดูฟ้าดูดาวและพูดคุยทุกอย่างเกี่ยวกับฟ้าและดาวบนทางเดินกลางเขาที่นี่ ก่อนจะพากันเดินเท้าลงไปยังรถส่วนตัว ที่จอดไว้ลานหินข้างศาลาริมถนนใหญ่เบื้องล่าง หลังจากความตื่นกลัวจางหายไปแล้ว วูบแรกที่อณุภาจำความได้และได้เห็นดาวเต็มผืนฟ้า ราวกับเป็นสรวงสวรรค์วิมานของแสงดาวนี้เต็มตา เธอเกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจนับแต่วินาทีแรก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเคยรู้สึกแบบนั้น ...ได้สัมผัสมาก่อนครั้งหนึ่งเมื่อนานแสนนานมาแล้ว มันเหมือนตัวเองเป็นใครอีกคนหนึ่งที่จ้องมองฟ้าด้วยความรู้สึกอย่างนี้ ...เนานาน นับกัปป์ นับกัลป์นั้นก็ไม่เคยจางหาย แม้ปลัดอนันต์จะเล่านิทานให้ฟัง บอกเล่าถึงเรื่องราวของฟ้าและดาวให้ลูกสาวฟังมากมาย แม้ตัวเด็กหญิงอณุภาเองจะอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเป็นตั้งๆ มากสักเพียงใด ความสงสัยความสนใจใคร่รู้ก็มากขึ้นทับทวี เพราะความรู้สึกที่ว่านี้ไม่เคยเลือนหายไปจากใจไปเลยสักครั้ง ...มันคืออะไรหนอ??? จวบจนกระทั่งเด็กหญิงเติบโตขึ้น แม้จะไม่ได้มีโอกาสดูฟ้าและดาวได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสเธอก็ยังหลงใหลการจ้องมองดวงดาวพร่างพรายบนผืนฟ้ากว้างในคืนเดือนมืด และยังรวมไปถึงหลงใหลการดูมองฟ้าสีฟ้าเข้ม สีใสสวย ที่มีเมฆขาวฟ่องล่องลอยในวันที่แดดสวยใสอีกด้วย... แน่นอนเธอหลงรักการมองท้องฟ้าทุกทิวาราตรีกาล ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกโอกาส และทุกฤดูกาล เหมือนพยายามค้นหาความรู้สึกลึกเร้นนั้นให้ได้ หลายครั้งหลายหนที่อณุภาแหงนมองฟ้าแล้ว มักจะรู้สึกทั้งอิ่มเอม ทั้งว่างโหวง โหยไห้ในใจ และน้ำตาไหลอย่างไร้เหตุผล ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งท้องฟ้าในคืนเดือนมืดไร้เมฆหมอก อันเป็นคืนที่ดาวนับล้านๆ ดวงพราวแสงพริบระยิบระยับ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นช่างคุ้นเคย ลึกซึ้ง ดื่มด่ำ ทั้งเป็นสุข ทั้งสุดแสนอาลัย คั่งแค้นอย่างที่ตัวเธอเองก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมตัวเองถึงได้ความรู้สึกอ่อนไหวนัก เมื่อได้เห็นผืนฟ้ากว้างกลายเป็นวิมานแสงดาวระยิบแสงระยับพริบพราวเช่นนี้ บางครั้ง... เธอเหมือนหนึ่งได้เห็นอดีตอันไกลโพ้นที่แม้ไม่เคยฉายชัดสักครั้งเดียว แต่มันวิ่งวูบผ่านมาในความทรงจำเหมือนผีพุ่งใต้ ที่พุ่งวาบมาแล้วแวบหาย ซ้ำไป ซ้ำมา ครั้งแล้ว ครั้งเล่า อย่างชวนฉงน อณุภาไม่รู้เลยจริงๆ ว่า มันคืออะไรกัน รู้แต่ว่า... มีอะไรบางอย่างที่เคยซ่อนตัวอย่างลึกเร้นในจิตวิญญาณของเธออย่างมิดเม้ม และมันกำลังค่อยๆ เผยตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆ มีครั้งเดียวในชีวิต ที่เธอกล้าเปิดปากเล่าถึงความรู้สึกนี้ให้กับ “อิงควัต” เพื่อนสนิทฟังเมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว อณุภาจำได้ว่าขณะนั่งดูฟ้าด้วยกันเงียบๆ ในค่ำคืนหนึ่ง แล้วจู่ๆ เธอก็โพล่งบอกความลับนี้กับเขาไปว่า ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเศร้าเวลาเห็นฟ้าพร่างแสงดาวแบบนี้ เธอถามเขาด้วยคำถามที่แม้แต่ตัวเองก็รู้ดีว่า ...ไม่มีใครรู้คำตอบ คราวนั้นชายหนุ่มตัวโตนั่งนิ่งเงียบ ดูเขากำลังตกที่นั่งลำบากในการพยายามหาคำตอบให้เธอยิ่งนัก “อิงว่า เพราะเต้นมีชื่อจริงว่า อณุภา ที่แปลว่า สายฟ้าแลบ รึเปล่าครับ” เขาเริ่มต้นตอบอย่างอึกอัก ตอบช้า แต่เลือกใช้คำที่มีเหตุผลมารองรับมากกว่าจะอยากกระเซ้าจริงจัง “เอ่อ... เต้นถึงได้อาลัยท้องฟ้านักไง คือ ไม่ว่าฟ้าแลบจะเกิดขึ้นเวลาไหน สายฟ้ามันก็อยู่ได้แป๊บเดียวใช่ไหม ...ทั้งที่มันก็คงอยากอยู่บนฟ้านานๆ ละมัง เต้นว่า มันจริงรึเปล่าล่ะ” เวลานั้น อณุภาได้เพียงแต่ยิ้มรับคำตอบเหล่านั้น และยังคงเหม่อมองฟ้ากว้างอย่างไร้จุดหมาย ...มีอะไรบ้างที่มนุษย์อยากรู้ แต่ไม่อาจรู้ได้ด้วยการพิสูจน์ การทดลอง มีเพียงความรู้สึกที่บางครั้งก็สัมผัสจับต้องได้บ้างแต่ก็เพียงเบาบาง หากแม้ถ่ายทอดให้คนอื่นฟังได้ มันก็ไม่ใช่ความหมายและความรู้สึกที่ ...บางครั้งสิ่งที่เธอเอ่ยบอกใครไป ข้อเท็จจริงจึงมีน้ำหนักเพียงปุยนุ่น ที่พร้อมจะปลิวหายไปได้ในทันที “ไม่รู้เหมือนกันอิง ว่ามันเป็นเพราะชื่อหรือเพราะอารมณ์ของเต้น หรือเพราะจิตวิญญาณของเต้นที่ไปผูกพันกับฟ้ากับดาวในคืนเดือนแรมเข้า แต่ไม่แน่นะ...สักวันหนึ่งเต้นเพื่อนอิงคนนี้ อาจจะระลึกชาติได้ หรือไม่... ก็อาจจะมองฟ้าจนเพี้ยนไปเลยก็เป็นได้” พูดจบแล้ว อณุภาก็หัวเราะ นั่นเป็นครั้งเดียวในชีวิต ที่อณุภาบอกให้คนอื่นล่วงรู้ถึงความรู้สึกนี้ และหวังว่า สักวันเธอจะหาคำตอบนี้ด้วยตัวของเธอเองให้ได้ มันก็ใช่... ที่ชื่อของเธอ “อณุภา” นอกจากจะมีที่มาจากชื่อของพ่อกับแม่ อนันต์กับนภามารวมกันแล้ว เมื่อเปิดพจนานุกรมชื่อดูแล้ว มันยังมีความหมายว่า “สายฟ้าแลบ” โดยบังเอิญอีกด้วย พ่อกับแม่บอกว่า ตอนตั้งชื่อเธอนั้นเพียงต้องการให้ชื่อพ่อกับแม่มารวมกัน และไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชายก็จะได้ชื่อที่มีความหมายว่า นภาตัวน้อยๆ หรืออนันต์ตัวน้อยๆ เท่านั้น ...บังเอิญจริงที่ชื่อนี้ยังแปลว่า สายฟ้าแลบ อีกด้วย ความหมายอันเป็นเหตุให้คนอื่นๆ เรียกเธอว่า ไอ้ฟ้าแลบ และบางคนถึงกับเข้าใจไปว่า เธอมีนามสกุลสายฟ้าแลบไปด้วยเลยก็มี สายฟ้าที่เป็น “สัญญาน” จากฟ้าเป็นที่มาของฝนฟ้าคะนอง บ่งบอกถึงพายุใหญ่ที่จะติดตามมาหลังจากนั้น --- แต่สายฟ้าแลบ คงไม่ใช่ที่มาของความตื่นกลัวในตอนที่ยังเล็ก และเป็นที่มาของความรู้สึกเศร้าลึก ยามที่เห็นฟ้าในคืนที่ดาวพราวแสงนับล้านๆ ดวงนี้เป็นแน่ ...เธอเชื่อของเธออย่างนั้น พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ขณะที่แม่คลอดเธอออกมา ยามนั้น ท้องฟ้ามีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ทั้งๆ ที่เป็นกลางฤดูร้อน และทั้งๆ ที่วันนั้น ตั้งแต่เช้าไม่มีเค้าแห่งเมฆฝนไม่มีลมพายุแม้แต่น้อย แต่ทว่าพอตกสาย จู่ๆ ทั่วผืนฟ้าก็พลันมืดครึ้ม เมฆกลุ่มใหญ่ก่อตัวทะมึนทึม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำมืดและเทโครมลงมาเป็นห่าฝนใหญ่ๆ ยามนั้น ...สายฟ้าแลบวิ่งแปล้บๆ ไปทั่วผืนฟ้า ทั้งแผดร้องครวญคราง ทั้งคำรามก้องและผ่าดังเปรี้ยงๆ ดังลั่นราวกับโลกกำลังจะแตก ตามมาด้วยสายฝนที่หล่นลงมาโครมๆ เหมือนฟ้าแตกรั่วและปริร้าวไปทั้งผืน พอน้ำฝนเจิ่งนอง ทั่วทุกหนทุกแห่งชุ่มฉ่ำยอดไม้ใบหญ้าเปียกฝนจนชุ่มโชก แล้วจู่ๆ ฝนก็หยุดตกในทันใด แสงแดดจ้ากลางฤดูร้อนพลันกลับมาดังเดิม เหมือนดังไม่เคยมีฝนฟ้าถล่มฟ้าแลบฟ้าร้องก่อนหน้านั้นเลย แม้แต่นิดเดียว อณุภาถือกำเนิดตกฟาก ร้องไห้ดังว้ากแรกในเวลาที่ฟ้าร้องคำรามและมีสายฟ้าแล่นแปลบปลาบไปทั่วผืนฟ้านั่นล่ะ... นี่คือ ที่มาของชื่อเธอ อณุภาหรือที่เพื่อนๆ ที่ทำงานชอบเรียกเธอว่า ...ไอ้เต้นหรือไอ้ฟ้าแลบ มากกว่าชื่อจริง สายฟ้าแลบที่จำเพาะสว่างวาบก่อนฝนหลงฤดู กลางฤดูร้อน และกลางแดดจ้าท้าทาย... แสงสว่างจากสายฟ้าที่ฟาดประกายริ้วแล่นเป็นเส้นวาบๆ ที่โน่น ที่นี่อยู่ทั่วผืนฟ้า สายฟ้าที่แลบแสงออกมาเพียงพริบตาแล้วก็จางหายไปก่อนเสียงฟ้าร้องโครมครามดังฟ้ากำลังถล่มลงมา ดังหูดับตับไหม้ ...แน่นอนที่ว่าเหตุการณ์นี้ มันเป็นเพียงปรากฎการณ์ธรรมชาติธรรมดาๆ เท่านั้นเอง แล้วอะไรหรือคือที่มาของความรู้สึกเหล่านั้น ที่เธอ “เป็น” และ “รู้สึก” ลึกล้ำกับมัน มีทั้งโหยหา อาลัยอาวรณ์ รอคอย เศร้าโศก คั่งแค้น แถมบางทีมีทั้งปลาบปลื้ม ปีติ เป็นสุข อิ่มเอม แค่เพียงจากการแหงนมองฟ้าอันงามระยับไปด้วยแสงดาวเท่านั้น ความรู้สึกเหล่านั้นมันมาจากไหนและมันมาประทับแน่นอยู่ในหัวใจ ตราตรึงอยู่ในจิตวิญญาณของหญิงสาวตั้งแต่รู้ความมาจนบัดนี้ได้อย่างไร ...ในโลกนี้ จะมีใครที่รู้สึกเหมือนเธอบ้างไหมนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD