bc

วิมานแสงดาว

book_age4+
88
FOLLOW
1K
READ
time-travel
drama
mystery
secrets
like
intro-logo
Blurb

ณ วูบหนึ่งที่เธอเห็นฟ้าและดาวระยิบระยับวับวิบแสงเต็มตา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นใครอีกคนหนึ่งที่เคยจ้องผืนฟ้าดารดาษดาวในคืนแรมเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วนเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว นานนับหลายศตวรรษ ...

chap-preview
Free preview
เพจเจอร์
3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 ปี๊บๆ ...ปี๊บๆ ...ปิ๊บๆ ... เวลาค่อนดึกแล้ว แต่ยามนั้นกลับมีเสียงเพจเจอร์จังหวะสั้นๆ ดังทำลายความเงียบขึ้นบนรถปรับอากาศคันใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนยาวที่กำลังวิ่งตามกันไปบนถนนสายสำคัญจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองคาย เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นในยามดึก ซึ่งยิ่งเงียบมันก็ยิ่งดังน่ารำคาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนกำลังหลับไหลอย่างเป็นสุข ก็ยิ่งน่าโมโห เสียงผู้โดยสารหลายคนบนรถคันนั้น พากันทำปากเสียงดังจิ้จ๊ะเหมือนนัดจังหวะกันไว้ สลับกับเสียงถอนหายใจ เสียงบ่นดังพึมพำตามมาในทันใด แรกสุด เมื่อได้ยินเสียงปิ๊บๆ อันน่ารำคาญนั้น หญิงสาวตัวเล็กผมยาว ผู้นั่งอยู่ริมหน้าต่างตอนกลางของรถ พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากเย็นพลางนึกบ่นอุบในใจ ...ใครกันนะ...ไร้มารยาทเสียจริงเชียว ...จริงอยู่ ที่ว่าเสียงเพจเจอร์สำคัญต่อชีวิตของผู้คนในสายอาชีพนี้ เพราะการดังของมันอาจบันดาลให้คนได้ข่าวหรือตกข่าว อันนำไปสู่การตกงานก็ได้ ขึ้นอยู่กับการใส่ใจในเสียงอันดังน่ารำคาญของมันนี่แหละ เพราะคำสั่งปกาศิตของทุกสำนักข่าวในช่วงพ.ศ.นั้น มีว่า ใครก็ตามที่บังอาจปิดเพจเจอร์ จนตกข่าวก็ย่อมตกงานได้เสมอ ข่าวสำคัญกับคนข่าว ดั่งมันเกิดมาเพื่อสิงอยู่ในลมหายใจและไหลวนอยู่ในสายเลือดในตัวฉะนั้น... คนข่าวจึงต้องระวังตัวยิ่ง จะไปไหนทำอะไรใจก็พะวงอยู่แต่กับเสียงเพจเจอร์ บางคนแม้เวลาจะนอนก็ยังไม่วายเปิดเสียงเครื่องมือติดตามตัวที่ว่านี้ไว้ด้วย คงไม่เป็นไรหากเจ้าตัวนอนอยู่ในที่ส่วนตัวเป็นห้องหับมิดชิด แต่ถ้าต้องเดินทางอยู่ร่วมกับชาวคณะใหญ่เช่นนี้ แม้ทุกคนจะพกเพจเจอร์ติดตัว แต่ก็เชื่อว่าทุกคนคงมีมารยาทพอด้วยการปิดเสียงแล้วคงไว้แค่ระบบเตือนสั่น ...แต่เพจเจอร์ที่กำลังแผดเสียงอยู่ค่อนดึกตอนนี้ คงเพราะมีเจ้าของบางคนบังเอิญลืมปิดเสียงไว้กระมัง ที่สุด... หญิงสาวจึงต้องลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงนั่น ขณะนั่งงัวเงียสะลึมสะลืออยู่เป็นครู่แล้ว เธอก็รู้ตัวว่า เจ้าเสียงน่ารำคาญที่ว่านี้ มันทั้งร้องดังและสั่นหวือๆ อยู่ในกระเป๋าสะพายบนตักเธอ นั่นเอง!!! “เฮ้ยย” เจ้าของเสียงเพจเจอร์อุทานพร้อมสะดุ้งสุดตัว เธอกระเด้งตัวตั้งตรงแล้วรีบล้วงสะเปะสปะลงไปในกระเป๋าหนังสะพายใบย่อม แล้วเอามือตะปบเจ้าอุปกรณ์ที่กำลังทั้งส่งเสียงร้องน่ารำคาญและสั่นหวือนั้นมากดเปิดอ่านข้อความ พอถูกกดทั้งระบบเสียงและระบบสั่นก็หยุดทันที เมื่อเพจเจอร์ถูกเปิด จอเล็กๆ แสงสีเขียวเรื่อเรืองตาก็สว่างจ้า จนมองเห็นตัวหนังสือเล็กๆ ที่เรียงรายอยู่บนนั้นได้ชัดเจน แต่พอได้อ่านข้อความในนั้นจบ เธอก็หายง่วง หายงัวเงียทันที “หึๆ ... ฮ่าๆ” “ไอ้เต้น นี่แกจะบ้ารึไง มานั่งหัวร่ออะไรตอนนี้ ใครมันส่งข้อความเรื่องขำขันจี้เส้นมาให้แกอ่านกันละหือ...ยายเส้นตื้น นี่คนอื่นเขาจะหลับจะนอนกันนะยะ” สาวร่างอวบ หน้าตาคมเข้มที่นั่งข้างๆ กัน กระซิบเค้นเสียงกึ่งคำราม ใส่หูเพื่อนสาวที่ตัวเล็กกว่าทันที “ฮ่าๆ งั้นแกก็ลองอ่านดูนี่ซินุ้ย นี่ถ้าใครไม่ขำก็บ้าแล้ว” สาวตัวเล็กกว่ายื่นเพจเจอร์ไปจ่อตรงหน้า เพื่อให้เพื่อนได้อ่านข้อความนั้น “เฮ้ย อีตานี้นี่ ตลกจริง ฮ่าๆ” สาวร่างอวบพูดกลั้นหัวร่อ แต่ยังมีสติพอที่จะรักษามารยาทการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นด้วยการเอามือปิดปาก แล้วทั้งคู่ก็ส่งเสียงกิ้กกักพอให้ได้ยินกันแค่สองคน “แล้วนี่ฉันควรจะทำไงดีล่ะ” สาวร่างเล็กที่ชื่อเต้น ถามคล้ายรำพึงรำพัน “แกเหรอจะทำไง อืมม์ ฉันว่า ดูๆ ไปเขาก็ไม่เลวนาแก รูปก็หล่อ ทำงานก็เก่ง บ้านก็มีฐานะ เพอร์เฟกต์ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะร้องเพลงนี้ ฉันเลยว่าฉันโอเค ฉันเลยโอเค” คนตอบบอก พลางครวญเพลงดังแห่งยุค แล้วทำสีหน้าเคลิบเคลิ้ม แววตาฟุ้งฝัน ก่อนจะอ่านข้อความในเพจเจอร์ซ้ำอีกครั้ง “เต้นครับ ได้โปรดอย่ามีใจให้กับท้าวคำวงคนไหนนะครับ อย่าลืมว่ามีคนทางนี้ คิดถึงคุณอยู่ ...ว้าว” “แหม ไอ้บ้า ทำเสียงซะฉันขนลุกเลยแกเนี่ย” คนตัวเล็กกว่าเงื้อมือตีแขนเพื่อนดังเผียะ “เจ็บนาโว้ย ก็มันจริงไหมล่ะ ถ้าเขามานั่งตรงนี้ ต้องเก้กเสียงหล่อ ทำหน้าพระเอกประมาณนี้แหละ” คนพูดลูบแขนแล้วก็ทำท่าลอยหน้าลอยตาล้อเลียนคนที่ถูกกล่าวถึงให้เพื่อนดู “ไอ้บ้านุ้ย” คนตัวเล็กกว่า ตบต้นแขนเพื่อนอีกครั้ง หนนี้ดังป้าบใหญ่ แล้วทั้งคู่ก็เอามือปิดปากชวนกันหัวเราะน้ำหูน้ำตาเล็ด “แล้วใครกันวะ ท้าวคำวงเนี่ย โอ้ยๆๆ ไอ้บ้า เฮ้ย อย่าหยิกซิโว้ย” “ก็ใครให้แกอ่านซะดังลั่นอย่างนั้นล่ะ” ทั้งคู่เริ่มส่งเสียงดังขึ้นๆ ทั้งหยอกเย้ากัน หยิกแหย่กันราวกับเด็กประถม เสียงหัวเราะกันดังคิกๆ คักๆ ในความมืด แต่เมื่อได้ยินเสียงคนอื่นบ่นงึมงำ ก็รู้สึกตัวรีบลดระดับเสียงลง หันมากระซิบกระซาบคิกคักกันต่อ “แล้วใครล่ะ ท้าวคำวงนี่น่ะ หนุ่มเวียงจันทน์ในฝันแกรึไง ฮ่าๆ” “ฉันจะไปรู้เขาเหรอ ไม่รู้ไปเอาชื่อนี้มาจากไหน พิลึกคนจริงเชียว” “อะแน่ะ...อะแน่ะ ไอ้ฟ้าแลบทำติ๋ม ทำเป็นเขินเชียว วุ้ย...หมั่นไส้” หลังคำกระเซ้าเย้าหยอกกัน ก็ตามมาด้วยเสียงทุบถอง เอะอะวุ้ยว้ายเป็นพัลวัล “ไอ้บ้านุ้ย แก... นี่แนะ” “โอ้ยๆ ไอ้เต้นบ้า เจ็บนะโว้ย เออ...แล้วนี่หัวหน้าฉันไม่อกหักยับเยินเหรอเนี่ย ...ตายๆๆ แม่นักข่าวโต๊ะรีวิวนี่ บทหล่อนจะฮ็อต ก็นะ... นี่ฉันยังไม่ได้ลองสำรวจความนิยมหล่อนเลย พวกพากันหลงไอ้เต้นไปแล้วทั้งกองไม่รุ” “ไอ้บ้า... นี่ๆ ฉันไม่เห็นจะมีใครมาวอแวฉันจริงจังสักกะคน แกพูดแบบนี้ฉันเสียหายนะว้อย กลับไปฉันจะฟ้องพี่เสือว่าแกล้งฉัน” นักข่าวสาวตัวเล็ก ลดเสียงลงแต่เน้นเสียงเข้ม เมื่อเอ่ยถึงลูกพี่เพราะรู้ดีว่า เอ่ยถึงชื่อนี้ ใครก็กลัวหัวหด “เฮ้ย...มากไป มากไปไอ้เต้น เพื่อนฝูงแหย่เล่นแค่นี้ ทำมาเป็น... ขืนพี่เสือรู้เข้านี่เรื่องใหญ่นะนี่ ใครๆ ก็รู้แกมันลูกรัก ใครหน้าไหนก็ห้ามแตะ ฉันว่าคงเพราะพี่เสือแกกางปีกปกป้องแกขนาดนี้นี่ละ เรทติ้งแกถึงกระฉูดดีนัก เพราะมันดูเร้าใจ ท้าทายพวกหนุ่มในออฟฟิศไง... แกดูฉันซิ ออกจะงามเลิศชวนพิศปานนี้ แต่เพราะไม่มีปากพ่อเสือไว้คอยด่าใครที่จะมากระตุกหนวด ฉันถึงได้ค้างเติ่งอยู่อย่างนี้ มันเป็นเพราะแกทีเดียว” เพื่อนสาวพูดยาวแต่ลดระดับเสียงลงเช่นกัน เพราะกลัวถ้อยคำที่กำลังถกกันอยู่นี้เล็ดรอดไปถึงไหนๆ ใครที่ตื่นแล้วและกำลังเงี่ยหูฟังจึงจับใจความแทบไม่ได้... แต่ทว่า “อ้าวๆ พูดให้มันสวยๆ หน่อยไอ้นุ้ย ชักลามปามนะแก” “นี่ ฉันพูดความจริงตะหากย่ะ” ถึงตอนนี้ต่างไม่ลดราวาศอกกันแล้ว สองสาวเริ่มตะเบ็งเสียงใส่กัน ต่างลืมตัวมัวแต่จะเอาชนะ จนกระทั่ง... “ไอ้เด็กสองคนนั่น ถ้าพวกแกจะไม่หลับไม่นอนกัน เชิญไปนั่งคุยเป็นเพื่อนกับคนขับข้างหน้าเลยไป พรุ่งนี้ทุกคนต้องทำงานกันทั้งวันนะโว้ย ให้มันรู้จักเวล่ำเวลาบ้าง โตๆ กันแล้ว” ความเงียบดังเป่าสากภายในรถเกิดขึ้นในทันใด ...ใครๆ ก็รู้ว่า เสียงที่ดังก้องมาจากที่นั่งทางด้านหน้านั้น ได้ยินแค่เสียงแค่คำแรกก็ย่อมรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียง “เจ้าป้า” อันเป็นสมญาสมตัวของนักข่าวหญิงรุ่นเดอะ ผู้เป็นเหยี่ยวข่าวฝีปากกล้า ปากกาคมแห่งกรุงเทพ ไทม์ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ค่ายยักษ์ใหญ่ของประเทศนั่นเอง ...แต่ทว่าความเงียบนั้นก็ดำรงอยู่ได้ไม่ถึงห้านาที เพราะพอคนอื่นกำลังจะเคลิ้มหลับกันอีกครั้ง เสียงกระซิบกระซาบของสองสาวก็ติดตามมา “จ๋อยแล้วไงแก ท่านป้ามีน้ำโหแล้ว...ซวยจริงเชียว” “แกนั่นล่ะนุ้ย แกเริ่มก่อน เห็นมั้ยล่ะ ฉันเลยพลอยซวยไปด้วยเลย” “แกนั่นแหละ ไอ้เต้น” “แกแหละ ไอ้นุ้ย” “นี่...ไอ้เต้น ไอ้นุ้ย แกสองคนจะนอน หรือว่าพวกแกจะให้ฉันนั่งด่าแบบนี้ไปยันเช้า ...หา” เสียงแหวจาก “เจ้าป้า” ที่นั่งแถวหน้าของรถทัวร์แหวกฝ่าความมืดมาอีกครั้ง นั่นล่ะ ทั้งสองคนจึงเริ่มสำนึกได้แล้วรีบขอโทษชาวคณะทันที “นอนแล้วจ้า เจ้าป้าจ๋า...โทษค้า... ขอโทษนะค่ะ ทุกๆ คน” สองสาวประสานเสียงกันขอโทษเจ้าของเสียงประกาศิต พลางขอโทษขอโพยผู้คนบนรถไปด้วย อย่างสำนึกผิดจริงจัง ในที่สุด...ความสงบสุขจึงได้กลับคืนมาบนรถคันใหญ่นั้นอีกครั้ง

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ร้าย เลือน รัก Love Like Fears

read
3.5K
bc

สามีของฉันอบอุ่นเตียง

read
1K
bc

คุณนายฟู่อย่าล้ำเส้น

read
1K
bc

รักเธอ ไอยู Love is IU

read
1K
bc

รักโหด NC25+

read
3.7K
bc

เหตุเกิดจากคืนนั้น

read
1.0K
bc

อัศวินต้องมนต์

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook