ไม่เหมือนที่คุยกันไว้

1448 Words
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้น ในทันทีที่ขบวนรถบัสจอดสนิทเรียงรายกันอยู่ที่ตัวจังหวัดหนองคายเมื่อตอนรุ่งสาง ทั้งบรรดาสื่อมวลชน คณะทำงาน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในงานแถลงข่าวระดับประเทศครั้งนี้ พากันทยอยลงจากรถคันใหญ่ เพื่อล้างหน้าล้างตาและรับประทานอาหารเช้าที่ตัวจังหวัดหนองคาย ซึ่งตามกำหนดการคณะสื่อมวลชนจะพักอยู่ที่นี่ และรอจนกว่าคณะรัฐมนตรีของไทยเดินทางมาสมทบแล้วจึงจะพากันเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพ โดยมีคณะผู้ใหญ่จากทางการลาวมารอต้อนรับกลางสะพาน แล้วหลังจากนั้นทั้งหมดจึงจะเดินทางไปเวียงจันทน์ เพื่อรับประทานอาหารกลางวันและเปิดการแถลงข่าวร่วมกันที่นั่น จากนั้นก็จะพาคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ ของเวียงจันทน์ รวมทั้งได้พบปะนักธุรกิจและคนสำคัญๆ ของทางการไทยและลาวตลอด ๓ วันนั้นด้วย “นุ้ย เราเดินไปเที่ยวตลาดกันมั้ย” “จะบ้าเหรอแก เดี๋ยวท่านรัฐมนโทเขาพากันมาแล้วเขายกโขยงขึ้นสะพานข้ามโขงไปเลย ทิ้งแกกะฉันไว้ที่นี่ เราก็แห้วข่าวนะซิ กลับไปนี่ ฉันคงถูกลูกพี่ด่าตายเลย พี่ป๊อปยิ่งเขี้ยวๆ อยู่ ถ้าเป็นพี่เสือของแกละก็ว่าไปอย่าง โอ้ย พะเน้าพะนอกันยังกะพ่อลูกจี๋จ๋า” เพื่อนสาวตอบรัวเร็ว แทบไม่ทันให้อณุภาได้แทรกเลย แต่พอสบโอกาสเธอก็ไม่ทิ้งที่จะยิงหมัดเด็ด “แกเชื่อฉันซิ มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่แกคิด เราจะไม่มีข่าวแบบนี้แน่” “เอาอีกละ ไอ้เต้นตาทิพย์ ฉันละเบื่อไอ้เซ้นส์บ้าเซ้นส์บอของแกนี่จริงๆ ทำไมแกไม่ใช้มันทำมาหากินทำนายทายทักให้รู้แล้วรู้แรดไปเลยวะ เผื่อจะดังกว่า รวยเร็วกว่าการมาวิ่งตามข่าวงกๆ ยังเงี้ย” “แหม...ฉันก็แค่รู้สึกนะนุ้ย แล้วแกไม่ได้ยินเหรอที่ พวกนักข่าวรุ่นเดอะตรงโน้นเขาซุบซิบกันว่า มีปัญหาอะไรไม่รู้ ป่านนี้ท่านรอมอตอ ยังไม่มากันเลย ทั้งที่น่าจะมาถึงกันตั้งนานแล้ว” “ไอ้แค่รู้สึกๆ ของแกมันแรงมาหลายหนแล้วนะ ฉันถูกพี่ป๊อบว่าเรื่อยว่าฉันไม่มีสัญชาตญานนักข่าวแบบแก แต่เซนส์แกเนี่ย ฉันว่ามันน่าขนลุกว่ะ เพราะมันยิ่งกว่าลางสังหรณ์ธรรมดาซะอีก ฉันรู้ดี ...ไม่เอา ฉันไม่ไปไหนกับแกทั้งนั้น ฉันไม่อยากพลาด แล้วก็ไม่อยากถูกด่าด้วยประการทั้งปวง ขอนั่งสังเกตุการณ์อยู่นี่ละ แกจะไปไหนก็ไปเลย” เพื่อนตัวอ้วนตอบเธออย่างไม่อาลัยไยดี ทั้งยังนั่งหน้าเริด ทำคอแข็ง จิบกาแฟโดยไม่หันมาตอแยด้วยเหมือนเคยอีก อณุภาจึงรีบกินรีบดื่มของตนให้เสร็จแล้วหันไปหาเรื่องอื่นแทนทันที ในเมื่อชวนเพื่อนซี้ไม่สำเร็จ ทั้งไม่แยแสเอาด้วย ไอ้เต้นตาทิพย์ตามสมญาใหม่หมาดที่เพิ่งถูกเรียก จึงเดินแถไปคุยกับทุกกลุ่ม แล้วอณุภาก็เป็นอย่างที่เคยถูกเพื่อนๆ ประชดแกมหมั่นไส้มาจริงๆ ด้วยว่า “แค่ไอ้เต้นมันกะพริบตาโตของมันปริบๆ แล้วเดินยิ้มเข้าไปหาใครต่อใครก็หลงลมมันหมดล่ะ” มันก็จริงที่ว่า อณุภาเดินยิ้มเข้าไปหากลุ่มไหน เธอก็ต้องผูกไมตรีได้ คว้าความชอบใจจากใครต่อใครมาได้โดยตลอด คงเพราะท่าทีที่มีชีวิตชีวา นอบน้อมและมีฝีปากช่างจำนรรจา ทั้งคารมคมคาย มุกเยอะและมีอารมณ์ขันมากมายของเธอ มักทำให้ใครต่อใครให้ได้ยิ้มชื่น หรือถึงขั้นหัวเราะครื้นเครง ชอบใจได้ไม่ยากเลย อิงควัต เพื่อนสนิทเธอเคยเปรียบเทียบให้ได้ยินไว้ว่า การปรากฎตัวของอณุภาก็เหมือนสายลม ที่ไม่ว่าจะโชยชื่นไปยังทิศถิ่นที่ใดก็พาความเย็นชื่นแสนสบายไปสู่ที่แห่งนั้น แต่ไม่เคยมีใครรู้ทิศทางแน่นอนของสายลมโชยชื่นนั้นเลย... สายลมเย็นชื่นที่คาดเดาทิศทางได้ยาก ท้าทายและไร้ร่องรอย... ส่วนตัวเธอเองนั้น อณุภาคิดว่า ตัวเองก็เหมือนสายลมที่พร้อมจะแทรกซอนไปในทุกทิศทุกที่อย่างอิสระเสรีและมั่นใจยิ่งในอานุภาพของตน ...นี่คือลักษณะสำคัญประการหนึ่งที่ต้องมีประจำตนของคนข่าว “นุ้ย ฉันมีข่าวร้ายและข่าวดีจะบอกแก” แม่สาวสายลมผู้ช่างจำนรรจาย้อนกลับมาหาเพื่อนร่างตุ้ยนุ้ยทันที หลังจากเตร่ไปคุยกับนักข่าวกลุ่มโน้น กลุ่มนี้ที่นั่งพักหลังอาหารเช้า แล้วต้องแกร่วรอขบวนคณะรัฐมนตรีแล้วได้สักพักหนึ่ง “ข่าวดีคือ เราไม่ต้องแกร่วอยู่ที่นี่อีกต่อไปและไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาทำหูตาเป็นสับปะรด ไม่ต้องทำตาเหลือกหาโทรศัพท์ส่งข่าวหัวหน้าหรือคิดประเด็นข่าวเองจนหัวแทบแตกตลอดการทำข่าวในสามวันนี้แล้วด้วยละเว้ย” “อะไรของแกวะเนี่ย ---แล้วข่าวร้ายล่ะ” แน่งน้อยสนใจข่าวที่ว่านี้ทันที เธอหันมาถามเพื่อนแล้วทำตาโต “ข่าวร้ายก็คือ เราต้องขึ้นไปนั่งทุกข์ทรมานบนรถบัส ซึ่งมันจะวิ่งย้อนกลับไปบนเส้นทางเดิมที่เรานั่งมาเมื่อคืนนี้ ทั้งคืน เพื่อกลับไปสู่อ้อมใจของชาวไทยธุรกิจ แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำข่าวอื่นๆ อันเป็นสัมมาอาชีพที่รักยิ่งต่อไป” สายลมและสายฟ้าแลบ ผู้ช่างเจรจาตอบคำถามเพื่อนด้วยท่าทียียวน “เฮ้ย แกไปเอาข่าวแบบนี้มาจากไหนวะ ไอ้เต้น” “ก็เนี่ย ฉันเพิ่งได้คอนเฟิร์มมาจากพี่มุกมาแหม็บๆ ว่า กำหนดการทุกอย่างยกเลิก วันนี้จะไม่มีการแถลงข่าวหรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น เข้าใจบ่” “ฮ่วย ไหงทำกันยังงี้ละวะ วุ้ย... นี่ฉันต้องไปนั่งตูดบานบนรถทั้งคืนอีกเหรอเนี่ย ทรมานชิปเป๋ง” นักแจ้งข่าวทั้งดีและข่าวร้ายมองหน้าเพื่อนตัวกลมที่นั่งบ่นอุบ พลางทำหน้าเซ็งๆ ตามเพื่อนไปด้วย “น้องเต้น น้องนุ้ยจ๊ะ ตกลงใจกันรึยังว่าจะกลับหรือจะไปเวียงจันทน์ต่อ เพราะทางโน้นเขายังอนุญาตให้เราเข้าไปได้ตามโปรแกรมเดิม เพียงแต่จะไม่มีพิธีการใดๆ ระหว่างพวกบิ้กๆ ของทั้งสองประเทศเท่านั้นเอง ก็ถือว่าไปเที่ยวนะคะ พี่จัดรถไว้คันหนึ่งแล้ว ส่วนใครที่จะกลับกรุงเทพฯ ก็เตรียมตัวได้เลย อีกสักพักขบวนก็จะเคลื่อนละคะ” มุกมณี สาวใหญ่หัวหน้าพีอาร์ประจำทริป เดินกรายมาบอกข่าวยังสองสาวแห่งไทยธุรกิจที่นั่งทำหน้ามุ่ยกันอยู่ แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้สองสาวยืนนิ่งเป็นเบื้อใบ้กันอยู่อย่างนั้น ขณะยังไม่มีใครทันได้คิดอะไรหรือพูดอะไรออกมา เพจเจอร์ของทั้งคู่ก็ดังขึ้นแข่งกันในทันใด ...สองนักข่าวแห่งไทยธุรกิจต่างกดเพจเจอร์ของตัวเองมาอ่านแล้วต่างออกเสียงพร้อมกัน โดยไม่ได้นัดหมาย “นุ้ย พี่ป๊อบให้เข้าออฟฟิศตามข่าวสัมปทานเครือข่ายโทรศัพท์ต่อ ส่วนเต้นไปเวียงจันทน์ทำเรื่องท่องเที่ยวมาลงรีวิว พี่เสือสั่ง ...จาก ตู่” “เฮ้ย” สองนักข่าวสาวต่างอุทานขึ้นพร้อมๆ กัน ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก “มีใครไปเข้าฝันพี่เสือกับพี่ป๊อบหรือไงวะเนี่ย คุณตู่ถึงเพจบอกได้ทันการณ์ขนาดนี้ ให้ตายเถอะ” เพื่อนสาวร่างอ้วนเค้นเสียง พลางหันมาดูหน้าเพื่อนผู้ตัวเล็กกว่าอย่างคาดคั้น “ฉันไม่เกี่ยวนะโว้ย...แต่ฉันว่า ส่วนกลางกับพวกบิ๊กๆ เนี่ยเขาถึงกันอยู่แล้วละแก ที่สำคัญมันหมายความว่าแกกะฉันก็ต้องแยกกันหรือนี่ ตายๆๆๆ ฉันจะไปต่อได้ยังไงถ้าไม่มีแก” “โอเว่อร์ ไอ้เต้น มีฉันหรือไม่มีฉัน ฉันก็เห็นแกออกไปแท่ดแถทั่วแหละ คนอย่างแกไม่มีใครเขาทำอะไรแกได้หรอกเชื่อเหอะ แกมานั่งภาวนาไม่ให้ฉันหลังแข็ง ตัวบวมอึดอัดตายก่อนไปถึงออฟฟิศจะดีกว่า กรรมจริงๆ นั่งรถมาทั้งคืนแล้วต้องนั่งย้อนกลับไปทั้งคืนอีกเนี่ยนะ โธ่ถัง...กาละมังแตก เฮ้อ” “เฮ้อออ” สองสาวอุทานขึ้นแล้วต่างก็ถอนใจยาวๆ ออกมาพร้อมกัน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของใครของมันอย่างระทดระทวย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD