“สดชื่นจัง”
หนูนิดตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น เธอสูดลมหายใจเอาอากาศที่แสนบริสุทธิ์เข้าปอดโดยไม่มีฝุ่นควันหรือมลพิษอย่างในเมืองได้อย่างสบายใจ
ใบหน้าสวยแต้มรอยยิ้มที่มุมปากจาง ๆ ในขณะที่แขนก็เหยียดตึง บิดขี้เกียจไปพร้อม ๆ กัน ทว่าหญิงสาวไม่อาจทำตัวขี้เกียจอย่างที่ควรเป็นได้ เพราะเธอมาที่นี่ในฐานะคนงานของเพลิง ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องหักห้ามใจรีบไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปข้างล่างเพื่อเข้าครัวทำอาหารทันที
ตุบ ตุบ ตุบ
“อู้วววว! วงแขนกล้ามเป็นมัด ๆ ซิกซ์แพ็กแน่น ๆ หูย ดีอ่า... เห็นแล้วใจละลาย” หนูนิดพูดออกมาในขณะที่สายตามองภาพตรงหน้าอย่าง
เหม่อลอย
เช้าวันนี้เมื่อหนูนิดเข้าครัวทำอาหารเสร็จแล้ว เธอจึงได้ไปตามเขามาทานข้าวเช้าด้วยกัน แต่กลับไม่เจอชายหนุ่มอยู่ที่ห้อง หญิงสาวจึงต้องมาตามหาชายหนุ่มนอกบ้าน แล้วเธอก็พบกับร่างของชายที่เธอชื่นชอบกำลังออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน
“ฮือ... ยิ่งมีเหงื่อไหลออกมาแบบนั้นยิ่งหน้าซบไปอีก! พี่เพลิงของหนูนิดจะน่ากินเกินไปแล้ว!”
หญิงสาวยืนบิดไปมา เมื่อภาพที่เธอเห็นตอนนี้คือ เหงื่อที่ออกมาจากการออกกำลังกายของเพลิงไหลลงมาช้า ๆ ตามกล้ามแขน หรือใบหน้า ยิ่งเห็นเขาหยุดมือแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาเช็ดหน้าเช็ดผมก็ยิ่งรู้สึกว่า ผู้ชายที่เธอหมายปองช่างเซ็กซี่ขยี้ใจเธอเหลือเกิน
หนูนิดยืนมองชายหนุ่มด้วยสายตาเลื่อนลอย สายตาที่เธอมองเขาทั้งหลงใหลและเคลิบเคลิ้มในขณะเดียวกันก็อยากกลืนกินเขาลงไปทั้งตัวอย่างปิดไม่มิด
“หนูนิด”
“...”
“หนูนิด”
“...”
โป๊ก!
“โอ๊ย!”
“ยายเด็กลามก อ่านกินอะไรพี่อยู่เรียกตั้งนานไม่ตอบ”
“ปะ... เปล่านะคะ หนูนิดไม่ได้อ่านกินอะไรพี่เพลิงทั้งนั้น ที่หนูนิดตอบช้าเพราะหนูนิดกำลังคิดว่าจะบอกพ่อกับแม่ยังไงดีว่าหนูนิดมาทำงานเป็นแม่บ้านให้พี่เพลิงต่างหากเล่า”
“อ๋อเหรอ....”
“ใช่น่ะสิคะ พี่เพลิงน่ะมั่ว กล่าวหาหนูนิด” หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งค้อนวงโตให้ชายหนุ่ม
เพลิงที่ไม่ได้เชื่อคำพูดของเธอเลยตั้งแต่แรก ก็ทำเพียงพยักหน้ารับให้มันจบ ๆ ไปเท่านั้น ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัว โดยให้หญิงสาวจัดโต๊ะอาหารรอ
“พี่ไปอาบน้ำก่อน ไปจัดโต๊ะรอด้วย พี่หิวข้าวแล้ว”
“หึ! รู้ตัวเร็วชะมัดกำลังเคลิ้ม ๆ เชียว พี่เพลิงนะพี่เพลิง ให้ดูอีกนิดก็ไม่ได้” หญิงสาวบ่นอย่างเสียดาย พร้อมทั้งชะโงกหน้ามองตามร่างแกร่งที่มีเพียงกางเกงขาสั้นปกคลุมส่วนล่างเท่านั้น
“ขนาดข้างหลังมองไกล ๆ ยังแน่นเลยอะ ถ้าได้กอดได้ลูบจะแน่นขนาดไหนกันนะ”
“ยายเด็กลามก! ไปตั้งโต๊ะ มัวแต่อ่านกินพี่อยู่นั่นแหละ หิวแล้วนะ”
“โว้ย! รู้แล้ว ๆ บอกว่าไม่ได้อ่านกิน เชอะ อยากมองตายแหละ” เมื่อได้ยินเสียงของเพลิงตะโกนว่าเธอดังมา หญิงสาวอย่างหนูนิดก็ตะโกนกลับไป เธอไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่ากำลังอ่านกินเขา
หนูนิดหงุดหงิด ส่ายหน้าอย่างเสียดายเล็กน้อยที่เห็นของดีช้าเกินไป หากเธอมาเร็วกว่านี้คงได้เห็นนานกว่า
“เหอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูของดี!” คิดได้แบบนั้น หนูนิดจึงยิ้มออกมา พร้อมทั้งพาร่างบอบบางของตัวเองเข้าไปจัดโต๊ะอาหารในครัว รอชายหนุ่มอย่างเพลิงลงมาทานข้าว
“พี่เพลิงมองอะไรคะ” หนูนิดถามเมื่อถูกสายตาคมกริบของ
ผู้กองเพลิงจับจ้องเวลาทานข้าว
“มองเด็กลามก”
“เอ๊ะ! ก็บอกแล้วไงคะว่าไม่ได้ลามก” หนูนิดตอบกลับอย่างไม่ยินยอม
ผู้กองหนุ่มมองหญิงสาวอย่างจับผิดก่อนจะละสายตาไปแล้ว
ก้มหน้าก้มตาทานข้าวอาหารแสนอร่อยที่หญิงสาวตรงหน้าทำไว้ให้
“อิ่มแล้วเหรอคะ” หนูนิดถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ครับ อิ่มแล้ว”
“อาหารไม่ถูกปากเหรอคะ”
“เปล่าหรอกครับ ตอนเช้าพี่ไม่ค่อยทานข้าวน่ะ ส่วนใหญ่จะดื่มแค่กาแฟแล้วออกไปทำงานเลย” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีแววกังวลชายหนุ่มจึงอธิบายให้ฟังอย่างใจดี
“งั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวหนูนิดชงกาแฟให้ดื่ม” หญิงสาวพูด ก่อนที่เธอจะรีบชงกาแฟให้เขา
ผู้กองเพลิงมองร่างบอบบางที่ยืนหันหลังให้เขา แขนเล็กเรียวเสลาของเธอกำลังชงกาแฟให้อย่างบรรจง ยิ้มยากเย็นที่นาน ๆ ทีเพื่อนสนิทและผู้ใต้บังคับบัญชาจะได้รับ ตอนนี้กลับกำลังยกยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก
“นี่ค่ะกาแฟ หนูนิดไม่รู้ว่าพี่เพลิงดื่มรสไหน เมื่อกี้ก็ไม่ได้ถาม ลองดื่มดูนะคะ ถ้าไม่ถูกใจหนูนิดชงให้ใหม่ได้” หญิงสาวว่า สายตาก็ลุ้นว่ากาแฟของเธอจะถูกปากถูกใจคนตรงหน้าหรือเปล่า
“อืม... รสชาติดี กลมกล่อมเชียว” เมื่อได้รับคำชมจากเขา หญิงสาวก็ยิ้มแก้มปริ
ผู้กองเพลิงมองรอยยิ้มของหญิงสาวอย่างเพลิดเพลิน มือก็ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม สายตาก็จับจ้องหน้าของหญิงสาวอย่างไม่ลดละ
“เอาละ พี่จะไปทำงานแล้ว อยู่ที่นี่อย่าดื้อ และอย่าไปไหนล่ะเข้าใจไหม เพราะเราเพิ่งมาใหม่ยังไม่รู้จักใคร ไว้วันหยุดพี่จะพาไปรู้จักคนในหมู่บ้านนี้”
“ค่ะ” หนูนิดสัมผัสได้ถึงความห่วงใยผ่านกระแสเสียงคำพูดพวกนั้นของชายหนุ่ม เธอจึงตกปากรับคำอย่างว่าง่าย
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวรับคำแล้ว ชายหนุ่มจึงขับรถออกจากบ้านไป มุ่งตรงเข้าสู่ตัวจังหวัด
ไม่นานชายหนุ่มก็ขับรถมาถึงจุดหมายปลายทาง สถานที่เดียวกับเมื่อวานนี้ ร่างสมส่วนสง่าผ่าเผยสมชายชาตรีเดินลงจากรถแล้วก้าวเดินเข้าไปในสถานีตำรวจประจำจังหวัดอย่างมั่นคง
“ขออนุญาตครับ”
“เชิญ” ได้ยินเสียงคนข้างในอนุญาต ชายหนุ่มก็พาตัวเองเข้าไปด้านใน เมื่อมาถึงก็พบว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีทลายแก๊ง
ค้ามนุษย์ข้ามชาติได้มารวมตัวกันหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อร่างของเขามาถึงการประชุมก็เริ่มต้นขึ้นทันที
เวลาในการประชุมและวางแผนการจัดการต่าง ๆ ดำเนินไปร่วมสามชั่วโมง ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปและเห็นตรงกันในที่สุด จึงได้เลิกการประชุมและแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
“ผู้กองเพลิงเดี๋ยวอยู่คุยกับผมก่อน”
“ครับผู้การ” ผู้กองเพลิงหันมารับคำ เมื่อลับร่างของผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดแล้วภายในห้องก็เงียบสนิทและมีความกดดันขึ้นทันตา
“คุณมีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า”
“เรื่องอะไรล่ะครับ” ผู้กองหนุ่มไม่ได้เกรงกลัวกับเสียงเย็น ๆ ที่เอ่ยถามเขา เขามองหน้าสบสายตาอย่างไม่หวั่นเกรง จนในที่สุดผู้การณรงค์ก็ไม่สามารถรักษาความนิ่งเฉยไว้ได้
“เฮ้อ! คุณคงได้เจอกับลูกสาวผมแล้ว”
“ถ้าหมายถึงผู้หญิงที่ชื่อว่าหนูนิดก็ใช่ครับ” ผู้กองเพลิงพูดตอบรับอย่างว่าง่าย
“ผมฝากลูกสาวผมด้วย แกหนีออกจากบ้านเพราะภรรยาผมจะจับแกหมั้นกับคนที่แกไม่ชอบแกจึงได้หนีไป แกเป็นคนดื้อและค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง ผมหวังว่าผู้กองจะไม่ถือสา” ผู้การณรงค์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ใครหลายคนอาจมองไม่เหมาะสม และไม่สมควรที่จะปล่อยให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนไปอยู่กับชายหนุ่มสองต่อสอง เพียงแต่ว่าผู้การณรงค์กลับไม่มีทางเลือกมากนัก เมื่อลูกสาวสุดที่รักยื่นคำขาดมาให้เขาเลือก
‘คุณพ่อต้องช่วยหนูนิด หนูนิดไม่มีทางหมั้นกับใครก็ไม่รู้ที่คุณแม่พยายามจะคลุมถุงชนให้เด็ดขาด’
‘แล้วจะให้พ่อช่วย พ่อจะช่วยอะไรได้’
‘ช่วยได้สิคะ ผู้กองเพลิงคนนั้นหนูนิดชอบเขา’
‘ว่ายังไงนะ!’
‘หนูนิดบอกว่าหนูนิดชอบผู้กองเพลิง เรื่องที่หนูนิดสั่งให้คนสืบเรื่องราวความเป็นมาของเขาคุณพ่อคงจะรู้มาบ้าง เพราะฉะนั้นคุณพ่อห้ามขัดขวางหนูนิดเด็ดขาด คุณพ่อพูดเองว่าถ้าหนูนิดชอบใครคุณพ่อจะสนับสนุน’
‘แต่ถ้าหากคุณพ่อไม่ช่วยหนูนิด หนูนิดจะหนีไปบวชชี บวชแบบโกนหัวไปเลย แล้วถ้าหนูนิดไปบวชหนูนิดก็จะไม่สึก เพราะฉะนั้นความหวังที่คุณพ่อจะได้อุ้มหลานก็เลิกหวังไปได้เลย!’
นั่นคือคำพูดที่ลูกสาวใช้ขู่เขา เมื่อเจอคำขู่แบบนี้ผู้การอย่างเขาจะทำอะไรได้ นอกจากจะให้ความช่วยเหลือเธอ แม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตามที
ทว่าเมื่อพิจารณาให้ดีเป็นผู้กองเพลิงชายหนุ่มตรงหน้าเขาก็ไม่เลวนัก นอกจากจะมีหน้าที่การงานที่ดีแล้ว ยังเป็นตำรวจน้ำดี ฐานะทางบ้านก็ดี ล้วนเหมาะสมกับลูกสาวเขาทุกอย่าง ดังนั้นผู้ว่าการณรงค์จึงพอที่จะทำใจรับผู้กองหนุ่มคนนี้มาเป็นลูกเขยได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าชายหนุ่มตรงหน้าคิดยังไงกับลูกสาวเขาด้วยเช่นกัน
จากการที่เขาได้เห็นสายตาของชายหนุ่มที่มองรูปลูกสาวที่อยู่ในห้องทำงานของเขาเมื่อวาน ก็พอจะบอกอะไรได้บ้าง ดังนั้นวันนี้เขาจึงได้ทำใจข่มความหวงลูกสาวแล้วหันหน้ามาคุยกับว่าที่ลูกเขยแทน
“เอาเป็นว่าผมจะดูแลเธออย่างดี แต่ว่าท่านคงรู้ใช่ไหมครับว่าผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่พระอิฐพระปูน”
“นี่!” ได้ฟังคำพูดของว่าที่ลูกเขยอาการหวงลูกสาวก็กำลังกำเริบ
“เอาเป็นว่าผมถือว่าท่านรับรู้แล้ว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจผมจะให้คุณพ่อไปสู่ขอเธออย่างเป็นทางการ ลาก่อนนะครับพ่อตา หนูนิดกำลังรออยู่” ผู้กองเพลิงกระตุกยิ้มร้าย แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผู้การณรงค์หน้าตาดำคล้ำเพราะความอดกลั้นไม่ให้ชกหน้าของคนที่จะมาเป็นลูกเขยเพราะอาการหวงลูกสาว
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นความสุขของหนูนิดล่ะก็ ฮึ่ม!” ผู้การณรงค์ว่า พร้อมทั้งพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ รอจนสงบสติอารมณ์ได้ถึงได้กลับห้องทำงานของตนไป