bc

เล่ห์รักผู้กองเพลิง

book_age18+
830
FOLLOW
1.4K
READ
family
HE
blue collar
sweet
love at the first sight
like
intro-logo
Blurb

“ปากบอกว่าเราเป็นเด็ก แต่ดันชอบมาขโมยจูบจากเราตลอดเลย อีตาผู้กองบ้า! ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย โตแล้วเถอะ ออกจากสะบึมขนาดนี้ ว่าฉันเป็นเด็กมาก ๆ เดี๋ยวเจอเด็กขึ้นขึ้นมาจะร้องไม่ออก ฮึ่ย! อารมณ์เสีย”

.............................................

“ผู้กองเพลิง” นายตำรวจหนุ่มแห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษได้เข้าจับกุมทลายแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ จนได้พบกับ “ณิชญารีย์” หรือ หนูนิด ที่กระโดดเอาตัวขวางหน้ารถระหว่างที่เขากำลังขับรถกลับบ้าน หญิงสาวอ้างตัวว่าไม่มีที่ไป ออกจากบ้านมาหางานทำแต่กลับไม่มีใครรับ ทั้งที่บ้านก็ยากจนข้นแค้น

เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่ถูกเธอปั้นแต่งผู้กองหนุ่มจึงรับเธอมาเลี้ยงต้อย เอ๊ย! เลี้ยงดูด้วยความจำใจ

ทว่าความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเธอคือลูกสาวของผู้บังคับบัญชาผู้เป็นนายของเขา

เขาจะทำอย่างไรเมื่อหนูนิดคนนี้ทั้งเอาแต่ใจและดื้อรั้น แต่ก็มากไปด้วยความอ่อนหวานไร้เดียงสาที่พร้อมจะเขย่าหัวใจเขาตลอดเวลา ผู้กองหนุ่มจะตัดสินใจแบบไหน ระหว่างส่งคืนเธอให้ผู้เป็นพ่อ หรือ! เก็บเธอไว้ข้างกาย ติดตามได้ใน เล่ห์รักผู้กองเพลิงนะคะ ^^

...............................

ซีรีส์เล่ห์รักผู้กอง ประกอบด้วย

1. เล่ห์รักผู้กองเพลิง

2. ผู้กองปราบกำราบรัก

chap-preview
Free preview
ภารกิจ
ปัง ปัง ปัง เสียงปืนดังสนั่นอยู่ภายในโกดังเก็บสินค้าแนวตะเข็บชายแดนไทยพม่า โดยที่ฝั่งหนึ่งเป็นคนของทางการและอีกฝั่งเป็นผู้ร้าย ทั้งสองต่างสาดกระสุนเข้าห้ำหั่นกันทำให้ตอนนี้ภายในโกดังสินค้าอยู่ในช่วงโกลาหล ฝั่งหนึ่งนำโดยผู้กองเพลิงและผู้กองปราบ สองเพื่อนรักต่างสังกัดแต่มีหน้าที่เดียวกัน นั่นคือเข้าปราบปรามโจรผู้ร้าย ก่อนหน้านี้ทั้งสองได้รับข่าวจากสายข่าวที่แฝงตัวเข้ามาบอกว่า ที่โกดังสินค้าร้างโกดังหนึ่งถูกซ่องสุมกำลังคน และมีการกักขังหน่วงเหนี่ยวทั้งยังมีการค้าขายมนุษย์ข้ามชาติ วันนี้ทั้งสองผู้กองจึงได้นำกำลังเข้าปราบปราม ปัง ปัง ปัง เสียงกระสุนยังดังต่อเนื่องต่างฝ่ายต่างสาดกระสุนใส่กันโดยไม่มีใครยอมใคร เพราะต่างคนก็ต่างก็มีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายรวมถึงผ่านการฝึกทรหดทั้งสิ้น ขณะที่ฝั่งทางราชการถูกฝึกมาเพื่อปราบปรามและตรวจความเรียบร้อยแนวตะเข็บชายแดน และอีกฝั่งล้วนเป็นนักรบเดนตายที่ถูกว่าจ้างให้เข้าร่วมเป็นกองกำลังค้ามนุษย์ข้ามชาติรายใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศไทย เมื่อมีโอกาสเผชิญหน้ากันทั้งสองฝ่ายจึงสาดกระสุนเข้าใส่กันโดยไม่มีใครกลัวใคร และไม่มีใครกลัวตาย ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก “เร็วสิวะ รีบไป พวกมันตามมาแล้ว” เสียงของฝั่งผู้ร้ายคนที่เป็นหัวหน้ากองกำลัง เร่งสั่งลูกน้องของตัวเองหนีเอาตัวรอดตามช่องทางที่ได้ทำการบุกเบิกไว้ล่วงหน้า “ไอ้ปราบแกไปทางนั้น ฉันจะไปทางนี้” ผู้กองเพลิงสั่งการเพื่อนตัวเองอย่างผู้กองปราบ เพราะทางฝั่งผู้ร้ายแบ่งแยกไปสองทาง ดังนั้นทั้งสองจึงต้องแบ่งกำลังกระจายกันออกไป ปัง ปัง ปัง “หลบ หลบ หลบ” ผู้กองเพลิงสั่งการลูกน้องเมื่อตามผู้ร้ายมาถึงทางเข้าก็มีเสียงปืนสาดกระสุนเข้ามาทุกทิศทาง “มีคนเจ็บ มีคนเจ็บ” เสียงผู้ใต้บังคับบัญชาดังขึ้น ผู้กองหนุ่มหันไปมองก็พบว่าคนที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาถูกยิงเข้าที่ท้องอย่างจัง “พาคนเจ็บถอนกำลังออกไป” “แล้วเราไม่ตามต่อแล้วเหรอครับผู้กอง” “ไม่ต้อง! ถอยไปก่อน เพราะถ้าตามเราไม่รู้จะเป็นกับดักอีกหรือเปล่า วันนี้รักษาชีวิต วันหน้าค่อยกวาดล้างก็ยังไม่สาย” ผู้กองหนุ่มหันไปตอบผู้ใต้บังคับบัญชา เนื่องจากตัวของผู้กองรักและให้เกียรติคนร่วมอาชีพเต็มที่ ดังนั้นหากหนทางข้างหน้าไม่สามารถคาดเดาความได้เปรียบได้ เขาจะเลือกถอยทันที เพื่อรักษาชีวิตเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาเอาไว้ “แต่ว่าถ้าเราปล่อยพวกมันให้รอดไปได้ ผู้กองอาจถูกเล่นงานได้นะครับ” “ไม่เป็นไร ถอยก่อน ไป ไป ไป!” ไม่รอให้มีคำแย้งขึ้นมาอีก ผู้กองหนุ่มเร่งสั่งการลงไปทันที ไม่ช้าทั้งตัวผู้กองและเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดก็ถอนตัวออกจากเส้นทางที่ผู้ร้ายใช้หนีออกมาได้ ผู้กองหนุ่มหันไปมองเส้นทางที่เพิ่งถอนกำลังออกมาอีกครั้งด้วยสายตาหมายมาด พร้อมทั้งสัญญากับตัวเองว่าเขาจะต้องกวาดล้างพวกขายชาติกลุ่มนี้ให้ได้ “ไอ้เพลิง! ทางแกเป็นยังไงบ้างวะ” ชายหนุ่มหันไปตามเสียงก่อนจะพบว่าเพื่อนของตัวเองอย่างผู้กองปราบก็นำทีมถอนกำลังกลับมาเช่นกัน “หนีไปได้ ทางข้างหน้าเป็นกับดัก ทางแกล่ะ” ผู้กองหนุ่มถามทั้ง ๆ ที่ภายในใจก็พอจะคาดเดาได้ “เหอะ! เหมือนกัน ฉันมีคนเจ็บสามคน เลยต้องรีบถอนกำลังกลับมา” ผู้กองปราบพูดด้วยความเจ็บใจ ที่ไม่สามารถจับกุมผู้ร้ายเอาไว้ได้ “ไม่เป็นไร วันนี้พวกมันหนีไปได้ แต่วันหน้าพวกมันไม่มีวันหนีพ้นแน่” ผู้กองเพลิงว่า พร้อมทั้งมองผู้กองปราบอย่างสื่อความหมาย ผู้กองเพลิง หรือ ร้อยตำรวจเอกเพลิง พงศ์พิริยะ หน่วยปราบปรามพิเศษแห่งหน่วยเหยี่ยวดำ มีหน้าที่กวาดล้างองค์กรค้ามนุษย์ข้ามชาติและปราบปรามผู้ร้ายที่หลุดรอดเข้ามายังตะเข็บชายแดนโดยเฉพาะ ส่วนผู้กองปราบ หรือร้อยเอกปราบดา จิตรดานนท์ เป็นหัวหน้ากองกำลังทหารหน่วยปราบปรามพิเศษของแนวตะเข็บชายแดน มีหน้าที่กวาดล้างและรักษาความสงบแนวตะเข็บชายแดนโดยเฉพาะ ทั้งสองเป็นเพื่อนรักต่างสังกัด คนหนึ่งสังกัดตำรวจ อีกคนสังกัดทหาร ทว่าหน้าที่ของทั้งสองคนเหมือนกันและได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้นทั้งสองจึงทำงานด้วยกันบ่อย ๆ สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด “ผู้กองครับทางนี้ครับ” หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาวิ่งเข้ามารายงานหลังจากที่ทำการเคลียร์พื้นที่และตรวจสอบโกดังเรียบร้อยแล้ว ทั้งผู้กองเพลิงและผู้กองปราบต่างเดินตามผู้ใต้บังคับบัญชาคนนั้นไปในขณะที่ปากก็ถามเรื่องราวไม่ได้ขาด “มีอะไรทำไมถึงดูกระตือรือร้นแปลก ๆ” “จากการที่ผู้กองสั่งให้พวกผมไปตรวจพื้นที่พวกเราก็เจอกับคนกลุ่มนี้ครับ” จบคำพูดของผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้กองทั้งสองก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งรวมกันอยู่ในห้อง ภาพที่เห็นคือ คนกลุ่มนี้ไม่มีใครที่มีสุขภาพดีเลยสักคน บางคนมีแผล บางคนพิการ มีทั้งเด็ก ผู้หญิงและคนชรา “พวกคุณเป็นใคร ต้องการอะไร อย่าทำร้ายพวกเราเลยนะ” หนึ่งในกลุ่มคนที่มีอายุเยอะที่สุดเอ่ยถาม พร้อมทั้งมองมาที่ฝั่งของผู้กองด้วยสายตาหวาดกลัว ขณะเดียวกันภายในสายตานั้นก็ยังมีความหวังซุกซ่อนไว้อยู่ “พวกเราเป็นตำรวจและทหารที่ได้รับรายงานว่าที่นี่คือแหล่งกบดานของพวกอาชญากรที่ทำการก่ออาชญากรรมค้ามนุษย์ข้ามชาติ จึงได้พากองกำลังเข้าปราบปราม” ผู้กองเพลิงตอบพร้อมทั้งมองคนที่อยู่ในห้องด้วยสายตาเห็นใจและสะท้อนในอก เพราะไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ด้วยกัน จะเลือดเย็นทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเองได้ลงคอ “จริงเหรอ พวกคุณไม่หลอกเราแน่นะ” คราวนี้เป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุราว ๆ สิบขวบเป็นคนถาม “จริงสิ” “แล้วทำไมไม่ใส่ชุดตำรวจหรือทหารอย่างที่พวกคุณบอกล่ะ” เด็กหญิงยังไม่วางใจ เธอจึงตั้งคำถามอีกครั้ง “เพราะพวกเรามากวาดล้าง เพื่อไม่ให้ผู้ร้ายรู้ตัวเร็ว จึงได้ใส่ชุดปฏิบัติการของกองกำลังซึ่งเป็นสีดำ ไม่ได้ใส่ชุดที่บ่งบอกถึงยศหรือตำแหน่ง” เป็นผู้กองปราบที่เอ่ยอธิบาย เมื่อคนภายในห้องได้ฟังก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังไม่ได้เชื่อกลุ่มคนที่บอกว่าเป็นตำรวจและทหารมากนัก “ผู้กอง! ผู้กองครับ! ทางนี้ครับ ผู้กอง!” หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาที่แยกตัวออกไปตรวจสอบพื้นที่อีกฝั่ง วิ่งเข้ามาตามนายเหนือหัวด้วยความร้อนรน “มีอะไรจ่าแสน หรือว่าพบช่องทางการหลบหนีอีก” ผู้กองปราบเอ่ยถาม ในขณะที่สายตาก็มองด้วยความไม่พอใจ ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนไม่สามารถรักษาความนิ่งสงบอย่างที่ควรจะเป็นไว้ได้ “ไม่ใช่ครับ ผมว่าผู้กองทั้งสองไปดูด้วยตาตัวเองดีกว่า” จบคำพูดของจ่าแสน ผู้กองทั้งสองจึงได้เร่งรุดไปยังพื้นที่ที่ว่าทันที ทว่าไปถึงใจแกร่งของชายชาติตำรวจและทหารอย่างผู้กองเพลิงและผู้กองปราบก็แทบทรุดลงทันที เพราะสิ่งที่เห็นคือเด็กบางคนถูกตัดแขนตัดขาให้พิการ นี่มันหนักกว่าห้องที่พวกเขาเพิ่งจากมาอีก เพียงแต่ว่าทางห้องนี้ไม่ได้มีแค่คนไทย แต่ยังมีชาวต่างชาติรวมถึงชนกลุ่มน้อยปะปนอยู่ด้วย คนทั้งหมดอยู่ในสภาพที่เรียกว่าดีไม่ได้เลย “สาบานเลยว่าฉันจะกวาดล้างพวกคนขายชาติพวกนี้ให้หมด” ผู้กองปราบว่า มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น ในขณะที่ผู้กองเพลิงไม่ได้พูดอะไร มีเพียงสายตาที่แข็งกร้าวและแดงก่ำเพราะความโกรธที่ไม่สามารถจับกุมอาชญากรเอาไว้ได้ เมื่อตั้งสติได้จึงได้สั่งให้อพยพกลุ่มคนที่ตกอยู่ในชะตากรรมอันโหดร้ายออกจากพื้นที่ ก่อนที่จะทำการเคลียร์พื้นที่ครั้งใหญ่ เรียกได้ว่าโกดังร้างนี้จะไม่สามารถซ่องสุมกำลังคนหรือไว้สำหรับกระทำความชั่วได้อีก 

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เมียลับอุ้มรัก

read
77.9K
bc

หัวใจซ่อนรัก(เฮียเดย์)

read
29.6K
bc

Passionate Love รักสุดใจนายขี้อ่อย 20+

read
31.8K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
14.3K
bc

ขังรัก

read
17.7K
bc

รอยแค้นแห่งรัก

read
52.4K
bc

My Sister น้องสาว... ที่รัก

read
6.6K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook