“อ่า... นี่บ้านพี่เพลิงเหรอคะ”
หญิงสาวร่างเล็กมองบ้านตรงหน้าด้วยความพอใจ เพราะที่นี่นอกจากจะสงบแล้ว ยังอยู่ใกล้ป่าเขาซึ่งเป็นธรรมชาติสามารถสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดได้ดีที่สุด
“ครับ”
“สวยและร่มรื่นมาก ๆ เลยค่ะ หนูนิดชอบ!” หญิงสาวว่า ก่อนที่จะพาร่างบอบบางของเธอเดินสำรวจทั่วบ้าน ก่อนจะวิ่งเข้าไปสำรวจในบ้านโดยมีผู้กองหนุ่มถือกระเป๋าเดินตามมาทีหลัง
“เฮ้อ! คิดถูกคิดผิดวะเนี่ย” ในขณะที่ถือกระเป๋าเดินตามร่างเล็กเข้าไปในบ้าน ผู้กองเพลิงก็อดบ่นออกมาเบา ๆ ไม่ได้
“บ้านพี่เพลิงดีมากเลยค่ะ หนูนิดชอบมาก แบบนี้สิจะได้อยู่ได้นาน ๆ หน่อย” คนตัวเล็กยังคงพูดต่อไป
ผู้กองเพลิงนั่งลงที่โซฟากลางห้องรับแขกของบ้าน ตาก็มองร่างเล็กสำรวจห้องนั้นห้องนี้ด้วยความสบายใจ
“สำรวจพอหรือยัง”
“อุ้ย!” เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม หนูนิดก็พาตัวเองมานั่งลงที่โซฟาอีกตัวตรงข้ามกัน พร้อมกับส่งยิ้มให้กับเขา
“แค่ดูนิดหน่อยเอง พี่เพลิงอย่าดุหนูนิดเลยนะคะ” หญิงสาวพูดพร้อมทั้งส่งสายตาออดอ้อนไปให้
ผู้กองเพลิงแห่งหน่วยปราบปรามพิเศษเหยี่ยวดำที่ว่ากันว่าใจแข็งและเยือกเย็นนักหนา สามารถฆ่าโจรผู้ร้ายได้โดยไม่กะพริบตา ตอนนี้กลับใจอ่อนยวบเพราะหญิงสาวตรงหน้า
รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น!
ผู้กองเพลิงคิดด้วยความไม่ชอบใจ คิ้วเข้มได้รูปรับกับโครงหน้าหล่อเหลาของเขาขมวดเข้าหากันแน่น จนหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามรับรู้ได้
“หนูนิดขอโทษค่ะพี่เพลิงที่เสียมารยาท”
“หนูนิดจะไม่ทำอีกแล้ว หากจะทำอะไรหนูนิดจะขอพี่เพลิงทุกครั้ง พี่เพลิงอย่าไล่หนูนิดไปที่อื่นเลยนะคะ หนูนิดไม่มีที่ไปแล้ว” ด้วยความที่กลัวชายหนุ่มที่เธอเรียกเขาอย่างสนิทใจว่า ‘พี่เพลิง’ ไล่ออกจากบ้าน
หญิงสาวจึงรีบละล่ำละลักบอกขอโทษพร้อมทั้งใบหน้าที่ยิ้มสดใสในตอนแรกกลับเศร้าสร้อยลงทันตา
“ใครบอกว่าจะไล่ไป” ผู้กองเพลิงที่ดึงสติตัวเองกลับมาตั้งแต่
หญิงสาวเอ่ยคำว่าขอโทษก็เอ่ยถามกลับไปอย่างรวดเร็ว เขากำลังไม่สบายใจที่เห็นใบหน้าสวยหวานน่ารักของเธอเศร้าหมองลง
“ก็หนูนิดเห็นพี่เพลิงนิ่งไปนี่คะ หนูนิดก็เลยกลัวพี่เพลิงจะไล่หนูนิดไปอยู่ที่อื่น” หนูนิดตอบพร้อมทั้งมองสบตากับผู้กองหนุ่มไปด้วย
“ไม่ได้จะไล่สักหน่อยคิดไปเอง”
“แล้วทำไมพี่เพลิงต้องขมวดคิ้วด้วยล่ะ”
“แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย... เอาละผม”
“พี่... แทนตัวเองว่าพี่” หนูนิดรีบแย้งทันทีที่เขาแทนตัวเองว่าผม พร้อมทั้งมองเขาด้วยความเอาแต่ใจ ผู้กองหนุ่มหลุบตาซ่อนรอยยิ้มก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ
“พี่ไม่มีวันไล่เธอไปไหน พอใจหรือยัง เลิกคิดมากได้แล้ว” ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มพร้อมสายตาที่บ่งบอกว่าเขาไม่มีวันผิดคำพูด ก็ทำให้หนูนิดยิ้มร่า ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมาก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเขาพูดว่า
“ว่าแต่ทำอะไรเป็นบ้างล่ะเรา”
“เอ่อ... คือ”
“ทำไม อึกอักทำไม ให้พี่จ้างไม่ใช่เหรอ สรุปทำอะไรเป็นบ้าง พี่จะได้จ่ายค่าแรงได้ถูกไง” ยิ่งเห็นหญิงสาวอึกอัก ผู้กองเพลิงก็ยิ่งอยากแกล้งคนตัวเล็ก
“หนูนิดทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะกวาดบ้านถูบ้านทำอาหาร แล้วแต่
พี่เพลิงจะสั่งเลย แต่ว่านะ พี่เพลิงเลิกพูดกับหนูนิดเหมือนหนูนิดเป็นเด็กสักทีเถอะ หนูนิดโตแล้วนะ”
“โตแล้ว... แล้วอายุเท่าไหร่” ผู้กองเพลิงถามยิ้ม ๆ ในขณะที่
หญิงสาวกลับมีสีหน้าบูดบึ้ง
“หนูนิดอายุยี่สิบสองปีแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว เพราะฉะนั้นหนูนิดโตแล้ว” หนูนิดกอดอกเชิดหน้า
ผู้กองเพลิงมองหญิงสาวยิ้ม ๆ ก่อนจะใช้สายตาโลมเลียไปทั่วร่างกายของเธอ ก่อนที่จะมาหยุดตรงหน้าอกแล้วพยักหน้าก่อนจะพูดว่า
“อืม... โตแล้วจริง ๆ”
“กรี๊ดดดด! พี่เพลิงห้ามมองนะ! คนลามกมองนมหนูนิด!” เมื่อ
หนูนิดมองตามสายตาที่หยุดนิ่งของชายหนุ่ม เธอจึงรู้ตัวว่าถูกเขาจ้องมองหน้าอกเธออยู่
“หึหึ แล้วก็บอกว่าโตแล้ว”
“จะโตไม่โตพี่เพลิงก็ห้ามมอง ฮึ่ย!” หนูนิดต่อว่าเขาด้วยใบหน้าที่แดงจัด คราวนี้กลับเป็นผู้กองเพลิงที่ทำสีหน้าจริงจัง
“ที่พี่มองแบบนี้เพราะอยากให้หนูนิดรู้ว่าพี่เป็นผู้ชาย หนูนิดจะไว้ใจคนอื่นง่าย ๆ แบบนี้แล้วมาขอเขาทำงานและอยู่บ้านเขาง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้”
“เพราะเป็นพี่เพลิงหนูนิดจึงวางใจ”
“จะเป็นพี่ก็ไม่ได้ อย่าลืมนะว่าเราไม่รู้จักกัน หรือว่า... หนูนิดรู้จักพี่มาก่อน” ผู้กองเพลิงหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ไม่นะ ไม่นะคะ หนูนิดไม่เคยรู้จักพี่เพลิง” หญิงสาวละล่ำละลักตอบก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
ผู้กองเพลิงหลุดยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ดีแล้ว เพราะฉะนั้นจากนี้ไปอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ เข้าใจไหมเด็กน้อย”
“เข้าใจค่ะ แต่ว่าหนูนิดไม่เด็กแล้วนะ เลิกพูดว่าหนูนิดเด็กสักทีเถอะ” หนูนิดว่าอย่างไม่ยอม
“ก็หนูนิดเด็กกว่าพี่จริง ๆ นี่” ผู้กองเพลิงว่า
“เหอะ ก็ใช่สิในเมื่อพี่เพลิงแก่กว่า”
ได้ยินคำพูดของหญิงสาว ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วหรี่ตาอันตราย หนูนิดสามารถรับรู้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ ได้จึงรีบขอตัวทันที
“หนูนิดเห็นห้องทางซ้ายว่าง ขอหนูนิดอยู่ห้องนั้นนะคะ เดี๋ยวหนูนิดเก็บของเสร็จแล้ว จะรีบออกมาทำอาหารให้ทานค่ะ”
ไม่รอให้ชายหนุ่มอนุญาต หญิงสาวก็รีบพาตัวเองขึ้นไปชั้นสองตรงไปยังห้องที่ว่าทันที คล้อยหลังหนูนิดผู้กองเพลิงก็กระตุกยิ้มอันตราย
“ลูกแมวตัวนี้ช่างซนจริง ๆ” เขาว่า พร้อมทั้งมองไปยังทิศทางที่
หญิงสาวหายไปด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ หากปราบดาเห็นรอยยิ้มนี้ของเพลิง เขาคงได้รีบพาหนูนิดหนีไปแล้ว ทว่ารอยยิ้มนี้กลับไม่มีใครได้เห็น หนูนิดจึงต้องอยู่กับเขาต่อไป
“ถึงจะซนไปบ้างแต่ก็น่ารัก เลี้ยงต้อย เอ๊ย! เลี้ยงดูไปก่อนแล้วกัน ถึงยังไงก็เป็นผู้หญิง เราควรทะนุถนอมเธอให้มากที่สุด” ผู้กองเพลิงพูด ก่อนจะก้มหน้าหันมาสนใจแฟ้มเอกสารรูปคดีความที่เขาหยิบติดมือมาอ่านต่อไป
ในหัวก็ขบคิดแผนการบางอย่างไว้อย่างคร่าว ๆ รอเวลานัดกับเพื่อนผู้กองด้วยกัน แล้วทำแผนอีกที
ด้านหญิงสาวอย่างหนูนิดที่หนีหายเข้ามาในห้องก็ตบอกตัวเองเบา ๆ พร้อมทั้งผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่สามารถหนีเอาตัวรอดมาได้
หญิงสาวยิ้มแล้วเดินไปที่เตียงนอน จากนั้นยกกระเป๋าเดินทางที่เธอบรรจุเสื้อผ้ามาไว้จนเต็มขึ้นวางบนเตียง ก่อนจะเปิดแล้วจัดเรียงเสื้อผ้าเข้าตู้ทีละตัว ๆ
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็นั่งนิ่งบนเตียง พร้อมทั้งขบคิดถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี่ตอนนี้
“หนูนิดไม่ยอมให้ใครมาบงการชีวิตหนูนิดเด็ดขาด หากจะต้องแต่งงานกับใครสักคน คนคนนั้นต้องเป็นพี่เพลิงเท่านั้น คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ในเมื่ออยากได้ลูกเขย หนูนิดจะเป็นคนพาว่าที่ลูกเขยอย่าง
พี่เพลิงไปหาคุณแม่เอง!” หญิงสาวพูดอย่างมาดหมาย แล้วยิ้มกับตัวเองด้วยความพึงพอใจ
พี่เพลิง ผู้กองเพลิง หรือร้อยตำรวจเอกเพลิง เขาเป็นรักแรกของ
หนูนิด ครั้งหนึ่งหนูนิดเคยเห็นเขาจากนั้นจึงตามสืบเรื่องราวของเขาเรื่อยมา เมื่อจะถูกผู้เป็นแม่จับคลุมถุงชน เธอจึงต้องหนีออกจากบ้านเพื่อมาพึ่งใบบุญของเขา มาพึ่งพิงพี่เพลิงของเธอ โดยได้รับการช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อของเธอนั่นเอง
“หึ! งานนี้ยังไงพี่เพลิงก็หนีหนูนิดไม่รอด พี่เพลิงต้องเป็นของหนูนิดคนเดียวเท่านั้น”