“ไม่ต้องมาจ๋ง มาจ๋า!” มือสั่นมาก ถ้าไม่ได้ตีมันจนสาแก่ใจ ฉันจะไม่หายโกรธ
“เมื่อคืนยังไม่พออีกไง๊ เนี่ย ปากแตกขนาดนี้เพราะใคร” ไอ้ดินทำหน้าตาน่าสงสารขณะยกปลายนิ้วขึ้นลูบบาดแผลปริแตกบริเวณมุมปาก
อ๋อ...แผลที่ปากมันเป็นฝีมือฉันเองสินะ
ดี! สมควร! สมน้ำหน้า!
ทำไมฉันไม่เลาะฟันออกมาสักซี่สองซี่นะ จะได้เลิกหื่นกามทำตัวหน้าด้านหน้าทนแบบนี้สักที
“นายลวนลามฉัน เมื่อคืนก็จูบไปแล้ว ยังจะมาทำรอยสกปรก ๆ นี่บนตัวฉันอีกเหรอ” ขนาดแฟนสองสามคนที่เคยคบ ฉันยังให้แค่จับมือ แล้วมันเป็นใคร...
“ไม่ให้ทำกับเธอแล้วจะให้ไปทำกับใคร” คราวนี้ฉันชะงัก “หยง?”
“อย่าพูดชื่อมันให้ฉันได้ยิน” หงุดหงิดขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อได้ยินชื่อคนที่ตัวเองเกลียดแต่เช้า แถมยังหลุดออกมาจากปากไอ้ดินที่ฉันไม่ค่อยชอบขี้หน้าอีก
ก่อนเป็นเพื่อนกัน ฉันน่ะเคยเกลียดมันมาก่อน ก็ไม่เคยมีปัญหากันหรอก แค่ขยาดผู้ชายประเภทนี้ พอได้รู้จักก็ยิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ แต่จะให้ทำยังไงล่ะ พอคลุกคลีกันเป็นปี ๆ ฉันก็เผลอเรียกมันว่าเพื่อน...
ลึกลงไปแล้วก็แอบแคร์อยู่บ้างแหละนะ
โอเค จริงอยู่ที่ฉันมีคาแร็กเตอร์ผู้หญิงแรดแรง ดูไม่ค่อยสนใจใครนักหลายครั้งหลายคราวจึงถูกมองว่าหยิ่งและรักใครไม่เป็น แต่ตัวฉัน ฉันย่อมรู้ดีที่สุด
“เออ ขอโทษได้ไหมล่ะ” ไอ้ดินลุกจากเตียง ก้มเก็บชุดชั้นในของฉันซึ่งกองอยู่บนพื้นขึ้นมา “หยุดโกรธได้ละ เดี๋ยวนายดลภาคีคนนี้จะพานางสาวฟาริดาไปดูฮิปโปตัวใหญ่”
“ใครอยากดูฮิปโป” ฉันไม่ใช่เด็กนะ ไม่อยากดูอะไรทั้งนั้น อยากเอาเลือดชั่วออกจากหัวมันมากกว่า
“แล้วอยากได้ไร ไหนบอกซิ หืม?”
ชะงักเมื่อหมอนั่นโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกันอยู่รอมร่อ “เพื่อนฟ่างบอกเพื่อนดินมาเลย”
“นายไม่ใช่เพื่อนฉัน ฉันไม่ใช่เพื่อนนาย!” ตะคอกพร้อมทั้งกระชากชุดชั้นในในมือหนามาอย่างรวดเร็ว ฉันหันหลังให้มันทันทีเพราะไม่อยากมองหน้าให้อารมณ์เสียกว่านี้
แต่รู้ไหม...ลมหายใจกรุ่นร้อนกลับเป่ารดใบหูจนขนอ่อนตามร่างกายลุกชูชัน ก่อนเสียงทุ้มกวนประสาทจะดังขึ้น ณ พื้นที่ตรงนั้น...
“ไม่ใช่เพื่อนแล้วเหรอ?" มัน... "ถ้าไม่ใช่เพื่อน งั้น...”
“...”
“จะจีบแล้วนะ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
อย่าถามว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ฉันก็แค่ตบ ตบ และตบจนหน้ามันช้ำเลือดนั่นแหละ ไม่สำนึกแล้วยังจะมากะล่อน เกรี้ยวกราด!
แกรก
ส่วนตอนนี้ฉันออกมาจากแอลกอฮอล์แล้ว ก็หลังจากประทุษร้ายไอ้ดินจนหนำใจนั่นล่ะถึงขับรถจากมา แต่ด้วยความคอแห้งฉันจึงแวะร้านสะดวกซื้อและนั่งดื่มน้ำอัดลมจนหมดกระป๋อง ความคุกกรุ่นยังสุมอยู่ในอกแม้จะตบตีไอ้ดินจนมือชาไปแล้ว เพราะแบบนั้นเองฉันจึงระบายความหงุดหงิดด้วยการบี้กระป๋องน้ำอัดลมจนมันสูญเสียรูปทรงไปต่อหน้าต่อตา
อารมณ์ก็เกือบจะดีขึ้นแล้ว ถ้าไม่ติดตรงที่ว่ามีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันเดินผ่านมาพอดี
หนึ่งในกลุ่มนั้นเผลอมองสบตาฉัน ก่อนสะกิดให้เพื่อนตัวเองหันมามองฉันซึ่งนั่งบีบกระป๋องน้ำอัดลมอยู่บนบิ๊กไบค์
“มึง ๆ นั่นพี่ฟ่างไง ที่เค้าลือว่าถูกพี่หนึ่งเขี่ยทิ้งอะ”
ไม่มีเจตนาแอบฟังบทสนทนาของคนอื่นหรอก ไม่มีอารมณ์ไปเผือกเรื่องชาวบ้านด้วยช่วงนี้ แต่หูดันไปได้ยินประโยคดังกล่าวเข้าเต็ม ๆ เนี่ยสิ
โดนหนึ่งเขี่ยทิ้ง? What the hell…
คิ้วฉันกระตุกแรง ว่าจะปล่อยผ่านแล้วจากไปเงียบ ๆ กระทั่งได้ยินการโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อนจากยัยรุ่นน้องช่างฝอยกลุ่มเดิม
“พี่หนึ่งเค้าหล่อเลือกได้อะเนอะ สวยอย่างเดียวแต่ลีลาไม่เด็ดก็แพ้ไป”
“แน่จริงอย่าเอาแต่ซุบซิบ มาพูดใกล้ ๆ ตีนพี่นี่! มา...” แน่นอนว่าความอดทนของฉันหมดลงทันที และใช่ เสียงเมื่อกี้เป็นของฉันเอง ยัยพวกนั้นสะดุ้ง หน้าซีดเผือดลงถนัดตา คงคาดไม่ถึงว่าฉันจะได้ยิน
พูดดังขนาดนั้น ถ้าไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วจ้า
ฉันเลิกกับหนึ่งจริง แต่คนที่เป็นฝ่ายยุติความสัมพันธ์มันคือฉันเอง แอบคั่วผู้หญิงคนอื่นทั้ง ๆ ที่มีฉัน ฝันไปสิว่าจะทนดักดานคบต่อไปให้น่าสมเพช
พวกผู้ชายนี่ก็ตลกดีเนอะ ชอบคิดว่าเพศหญิงเป็นของตาย จะทำผิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ กี่ครั้งก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วลงทุนง้อสักหน่อยก็คงหายโกรธ
ขากถุยค่ะ!
ดูสิ ขนาดเรื่องเพิ่งเกิดเมื่อวานนะ วันนี้มีคนเอาไปพูดแล้ว
...เร็วดี
มันคงไม่เป็นประเด็นร้อนแรงอะไรหากหนึ่งไม่ฮอตในหมู่สาว ๆ แถมยังเป็นญาติห่าง ๆ ของอธิการบดีคณะนิเทศศาสตร์ สาว ๆ น่ะรายล้อมรอบตัวเขาไม่เว้นแต่ละวัน ให้ไปนอนอ้าขารอเขาบนเตียงโดยไม่ต้องมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง...ฉันก็เห็นบางคนยินยอมพร้อมใจ
ตัดสินใจคบเขาทั้งที่รู้ว่าเป็นคนร้ายกาจเรื่องผู้หญิงมันก็แฟร์มาตั้งแต่แรกที่เปลี่ยนสถานะแล้ว เพราะเขาเป็นฝ่ายขอโอกาสโดยที่ฉันก็พูดเต็มปากเต็มคำว่าไม่ได้รักหรือจริงจังอะไร ซึ่งเขาโอเคทุกอย่าง
ฉันเหมือนผู้หญิงใจมารไร้ความรู้สึก แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อสถานะของเราสองคนเปลี่ยนไปฉันก็ไม่คิดนอกใจเขาเลยด้วยซ้ำ มีเพียงเขาที่บอกว่าจริงจัง...แต่ดันไปขึ้นเตียงกับคนอื่น
“ขะ ขอโทษค่ะพี่ฟ่าง พอดีพวกเราก็ฟังมาจากคนอื่นอีกทีหนึ่งเหมือนกันอ่า” หนึ่งในนั้นปากสั่น ตัวสั่นเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้จนหยุดอยู่ตรงหน้าในที่สุด
“คนอื่นที่ว่าคือ?” ฉันเลิกคิ้ว ฝ่ามือที่ซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงกลายเป็นกำปั้นไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นตอมาจากไหน...” หนึ่งในนั้นกลืนน้ำลาย “แต่มีคนบอกว่าพี่ฟ่างถูกพี่หนึ่งเขี่ยทิ้งเหมือนขยะ อ๊ะ!” เจ้าตัวเอ่ยไม่ทันจบดี เพื่อนในกลุ่มก็ยกมือตีแขนเป็นการห้ามปรามไม่ให้พูดมากไปกว่านี้
ถูกเขี่ยทิ้งเหมือนขยะเหรอ?
ช่วงนี้ทำไมมีแต่พวกเฮงซวยก้าวเข้ามาในชีวิตวะ Fuck!
ครืด...
ระหว่างกัดฟันข่มกลั้นความเดือดดาล โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงพลันสั่นเตือนขึ้นสามครั้งอย่างรู้เวลา พอล้วงขึ้นดูปรากฏว่าเป็นอีหยงที่ส่งไลน์มาหา ฉันไม่ได้เปิดเข้าไปดู เพียงอ่านจากการที่มันเด้งขึ้นหน้าจอเท่านั้น
Yong : อยู่กับไอ้ดินหรือเปล่า?
Yong : ฉันติดต่อมันไม่ได้อะ
Yong : พอดีวันก่อนมันลืมของสำคัญไว้ในห้องฉันน่ะ เมื่อวานก็ลืมเอาไปให้
เหอะ
ฉันแค่นหัวเราะในคอหนึ่งครั้ง ถ้าไม่อยากให้เข้าใจว่ามันและไอ้ดินเกินเลยกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว...ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ไหม?
อยากได้จนตัวสั่นเลยสินะ ไอ้ดินเนี่ย...