บทที่ 9
แสงแดดที่ส่องผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้ร่างหนาของติญญานนท์เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปกหน้าผากลวก ๆ อย่างไม่ใส่ใจมันนัก ก่อนจะเหลือบตามองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่ที่ผนังกลางห้อง
“จะเที่ยงแล้วเหรอนี่..” เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะพาร่างสูงใหญ่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิดนั้นเดินตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไป
สายน้ำที่ราดรดลงบนเนื้อตัวเปลือยเปล่าของเขาลงมาเป็นสายนั้น ได้ทำให้ความอ่อนเพลียทางร่างกายของเขาหายไปเป็นปลิดทิ้ง แต่ความอ่อนล้าภายในใจเล่ามันไม่ได้จางหายไปด้วย เพราะมันฝังรากลึกเป็นรากแก้วชอนไชไปจนทั่วหัวใจของเขา มันทำให้เขาเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงอดีตเจ้าสาวของตัวเอง
“คุณน่าจะเชื่อใจผม...”
คำพูดแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหนาได้รูปสีแดงเข้ม ดวงตาคมดุจดวงตาของพญาเหยี่ยวคู่นั้นเศร้าสร้อยยิ่งนัก ความรักที่เคยมีในอดีตถูกผู้หญิงแพศยาคนนั้นทำลายจนไม่มีชิ้นดี
“เธอต้องชดใช้ให้ฉันทั้งชีวิต”
ดวงตาที่เศร้าหมองเมื่อครู่นี้ แปรเปลี่ยนเป็นเพลิงพยาบาททันทีที่คิดถึงผู้หญิงสารเลวคนนั้น ดวงไฟเป็นร้อยดวงปรากฏขึ้นมา แม้แต่น้ำที่ราดรดลงมาบนตัวเขายังไม่สามารถจะดับเพลิงแค้นในใจเขาให้มันมอดลงได้
เขาจะต้องตามหาตัวแม่นั้นให้เจอ ต้องตามหาให้พบ เขาจะทำลายหล่อนให้ยับเยินไม่เหลือชิ้นดี หล่อนต้องทรมานกับความเจ็บปวดไปจนวันตาย
ที่ห้องรับแขกของคฤหาสน์ อิ่มรัก คุณหญิงศรีสุดาประมุขของบ้านกำลังนั่งคุยกับหลานสาวของตนเองที่พลัดพรากจากกันมานานร่วมยี่สิบปีอย่างมีความสุข ด้วยใบหน้าที่คล้ายคลึงกับบุตรชายคนรอง และสิ่งยืนยันความสัมพันธ์ก็คือแหวนประจำตระกูลของหล่อน ทำให้คุณหญิงศรีสุดาปักใจเชื่อสนิทว่าบทมากรคือหลานสาวของหล่อนจริง ๆ
“นายติญญ์ จะไปไหนล่ะ มานี่ก่อนย่ามีใครจะแนะนำให้รู้จัก”
คำพูดของคุณย่าที่ดังขึ้น ทำให้ติญญานนท์ที่กำลังจะเดินออกไปชะงัก ชายหนุ่มหยุดยืนนิ่ง เขาหันไปมองคุณย่าของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ กำลังจะปฏิเสธออกไป แต่คำพูดของเขาก็มีอันต้องกลืนหายไปในลำคอ เมื่อสายตาของเขาปะทะเข้ากับด้านหลังของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเขาจำได้ดีว่าคือใคร นังแพศยา
บทมากรนั่งตัวแข็งเป็นหินดั่งถูกสาป ติญ ติญไหนกัน ใช่ติญญานนท์คนที่หล่อนทำร้ายเขาไว้หรือเปล่า ใช่หรือเปล่า หญิงสาวตะโกนถามตัวเองลั่นอยู่ในอก ภาวนาขออย่าให้เป็นเขาเลย โลกคงไม่กลมอย่างนั้นใช่ไหม...
แต่ถึงบทมากรจะอ้อนวอนขอพระเจ้ายังไงมันก็ไม่ได้ผล เพราะผู้ชายที่ตอนนี้เดินมาหยุดตรงหน้าหล่อนนั้น คือเขาจริง ๆ
ติญญานนท์!!!
หญิงสาวปากคอสั่นเทา รู้สึกแน่นอกจนแทบจะเป็นลม รอยยิ้มสะใจที่ระบายอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้น ทำให้หล่อนแทบจะหายตัวไปให้พ้น ๆ จากที่นี่ ดวงตาที่สุมไปด้วยเปลวเพลิงจากนรกแจ่มชัดในความรู้สึก หล่อนคงตายแน่..!!!
“กอบัว นี่พี่ชายของหนูนะ เขาชื่อติญญานนท์ เรียกว่าติญญ์ เฉย ๆ ก็ได้” บทมากรนั่งนิ่ง ดวงตากลมโตคู่สวยนั้นมีแววตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“ไหว้พี่เขาซะซิ กอบัว”
หญิงสาวสะดุ้งเมื่อถูกเรียกให้ตื่นจากความน่าหวั่นเกรงตรงหน้า บทมากรรีบยกมือไหว้ บุรุษตรงหน้าอย่างขลาด ๆ หล่อนเห็นรอยยิ้มเหี้ยมโหดของเขาฉาบไปทั่วใบหน้าหล่อเข้มนั้น โอ้..มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“นายติญญ์ นี่คือหลานอีกคนของย่านะ ลูกสาวของพ่อกลางอาของแกที่หายไปตั้งแต่เด็ก ยายเล็กพึ่งจะหาเจอ ยังไงย่าฝากติญญ์ดูแลน้องด้วยนะ น้องน่าสงสารลำบากมามากแล้ว”
คุณหญิงศรีสุดาฝากฝังบทมากรไว้กับหลานชาย รอยยิ้มของติญญานนท์นั้นทำให้คุณหญิงคิดว่าหลานชายยินดีที่ได้น้องสาวเพิ่มมาอีกคน แต่ใครว่าล่ะ รอยยิ้มที่หล่อนเห็นนั้น มันคือรอยยิ้มของปีศาจร้ายที่เจอเหยื่อต่างหาก
“ครับ ผมจะดูแลหลานสาวคุณย่าอย่างดี”
น้ำเสียงที่พยายามปรับให้นุ่มนวลฟังดูแปร่ง ๆ เพราะชายหนุ่มต้องกักเก็บความแค้นเอาไว้คับอก
ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องไปตามหาให้เสียเวลา ความโลภของหล่อนเองที่ทำให้หล่อนต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ หลอกลวงเขายังไม่พอ นี่ยังคิดจะหลอกลวงคุณย่าของเขาอีก เขาไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่านังผู้หญิงแพศยาคนนี้คือน้องสาวของเขาจริง ๆ แต่ตอนนี้เขาจะช่วยหล่อนเล่นละครไปก่อน เพราะยิ่งหล่อนอยู่ใกล้เขาเท่าไหร่ ความแค้นของเขาก็จะยิ่งสะสางได้เร็วขึ้น และเมื่อเขาชำระแค้นกับหล่อนเรียบร้อยแล้ว เขาค่อยบอกความจริงกับคุณย่าของเขา.. ติญญานนท์ยิ้มออกมากับความคิดของตัวเอง
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณย่า หนูไม่อยากรบกวน อยากดูแลคุณย่ามากกว่า”
บทมากรพูดปากคอสั่น เพราะหล่อนพอจะเดาอนาคตตัวเองได้ดี ถ้าหล่อนต้องอยู่ใกล้ชิดกับติญญานนท์ หญิงสาวเผลอตัวยกมือขึ้นลูบลำคอตัวเองเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมา
“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมยินดี”
ติญญานนท์พูดค้านขึ้นมาเสียงดัง พลางเดินเข้ามาใกล้บทมากรที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนโซฟา มือหนาวางลงบนไหล่กลมกลึงทำเหมือนปลอบประโลม แต่แท้จริงแล้วมันเป็นการขู่กรรโชกมากกว่า เพราะน้ำหนักมือของเขาที่กดลงมาบนไหล่ของหล่อนนั้น มันรุนแรงดั่งพายุในหน้าฝน
“ไม่ค่ะ หนูจะอยู่กับคุณย่า หนูขอตัวนะคะ”
โดยไม่รอฟังคำอนุญาต บทมากรรีบวิ่งหนีขึ้นไปยังห้องของตัวเองทันที ท่ามกลางความแปลกใจของคุณหญิงศรีสุดายิ่งนัก แต่สำหรับติญญานนท์แล้วเขาไม่แปลกใจสักนิด เพราะว่าวัวสันหลังหวะ ก็เป็นอย่างนี้แหละ
“น้องยังเด็กคงจะตื่นอยู่ ติญญ์อย่าถือสาเลยนะ”
คำพูดของคุณย่า ทำให้ติญญานนท์หัวเราะฮึฮึในลำคออย่างสะใจ ก่อนหมุนตัวจะเดินขึ้นไปชั้นบนเช่นกัน
“ไหนจะไปข้างนอกไงล่ะ นายติญญ์ เปลี่ยนใจแล้วเหรอ” คุณหญิงพูดขึ้นเมื่อเห็นหลานชายเปลี่ยนใจไม่ออกไปข้างนอก
“ผมจะไปทำความรู้จักกับน้องสาวคนใหม่ซะหน่อยนะครับ ขอตัว”
คุณหญิงศรีสุดามองตามหลังหลานชายที่เดินหัวเราะร่วนจากไปอย่างไม่เข้าใจ มันมีอะไรหน้าขำกันนักกันหนาเหรอ ทำไมนายติญญ์ถึงได้หัวเราะอารมณ์ดีอย่างนั้น