ตอนที่ 8

1734 Words
บทที่ 8 ติญญานนท์เดินเข้ามาให้คฤหาสน์อิ่มรักด้วยสภาพเมามาย ร่างหนาเดินโซเซไม่ตรงทาง ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาตอนนี้แดงก่ำไปด้วยพิษสุรา เสื้อผ้าราคาแพงที่เขาสวมใส่ยับยู่ยี่จนเหมือนเสื้อผ้าราคาถูกที่ขายอยู่ตามประตูน้ำ ตอนนี้สภาพของเขาช่างผิดไปจากติญญานนท์คนเดิมเสียจริง ๆ คนที่เคยอ่อนโยน ยิ้มง่าย กลับกลายเป็นปีศาจร้ายไปแล้ว ไม่น่าเชื่อแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ คุณหญิงศรีสุดามองตามหลังหลานชายคนเดียวที่กำลังพยายามจะเดินขึ้นบันไดไปห้องของตัวเองจนสุดสายตา หล่อนทำผิดหรือเปล่านะที่คอยขัดขวางความรักของหลานชาย หรือว่าหล่อนทำผิดจริง ๆ หญิงชราถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบายใจ “คุณแม่คะ ดูซิว่าหนูพาใครมา” เสียงของบุตรสาวคนสุดท้องดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน ทำให้คุณหญิงศรีสุดาต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ แต่พอเห็นบุตรสาวยืนอยู่เพียงลำพัง หล่อนก็ตีหน้ายักษ์ หันหน้ากลับทำเป็นไม่สนใจเช่นเดิม สาวิตรีรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาทันที แต่ก็พยายามอดกลั้นไว้ ก่อนจะดึงมือบอบบางของใครอีกคนให้เดินตามหล่อนเข้ามาในบ้านนั้นด้วย “แกมีอะไรกับฉันหรือยายเล็ก” พูดขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มองหน้าสักนิด สาวิตรีพยายามกล้ำกลืนความน้อยใจลงไปในอกอย่างที่สุด ก่อนจะฝืนยิ้มออกมากลบเกลื่อนความเสียใจนั้น “หนูพาคนที่แม่อยากพบที่สุดมาค่ะ” สาวิตรีพูดจบก็ดันร่างของบทมากรที่ยืนแอบอยู่ข้างหลังหล่อน ให้ออกมายืนตรงหน้าคุณหญิงศรีสุดา เด็กสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม หญิงชราที่ได้ชื่อว่าประมุขของบ้าน จ้องมองหญิงสาวแปลกหน้าตรงหน้าอย่างแปลกใจ นี่เหรอหลานของหล่อน นี่คือลูกของตากลางจริง ๆ เหรอ คิ้วสีดำที่มีสีขาวแซมอยู่ปะปรายขมวดเข้าหากันอย่างกำลังใช้ความคิด จะให้หล่อนเชื่อง่าย ๆ ได้ยังไงว่าเด็กคนนี้คือหลานของหล่อนตัวจริง “ทำไมหนูถึงคิดว่าตัวเองคือหลานสาวของฉันล่ะ” น้ำเสียงแหบพร่าที่เปล่งคำถามออกมา ทำให้บทมากรยืนตัวสั่น ถ้อยคำที่สาวิตรีนายจ้างของหล่อนสั่งให้จดจำก็พลันหายไปจากสมองน้อย ๆ ของหล่อนชั่วคราว ตอนนี้หล่อนพูดไม่ออก ใจสั่นหวิวคล้ายจะเป็นลม ร้อนถึงสาวิตรีต้องรีบแก้ตัวแทน “คุณแม่ขา คุณแม่อย่าพูดเสียงดุดันอย่างนั้นซิ ดูซิเนี่ยหลานกอบัวตัวสั่นหมดแล้ว” สาวิตรีพูดพร้อมทั้งดึงหล่อนเขาไปกอด ลูบหลัง ลูบไหล่ ทำอย่างกับว่าหล่อนคือหลานสาวตัวจริงของบ้านนี้อย่างนั้นแหละ “หนูเจอกอบัวที่สลัมแห่งหนึ่งแถว ๆ นี้แหละค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้คิดว่าเป็นลูกของพี่กลาง แต่บังเอิญเล็กเห็นสร้อยคอของกอบัวมีแหวนประจำตระกูลของเราห้อยอยู่ และเล็กก็จำได้ว่านี่คือของที่พี่กลางใส่ให้ลูกของเขาวันแรกที่ลืมตาดูโลกใบนี้ ถ้าไม่เชื่อเล็ก คุณแม่ก็ลองดูซิคะ” สาวิตรีพูดพลางแกะสร้อยคอที่คอของกอบัวส่งให้มารดา คุณหญิงศรีสุดารับมาพินิจอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มออกมาอย่างปลื้มปิติ โดยหารู้ไหมว่าแหวนวงนี้เป็นของสาวิตรี ใช่แล้ว.. นี่ไงแหวนประจำตระกูล “วรารงษ์รักษ์” มีในโลกนี้มีแค่ 3 วงเท่านั้น เพราะหล่อนทำขึ้นมาให้ลูกของหล่อนทั้งสามคน ตาใหญ่ ตากลาง และยายเล็ก ลูก ๆ ที่หล่อนรักเท่าชีวิต แต่สุดท้ายทุกคนก็ทิ้งหล่อนไปหมด เหลือแค่ยายเล็กที่ซมซานกลับมาคนเดียว.. หลานย่า!! ในที่สุดย่าก็หาหลานจนเจอ รอยยิ้มแห่งความดีใจของมารดาทำให้สาวิตรีลอบยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเป็นของหล่อนอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสมบัติ หรือแม้แต่ความรักของมารดาที่เหือดแห้งไปนาน ตั้งแต่หล่อนคิดสั้นหนีตามผู้ชายเลว ๆ คนนั้นไป ในที่สุดมันก็กลับมา... บทมากรตัวสั่นเทาหนักเข้าไปอีกเมื่อร่างบางของหล่อนถูกหญิงชราท่าทางเจ้าระเบียบดึงเข้าไปกอด หญิงสาวตัวแข็งทื่อ ปล่อยให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณย่าจอมปลอมกอดอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนเขาพอใจ “กอบัว ต่อไปอยู่กับย่านะ” คำพูดที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและสำนึกผิดจากปากของประมุขของคฤหาสน์อิ่มรัก ทำให้บทมากรรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ หล่อนต้องการเงินถึงได้ทำอย่างนี้ เมื่อเดือนที่แล้วหล่อนก็ทำร้ายผู้ชายคนหนึ่งจนเขาเจ็บเจียนตาย แล้วนี่หล่อนยังจะทำร้ายผู้หญิงแก่ ๆ ตรงหน้านี่ได้เหรอ หล่อนทำไม่ได้!!! หญิงสาวผละลุกขึ้นจะบอกความจริงออกไป บอกว่าทุกอย่างที่คุณหญิงศรีสุดาได้รู้ ได้เห็นนั้น มันแค่สิ่งจอมปลอมที่สาวิตรีให้หล่อนทำทั้งนั้น แต่พอจะเอ่ยปาก ภาพของมารดาอาละวาดทุบตีหล่อนก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด “ฉันต้องการเงิน ฉันต้องการเงินได้ยินไหม ไป! นังกอบัวไปหาเงินมาให้ฉัน ไป๋!” ความโหดร้ายของมารดาทำให้บทมากรต้องกลืนคำสารภาพลงไปในคออย่างไม่มีทางเลือก “ค่ะ คุณ..คุณย่า” บทมากรรับคำออกไปเสียงเบาหวิว ความผิดนี้คงกัดกินใจของหล่อนไปอีกนาน แต่หล่อนไม่มีทางเลือก เงินคือพระเจ้า.. คำพูดนี้เป็นจริงทุกประการ หลังจากพบคุณหญิงศรีสุดาแล้ว สาวิตรีก็พาบทมากรขึ้นไปยังห้องพักที่สาวใช้เตรียมไว้ให้ บทมากรก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนที่เป็นของหล่อน ความกว้างขว้างโอ่อ่าทำให้หล่อนตื่นตะลึง ห้องนอนสีขาวบริสุทธิ์ ข้าวของเครื่องใช้มีอยู่พร้อมสรรพ หญิงสาวเดินตรงเข้าไปที่เตียงนอนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง สีชมพูหวานสดใสทำให้หล่อนอดใจไม่ไว้เผลอทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มนั้นแรง ๆ นี่มันห้องนอนในฝันของหล่อนนี่นา... สาวิตรีเห็นรอยยิ้มพึงพอใจที่แตะแต้มไปทั่วดวงหน้าสวยใสของบทมากรก็อดยิ้มออกมาอย่างโล่งใจไม่ได้ เพราะท่าทีกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกของเด็กสาวเมื่อครู่นี้ตอนอยู่ต่อหน้าคุณแม่ของหล่อน มันทำให้หล่อนหวั่นใจขึ้นมา แต่ตอนนี้คงไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ “เป็นไงชอบหรือเปล่า ถ้าเธอทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง ไม่ทรยศฉัน เธอจะสบายไปทั้งชาติ” สาวิตรีพูดพร้อมกับก้มลงหยิบเงินในกระเป๋าออกมาจำนวนหนึ่ง ก่อนจะส่งมันทั้งหมดให้กับบทมากร “ให้หนูทำไมคะ” บทมากรไม่กล้ารับ เพราะเงินในมือของนายจ้างหล่อนตรงหน้า มันช่างมากมายซะจนหล่อนหูอื้อตาลายไปหมดแล้ว ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้จับเงินเยอะขนาดนี้เลย “ค่าจ้างหนูไง รับไปเถอะ” สาวิตรียัดเงินใส่มือเด็กสาวตรงหน้า บทมากรรับไว้อย่างเกรงใจ “แต่...หนูว่ามันเยอะไปนะคะ” คำพูดของบทมากรทำให้สาวิตรีอมยิ้มออกมา “ไม่เยอะหรอกนะ ฉันจะให้หนูอย่างนี้ทุกเดือน หนูจะได้มีเงินไปให้แม่ไงล่ะ แล้วนี่บอกแม่แล้วใช๋ไหมว่าจะมาทำงานกับฉันนะ” บทมากรพยักหน้ารับ “ค่ะ หนูบอกแม่แล้ว เสาร์-อาทิตย์ หนูคงจะขอไปเยี่ยมแม่บ้าง แม่สุขภาพไม่ค่อยดี” ถึงแม่จะร้ายกับหล่อนแค่ไหน แต่หล่อนไม่เคยคิดจะทอดทิ้งมารดาสักครั้ง แถมยังเป็นห่วงแทบขาดใจอีก “หนูไม่ต้องห่วงหรอกนะ เดี๋ยวเรื่องแม่เธอ ฉันจะให้คนของฉันไปหาบ้านใหม่ให้อยู่ แล้วก็หาคนใช้ไปให้สักคน หนูจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังไง ทำตามที่ฉันบอก และจำไว้ให้ขึ้นใจว่า สิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่ คือการทำให้คุณย่ามีความสุข ไม่ใช่การหลอกลวง ฉะนั้นพวกเราไม่ผิด จำไว้” คำพูดของสาวิตรีทำให้บทมากรรู้สึกใจชื่นขึ้นมาได้บ้าง ทำเพื่อความสุขของคุณย่า ดังนั้นหล่อนต้องทำให้คุณหญิงศรีสุดามีความสุขที่สุด เพื่อแลกกับค่าจ้างจำนวนมหาศาลที่ได้รับ “หนูจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ หนูสัญญา” หญิงสาวยิ้มหวานให้กับนายจ้างตรงหน้า แต่ในใจจะรู้สึกผิดไม่น้อยก็ตาม เพราะถึงแม้หล่อนจะทำให้คุณย่ามีความสุข แต่หล่อนก็ได้ชื่อว่าหลอกลวงอยู่ดี “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ มีอะไรก็เรียกสาวใช้ได้เลย เพราะหนูอยู่ที่ในฐานะหลานสาวของคุณหญิงศรีสุดา ลูกของคุณศิรวัทรลูกชายคนที่สองตระกูล วรารงษ์รักษ์ จำไว้นะ” บทมากรพยักหน้ารับรู้ทราบ สาวิตรีกำลังจะเดินออกจากห้องไป แต่เหมือนหล่อนคิดอะไรได้ หล่อนจึงหันกลับมาพูดกับบทมากรอีกครั้ง “ฉันลืมบอกไป ที่บ้านหลังนี้ยังมีหลานชายของคุณแม่อีกคนหนึ่ง เขาเป็นลูกของพี่ใหญ่ ลูกชายคนโตของคุณแม่ เขาอยู่ห้องถัดจากหนูไปนี้แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้คงได้พบกัน หนูเตรียมรับมือไว้ให้ดีล่ะ เพราะนายคนนี้ยิ่งกว่าปีศาจร้ายจากขุมนรกซะอีก” สาวิตรีพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ปีศาจร้ายอย่างนั้นเหรอ? บทมากรทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้องอย่างหมดแรง วันนี้เรื่องราวมากมายถาโถมเข้ามาใส่หล่อน จนหล่อนแทบจะรับมือไม่ไหว แล้วต่อจากนี้ไปหล่อนจะทนอยู่กับฐานะจอมปลอมนี้ได้นานแค่ไหนกันนะ หญิงสาวถอนหายใจออกมาแรง ๆอย่างอ่อนล้า ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงไป เหมือนต้องการจะหลีกหนีเรื่องราววุ่นวายในโลกใบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD