บทที่ 10
บทมากรนั่งตัวสั่นงันงกอยู่บนเตียง ใบหน้าสวยที่ล้อมรอบไปด้วยผมเส้นเล็กเหยียดตรงดำขลับนั้นซีดเผือดจนไม่มีสีเลือด หล่อนจะทำยังไงดี จะทำยังไงดี ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้ ทำไมเขาต้องมาอยู่ใต้หลังคาเดียวกับหล่อนด้วย หญิงสาวกลัดกลุ้มจนปวดหัวไปหมด
หล่อนต้องไปจากที่นี่!!! ไม่ได้... อีกความคิดหนึ่งโต้แย้งกลับมา หญิงสาวพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง แต่...หล่อนก็คิดไม่ออกเสียที.. ทั้งที่พยายามคิดแล้ว
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยคนที่หล่อนพยายามจะหนีไปให้สุดหล้า เขาแทรกตัวเขามาพร้อมปิดประตูตามหลัง บทมากรตาค้างด้วยความตกใจ หน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเผือดลงไปอีก ร่างบางถอยหนีไปจนสุดขอบเตียง เมื่อร่างหนาใหญ่ราวกับยักษ์เดินตรงเข้ามาหาหล่อนช้า ๆ ใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้มสะใจลอยเข้ามาในความรู้สึก ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนหล่อนต้องร้องออกไป
“คุณออกไปนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คุณย่าช่วย” คำพูดสั่นเทาของหญิงสาวทำให้ติญญานนท์หัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“คุณย่าเหรอ.. เธอนี่ช่างไม่ละอายใจเลยนะ เธอว่าคุณย่าได้เต็มปาก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่า หมูเน่า ๆ อย่างเธอจะมารอขึ้นเขียงถึงที่ แสดงบทบาทของเธอให้เต็มที่ก็แล้วกัน แต่อย่าร้องล่ะเวลาที่เธอถูกฉันเชือด”
เสียงหัวเราะของปีศาจร้ายอย่างเขาดังก้องไปทั่วโสตประสาท บทมากรอยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน แต่น้ำตามันไหลตกไปข้างในจนหมดแล้ว
“คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉะ..ฉันจะไปจากที่นี่ ฉันจะไป”
บทมากรลนลานจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ช้าไปเมื่อติญญานนท์คว้าร่างบางของหล่อนเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงของเขา แต่มันไม่ได้มีความนุ่มนวลแม้แต่น้อย ความป่าเถื่อนยังคงคุกรุ่นอยู่ภายในสัมผัสของเขา
“จะไปไหนล่ะ เธอคิดเหรอว่าฉันจะปล่อยเธอให้ลอยนวลไปอย่างครั้งที่แล้ว” เขากระซิบข้างหูหอมกรุ่นของหล่อน หญิงสาวเอียงคอนี้เมื่อลมหายใจของเขาเป่าลดซอกคอระหงของหล่อน
“คิดเหรอไง?!”
เสียงคำรามดังฟ้าผ่าที่ดังขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวของเขาทำให้ หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อเขาผลักร่างบางของหล่อนให้ล้มลงบนเตียงนอน และร่างหนาใหญ่ของเขาก็ทาบทับลงมา
หญิงสาวดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดกำลัง แต่ผลที่ได้ก็คือเหนื่อยเปล่าเพราะเรี่ยวแรงของเขานั้นดั่งช้างสาร หล่อนไม่อาจปกป้องตัวเองได้เลย ความป่าเถื่อน รุนแรง หยาบคายแทรกซึมไปทั่วเรือนร่าง
มือหนาใหญ่ของเขาลูบไล้ บีบเคล้นไปทั่วร่างงามอย่างลงทัณฑ์ ยิ่งหล่อนดิ้นรน เขาก็ยิ่งรุนแรง เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมของเขาดังขึ้นเป็นระยะ
“ขอร้องเถอะ อย่าทำร้ายฉันเลย”
บทมากรพูดทั้งน้ำตา ความหวาดกลัวถาโถมเข้าใส่หล่อนอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาของหล่อนไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนได้เลย มีแต่เพิ่มความเหยียดหยามที่เขามีต่อหล่อนให้มากขึ้นไปอีก
“ดิ้นทำไม อยากได้ฉันเป็นผัวไม่ใช่เหรอ จะทำให้สมใจไง”
พูดจบริมฝีปากหนาสีแดงเข้มของเขาก็ฉกวูบลงมาที่เรียวปากอิ่มสีชมพูระเรื่อของบทมากรอย่างแม่นยำ เขาบดขยี้เนื้อนุ่ม ๆ นั้นอย่างเมามัน รสชาติความหอมหวานของเรียวปากสาวไม่ได้ทำให้เขาอ่อนโยนขึ้นเลย มีแต่รุนแรง และก็ป่าเถื่อนเพิ่มทวีคูณ
“อ้าปาก!”
ติญญานนท์ตวาดสั่งเสียงดังลั่น เมื่อบทมากรไม่ยอมเปิดปากให้เขาเข้าไปสำรวจความหอมหวานข้างในนั้น บทมากรหันหน้าหนี แต่เขาก็จับหน้าหล่อนให้หันกลับมาสู้สบสายตาเขาอยู่ดี
บทมากรไม่มีทางหนีไปไหนได้ เมื่อเขาก้มลงมาหาหล่อนอีกครั้ง ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนลมหายใจเป่ารดกัน บทมากรหน้าแดงความกลัวความอายตีกันยุ่งไปหมดในความรู้สึก และแล้วเขาก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เรียวปากของหล่อนถูกเขาระรานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเร่าร้อน ดูดดื่มจนหล่อนลืมตัวเปิดช่องให้เขาผ่านเข้ามาสำรวจหาน้ำผึ้งเดือนห้าในเรียวปากของหล่อน เขาซอนไซร้ไปทั่วปากอิ่ม ความหอมหวานตราตรึงทำให้ติญญานนท์ต้องครางออกมาเบา ๆ มือหนาของเขาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างงดงาม อกอวบอิ่มชูช่อรับสัมผัสมือของเขา บทมากรหลับพริ้มทั้งที่ในใจต่อต้านแต่ทำไมร่างกายของหล่อนถึงยินยอมพร้อมใจอย่างนี้
ติญญานนท์เองก็ลืมหมดทุกอย่าง ตอนนี้เขากำลังเพลิดเพลินอยู่กับความหอมหวานที่ได้รับจากผู้หญิงที่เขาเกลียดที่สุด... ทำไมถึงได้มีความสุขอย่างนี้นะ.. มีความสุขจนลืมความเจ็บปวดที่มีไปเลย..
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย... ร่างที่กอดรัดกันอยู่เมื่อครู่ผละออกจากกันราวกับแม่เหล็กขั้วเดียวกัน..
“นี่พวกเธอกำลังทำอะไรกัน..”
เสียงที่แสดงอาการตกใจสุดขีดของสาวิตรี ทำให้บทมากรถึงกับร้องไห้ออกมา แต่ผิดกับติญญานนท์ เขากับทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด เขาลุกขึ้นขยับเสื้อผ้าของตัวเองให้เขาที่ก่อนจะเดินผ่านสาวิตรีออกไป แต่ก่อนไปเขาก็ไม่วายกระซิบคำพูดบางอย่างที่สาวิตรีฟังแล้วก็แทบเข่าอ่อน
“หลานสาวปลอม ๆ ของคุณอานี่ รสชาติดีไม่เบาเลยนะ ฮึฮึ ถ้าไม่อยากให้ผมบอกคุณย่า คุณอาก็เงียบไว้ซะ แล้วทุกอย่างจะเป็นความลับ”
คำพูดของปีศาจร้ายของติญญานนท์ ทำให้สาวิตรีมองตามร่างสูงใหญ่ของหลานชายไปอย่างแค้นเคือง ก่อนจะหันกลับมามองบทมากรที่ตอนนี้กำลังนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง
“เขารังแกหนูใช่ไหม”
สาวิตรีถามเมื่อเดินเข้ามานั่งลงบนเตียงใกล้ ๆ ร่างบางของบทมากร หญิงสาวไม่ตอบได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย แค่นี้สาวิตรีก็เข้าใจแล้ว หล่อนดึงเด็กสาวเข้ามากอดอย่างปลอบประโลม
“เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นอย่างนี้หรอก แต่พอถูกเจ้าสาวทิ้งไปก็กลายเป็นคนร้าย ๆ แบบนี้ ต่อไปหนูต้องระวังตัวให้ดีนะ และที่สำคัญล็อคห้องทุกครั้งด้วย เพราะหนูคงไม่โชคดีอย่างนี้เสมอไป ฉันสงสารหนูนะ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง จะให้เลิกทำงานนี้ก็คงไม่ได้ เพราะคุณแม่คงเสียใจ เธอเข้าใจฉันนะ อย่าทิ้งท่านไปล่ะ”
บทมากรไม่ตอบ หล่อนซบหน้าลงกับอกของสาวิตรีนิ่ง ทำไมนะหล่อนถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย แล้วหล่อนจะทำยังไงถึงจะหนีไปจากปีศาจร้ายอย่างเขาได้สักที หล่อนกลัวจริง ๆ กลัวใจตัวเองจะแพ้ปีศาจร้ายอย่างเขา...