แต่ถึงอย่างไรตติยาภาก็ไม่ลืมที่จะล็อคห้องอย่างแน่นหนาไม่ยอมให้เขาเข้ามา เรื่องยอมเขาน่ะหรือ เธอไม่มีวันเป็นแน่...
อย่าให้ฉันหาทางออกได้นะนายสหภพจอมเจ้าเล่ห์ เธอบ่นในใจถึงผู้ชายจอมสร้างภาพให้คนเห็นว่าดีทุกกระเบียดนิ้ว... แต่เขากลับรังแกคนไม่มีทางสู้อย่างเธอได้ตลอดเวลา...
ตติยาภาโมโหเดินทั่วห้องเป็นเสือติดจั่นจนดึกก็ไม่ได้ยินเสียงรถกลับเข้ามาเสียที จนเธอทนไม่ไหวง่วงต้องนอนก่อนเพื่อเอาแรงไปทำงานในยามเช้า... ก่อนจะนอนเธอยังไม่วายไหว้พระให้น้องสาวรอดปลอดภัยพ้นเงื้อมมือผู้ชายจอมหื่นอย่างเขา อย่าให้เขามื้อไม้ยุ่มย่ามกับน้องสาวตัวเองเหมือนที่ทำกับเธอ... ไม่อย่างนั้นเธอคงเสียใจมาก...
ตติยาภาเข้านอนไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า เธอลืมเรื่องที่เธอเสียใจกับคนรักไปแล้ว... ความโกรธที่มีต่อสหภพมาแทนที่จนหมดจนแทบลืมไปเลยว่าตอนนี้เธอกำลังถูกคนรักทิ้งไปแต่งงานกับเพื่อน... ความโกรธของเธอบดบังความเสียใจโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวเอาเสียเลย...
ยามรุ่งเช้าก่อนออกไปทำงานตติยาภาก็ได้ความว่าทำไมน้องสาวกับสหภพที่ไปดูหนังด้วยกันทำไมถึงกลับดึกนัก... เพราะว่าทั้งสองไปเที่ยวผับต่อจนดึกดื่นกลับมาเกือบค่อนเช้า เรื่องนี้คนรับใช้ที่ทำหน้าที่เปิดประตูให้คนทั้งสองบอกเธอเอง หมอสาวโกรธแทบกระอักแค่คิดว่าหมอหนุ่มพาน้องสาวตัวเองเสียคนเที่ยวกลางคืนจนเกือบค่อนเช้าก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
ขนาดไปด้วยกันไม่บ่อยยังได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดสนิทกันกว่านี้ หมอนั่นได้ทำมิดีมิร้ายน้องสาวเธอแน่ เธอจะปล่อยไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว... คนนิสัยไม่ดีอย่างเขาไม่ควรได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอและน้องสาวเลย
“เตยมานี่หน่อยพี่เรื่องจะพูดด้วย” เจ้าตัวเรียกน้องสาวในชุดนักศึกษาที่กำลังจะเดินไปทานข้าวเอาไว้เพื่อคุยกันก่อน... ตติยาภรหาวหวอดๆ บ่งบอกได้ชัดว่าเมื่อคืนไม่ได้นอน ดวงตาที่เคยสดใส มีแววอิดโรยของคนอดนอนอย่างเห็นได้ชัด...
“เมื่อคืนไปไหนมาทำไมกลับดึกขนาดนั้น”
“ไปเที่ยวผับมาค่ะ... รู้แล้วว่าทำไมคนถึงชอบไปนัก ไปแดนซ์ยามดึกยามดื่น มันสนุกอย่างนี้นี่เอง” คนที่ไปผับครั้งแรกบอกเหมือนติดใจ คนเป็นพี่สาวยิ่งตาโต
“ตายแล้ว ทำไมพูดอย่างนั้น แล้วนี่ไปได้ยังไง เป็นเด็กเป็นเล็ก อายุก็เพิ่งพ้นสิบแปดได้ไม่ถึงเดือน ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะว่ายังไง”
“โธ่ พี่ตาลอย่าบ่นอย่างนั้นสิคะ คุณแม่ยังไม่ว่าอะไรเลย ไปพร้อมกับพี่หมอไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกค่ะ พี่หมอยังบอกเลยว่าไปกับพี่เค้าแหล่ะดี จะได้มีคนในครอบครัวที่ไว้ใจได้คอยดูแล ดีกว่าไปกับเพื่อนอีกค่ะ”
ตติยาภากัดฟันกรอด ก็คนที่น้องสาวเธอบอกว่าไว้ใจได้นี่แหล่ะ ไม่น่าไว้ใจที่สุด
“เตย พี่ขอห้ามเราอย่าไปยุ่งกับนายนั่นอีก อย่าไปไหนกับเขา... ถ้าเกิดเขาไม่หวังดีกับเรา เราจะลำบาก เขานิสัยไม่ดี อย่าไปยุ่งกับเขา”
“โธ่ พี่ตาล เอาอะไรมาพูดคะ พี่หมอนิสัยดีออก พี่เค้าดูแลเตยดีจะตาย แถมยังใจดีคอยกันไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมาเต้นใกล้ๆ เตยด้วย... เราสนิทกับพี่เขาก็ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ก็คนในครอบครัวเดียวกันนี่คะ.. อย่าอคติกับพี่เขาเลยค่ะ ถ้าได้รู้จักกันจริงๆ พี่ตาลจะรู้เองว่าพี่หมอนิสัยดีจะตาย... อย่าทำหน้างออย่างนั้นสิคะ... มีพี่ชายเพิ่มอีกคนแต่เตยก็ยังรักพี่สาวที่น่ารักอย่างพี่ตาร์กับพี่ตาลมากเหมือนเดิมค่ะ” น้องสาวเข้ามากอดอ้อนๆ คงคิดว่าที่เธอห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับสหภพนั้นเป็นเพราะกลัวว่าน้องสาวจะรักตนเองน้อยลง...
ตติยาภาลอบถอนใจ คงจะแก้ที่น้องสาวเธอไม่ได้หรอกปัญหานี้... เห็นทีต้องแก้ที่ตัวปัญหานั่นแหล่ะ
“ถึงจะไว้ใจอะไรยังไง เราก็ต้องระวังตัว เราเป็นผู้หญิงเขาเป็นผู้ชาย ยิ่งไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ ยังไงก็อย่าชะล่าใจจนไม่ดูแลตัวเองนะ พี่เป็นห่วง” เธอบอกน้องสาวก่อนจะเดินจูงมือกันไปที่โต๊ะอาหารที่มีทุกคนนั่งรออยู่อย่างพร้อมหน้า...
ตติยาภาแทบไม่อยากมองหน้าหมอหนุ่มที่นั่งทานข้าวอารมณ์ดีอยู่... ช่วงนี้เวลาทำงานของเขากับเธอตรงกันทำให้เธอต้องจำใจนั่งรถไปทำงานพร้อมกับเขาทั้งที่ไม่อยากไปอยู่หลายครั้ง จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะถ้าจะเรียกคนขับรถให้ไปส่งที่โรงพยาบาลทั้งที่เขาจะไปทางเดียวกันมันก็ดูน่าเกลียดจนเกินไป... เนื่องจากเธอเป็นแค่คนอาศัยบ้านเขาจึงต้องเกรงใจมาก่อนเป็นอันดับแรก
“น้องเตยติดรถพี่ไปด้วยก็ได้นะครับวันนี้ พี่ไม่รีบ” หมอหนุ่มบอก ตติยาภรพยักหน้าหงึกๆ ดีใจ “ได้เลยค่ะ แล้วว่าแต่วันนี้พี่หมอเลิกงานกี่โมงเหรอคะ”
“หกโมงเย็นครับ”
“ว้าว เตยก็เลิกชมรมเวลานั้นพอดีเลยค่ะ งั้นพี่หมอมารับเตยได้ไมคะ แล้วเราไปดูกล้องที่ร้านกล้องเจ้าประจำพี่หมอกัน”
“ได้เลยครับ”
ตลอดทางที่ขับรถไปทำงานในยามเช้า... ตติยาภรที่นั่งหน้าคู่กับสหภพคุยเจื้อยแจ้วกับเขาตลอดเวลา ทั้งสองคุยกันหัวเราะกันอย่างสนิทสนม มีแต่ตติยาภาเท่านั้นที่นั่งเชิดหน้าหนีไปทางอื่นพยายามไม่สนใจทั้งสองอยู่...
จนเมื่อตติยาภากระโดดลงจากรถยนต์คันหรูแล้วโบกมือล่ำลาก่อนจะเดินไปที่ตึกคณะนั้น รถทั้งรถจึงค่อยๆ เงียบลง... แต่สหภพก็ไม่รีบออกรถเพื่อขับไปที่ทำงานเสียทีจนตติยาภาที่นั่งเชิดอยู่ต้องหันมามองเขาอย่างเสียไม่ได้...
“ขึ้นมานั่งหน้าคู่กับผม ผมไม่ใช่ใช่คนขับรถถึงจะได้ไปนั่งชูคออยู่ข้างหลัง”
ดวงตาของเธอค้อนขวับใส่เขาก่อนจะเดินลงมานั่งตรงหน้าคู่กับเขาอย่างกระแทกกระทั้นไม่เป็นใจเท่าใดนัก เธอทำนิสัยเสียปิดประตูรถคันหรูของเขาแรงจนสะเทือน แต่สหภพเองก็ไม่เดือดร้อนอะไร เขาก็ยังผิวปากขับรถกินลมของเขาไป...
“ทำไมต้องพาน้องฉันไปเที่ยวผับ” เธอพูดขึ้นมา คนหน้างอง้ำหมดความอดทนที่เขาอารมณ์ดีเกินไป
“เด็กวัยนี้กำลังอยากรู้อยากลอง ไปกับผู้ปกครองดีกว่าไปกับเพื่อนอีกนะคุณ น้องเขาจะได้รู้ไงว่าอะไรเป็นอะไรจะได้ไม่โดนหลอก”
“ก็ที่ไปนั่นไม่ใช่เพราะโดนคนเจ้าเล่ห์ออย่างคุณหลอกเหรอ” เธอหันไปแหวเขา... “อย่าไปยุ่งกับเด็กได้ไหม เขายังมีอนาคตไกล อย่าไปทำลายเขา”
สหภพยักไหล่ ก่อนจะเปรยมาเบาๆ
“ก็ยุ่งกับผู้ใหญ่ผู้ใหญ่ไม่ยอมนี่... บอกแล้วว่าถ้าไม่อยากให้ผมยุ่งกับน้องคุณ คุณก็ต้องตามใจผม เมื่อวานยังเห็นล็อคห้องไม้เปิดรอผมไปนอนเป็นเพื่อนเลย... กุญแจสำรองห้องคุณก็หายไปด้วย แล้วอย่างนี้จะมาร้องครวญครางให้ผมเลิกสานสัมพันธ์กับน้องเตยน่ะ ไม่มีทางหรอกนะ เรากำลังไปกันได้ดีเสียด้วยสิ ไม่ต้องเสียเวลาไปหาผู้หญิงที่ไหนอื่นไกล มีน้องสาวที่แสนน่ารักอยู่ใกล้ตัวแล้วนี่นา” เขาบอกน้ำเสียงสบายๆ นิ่วแข็งแรงนั้นเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะสบายอารมณ์ แต่คนที่นั่งข้างๆ ฟังคำพูดของเขานี่สิแทบระเบิด...
“คุณมันเลวที่สุด เอาเรื่องแบบนี้มาบีบบังคับฉันได้ยังไง”
“ผมบังคับตรงไหน เปล่าเลย... ผมแค่ให้คุณเลือกว่าจะเอายังไงก็แค่นั้น”
“ฉันไม่อยากเลือกสักทางคุณเข้าใจไหม ถ้าเพิ่มตัวเลือกให้คุณไม่มายุ่งเกี่ยวกับพวกฉันฉันจะเลือกข้อนั้น”
“น่าเสียดายที่ตัวเลือกนั้นไม่มี... คุณมีตัวเลือกสองตัวเท่านั้นว่าระหว่างคุณกับน้องผมควรจะได้ใกล้ชิดใคร... ถ้าไม่เลือก ก็อย่ามาห้ามผมกับน้องคุณก็แล้วกัน... ว่าไงที่รัก ตกลงเอายังไง” เขาหันมาทำหน้าล้อเลียน... ใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งขรึมน่าเคารพยามอยู่หน้าคนไข้ ยิ้มทะเล้นจนแทบเป็นคนละคน แถมเขายังขู่เธอจนหมดหนทางเสียด้วย...
เขาฉลาดแกมโกงมากมายเหลือเกิน เธอไม่ยอมก็คงเอาเขาไม่อยู่ แล้วยิ่งน้องเธอเทิดทูนเขายิ่งกว่าอะไรอย่างนี้ปล่อยไว้อาจจะไม่ดีแน่... อย่างน้อยให้เขามาวุ่นวายกับเธอแล้วเธอพอรู้ทันเขายังจะดีกว่า...
“ถ้าฉันยอมคุณ แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณจะเลิกยุ่งกับน้องฉัน”
“หน้าตาผมเหมือนคนไม่มีสัจจะอย่างนั้นหรือไง ผมไม่ใช่พระยาเทครัวนะ จะได้งาบทั้งพี่ทั้งน้องน่ะ”
“หน้าอย่างคุณนี่แหล่ะเชื่อไม่ได้”
“เชื่อไม่ได้ก็ต้องเชื่อ บอกแล้วว่ามีทางเลือกให้เท่านี้ ถ้าคุณยอม ผมก็จะไม่ยุ่งกับน้องสาวคุณอีก”
“เริ่มตั้งแต่เย็นนี้ คุณจะต้องไม่ไปไหนกับน้องฉันอีก ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตของเขาไป...” เธอบอกข้อตกลง...
“งั้นก็เริ่มจากคืนนี้ ที่คุณจะมานอนกับผมที่ห้องผม...”
“อะไรกัน... นี่มันจะมากไปแล้วนะ ทำไมฉันต้องไปนอนที่ห้องคุณด้วย”
“ไม่ยอมใช่ไหม งั้นผมว่าคืนนี้ผมอาจจะต้องไปเที่ยวผับกับน้องเตยอีกแน่เลย... คุณรู้ไหมพวกเรากลับกันดึกแค่ไหน แล้วอยากรู้หรือเปล่าว่าเราไปที่ไหนกันมาบ้าง”
“ก็ได้ๆ เลิกพูดยั่วได้แล้ว คืนนี้ฉันจะไปนอนห้องคุณ...” เธอแหวเสียงเข้ม... ดวงหน้าสวยเครียดขรึมและอยากจะร้องไห้ในคราวเดียวกัน...
“จำไว้ให้ดีล่ะเรื่องข้อตกลงของเรา อย่าผิดคำพูดเชียวนะ” เธอบอกเขาเสียงเครียดเหมือนกล้ำกลืนมากมายกับสิ่งที่เธอทำ... คนตัวโตที่ทำหน้าที่เป็นสารถีได้แต่นั่งกลั้นยิ้มไปตลอดทางกว่าจะถึงโรงพยาบาลเขาก็เจ็บกระพุ้งแก้มเกือบตาย
“คืนนี้ เจอกัน... ที่ห้องผม” ก่อนที่เธอจะลงจากรถเขาก็ยังมิวาย ส่งท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้เธอเกือบกรี๊ดต่อหน้าเขา...
ให้ตายเถอะ... ทำไมแม่เธอต้องแต่งงานใหม่แล้วมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเขาด้วยนะ... ตติยาภาอยากจะบ้าจริงๆ...