ตอนที่สาม ทางเลือกที่ไม่อยากเดิน

1692 Words
ร่างบางของตติยาภาเดินทอดน่องไปกับสวนหย่อมของโรงพยาบาล... แมกไม้นานาพรรณที่ถูกดูแลตกแต่งเป็นอย่างดีบวกกับน้ำตกจำลองที่มีเสียงน้ำไหลตลอดเวลาสร้างความร่มรื่นให้สถานที่แห่งนี้ราวกับว่าเป็นสถานที่พักผ่อนชั้นดีทั้งที่สวนแห่งนี้เป็นเพียงแค่สถานที่พักผ่อนของโรงพยาบาลเอกชนกลางเมืองใหญ่เท่านั้น และด้วยชุดสีขาวสะอาดที่ตัดกันกับสวนสีเขียวๆ นั้นทำให้คนที่สวมชุดกาวน์สีขาวที่นั่งอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ที่อีกมุมหนึ่งของส่วนหย่อมนั้นสังเกตเห็นตติยาภาและลุกขึ้นเดินมาหาเธอโดยไม่ฟังคำทัดทานของเพื่อนรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยสักนิด “ตาล” เสียงคุ้นหูเรียกแผ่วเบาคล้ายผู้ที่เปล่งเสียงออกมานั้นจะไม่มีความมั่นใจ... ร่างบางชะงักกึก น้ำเสียงที่เธอเคยหลงรักมานานปี น้ำเสียงที่เมื่อก่อนอยู่เคียงข้างเธอเสมอ หากแต่ยามนี้เป็นน้ำเสียงที่เธอฟังแล้วปวดหัวใจ แม้เมื่อไม่ได้เห็นหน้าคนที่เอื้อนเอ่ยมันออกมา เธอก็ยังจำมันได้ดีว่ามันเป็นเสียงของใคร... หัวใจที่เจ็บแปลบช้ำเลือดเหมือนโดนกระแทกซ้ำเมื่อยามหันกลับมาเห็นดวงหน้าที่ฉายแววแห่งความรักความห่วงใยอยู่เต็มเปี่ยมของชายอันเคยเป็นที่รัก... แต่เธอก็แทบจะน้ำตารินไหลออกมาเมื่อเห็นแววตารู้สึกผิดเจืออยู่... และสำเหนียกได้ว่าต่อแต่นี้ไปเขาก็จะเป็นอดีตสำหรับเธอ “สวัสดีค่ะหมอ” รอยยิ้มชืดๆ กับสรรพนามที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้คนฟังแทบไม่กล้าพูดหรือเจรจาอะไรต่อ เพราะระหว่างเขาและเธอห่างไกลกันเหลือเกิน เขาก็รู้ตัวว่าความผิดเหล่านั้นมันไม่ควรที่จะได้รับการให้อภัยจากเธอแม้แต่น้อยนิด แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมยามที่เห็นเธอนั้นเขายังอยากเข้ามาใกล้ อยากดูแลอยากห่วงใยและปล่อยวางไม่ได้เสียที... คงเป็นเพราะว่าเขายังรักคนตรงหน้านี้หมดหัวใจอยู่นั่นเอง... “สบายดีไหม” คำถามที่โง่ที่สุดหลุดออกจากปากอัศวธร “ค่ะ คุณหมอคงจะถามแค่นี้ใช่ไหมคะขอบคุณมากนะคะที่ยังมีแก่ใจถามสารทุกข์สุกดิบของเพื่อนร่วมงาน...” คำว่าเพื่อนร่วมงานถูกเน้นราวกับจะย้ำเตือนเขาและเธอ “ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะ” เธอบอกแล้วเดินจากไปไม่เหลียวหลัง... เหมือนว่าคนที่เธอเพิ่งเดินผ่านไม่เคยมีความหมายใดๆ กับเธอแม้แต่น้อย คนที่ยืนนิ่งอยู่ได้แต่มองตามร่างบางไปอย่างแสนเสียดาย และห่วงใย... อัศวธรพอจะรู้ว่าท่าทีที่เข้มแข็งนั้นขัดกับหัวใจของเธอที่เจ็บช้ำ และกลั้นสะอื้นจนไหล่บางไหวสะท้าน.. ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเขาคนเดียวแท้ๆ แต่เขาก็ทำอะไรให้มันดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว... ทุกวินาทีที่เขาอยู่ตรงนี้ก็มีแต่ทำร้ายเธอเท่านั้น แม้ว่าภายนอกคนรักเก่าของเขาจะเข้มแข็งเท่าใดแต่เขารู้ว่าภายในนั้นเธอเป็นคนอ่อนแอและต้องการความรักมากมายแค่ไหน... เธอรักเขามากและมีเพียงเขาคนเดียว แต่เขาก็ยังทรยศเธอ... เขาไม่กล้าโยนความผิดทั้งหมดให้พราวดาว... ความพลั้งพลาดจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลยถ้าเขาไม่ไปส่งเธอที่คอนโดทั้งที่ตัวเองก็เมามายแทบเอาสติไม่อยู่จนทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดแบบนี้ อัศวธรยืนหน้าเครียดอยู่ดีๆ ก็มีมือหนามาตบบ่าเขาแรงๆ เพื่อเรียกกำลังใจของเขากลับมา... เพื่อนรุ่นพี่นั่งอยู่ข้างๆ เขาก่อนที่จะลุกมาหาตติยาภานั่นเอง... “ฉันบอกว่าช่วงนี้นายควรจะอยู่ห่างๆ เขาให้เขาทำใจยังไงล่ะ...” “ผมตั้งใจแล้วครับพี่สหภพ... แต่ไม่รู้ว่าทำไมยังอยากพูดกับเขาอยู่ตอนนี้ เหมือนว่าเรายังไม่เข้าใจกันเลย... ผมแค่อยากให้เขาทำอะไรสักอย่างก็ได้ให้ผมเจ็บ เผื่อที่ว่าเธอจะได้เห็นว่าผมรู้สึกผิดแค่ไหน...” “นายเดินไปข้างหน้าแล้วถอยหลังมาไม่ได้หรอกนะ... ตัดใจจากเธอแล้วดูแลลูกเมียนายให้ดีที่สุดเถอะ... แม้ว่าทุกอย่างจะเกิดและได้มาจากความไม่ตั้งใจแต่นายก็ต้องรับผิดชอบ และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด” มือหนาบีบบ่าของอัศวธร... “ผมจะพยายามครับ” คนทำความผิดเอ่ยเสียงแผ่วเบา... รับปากนั้นแสนง่าย แต่กว่าจะทำได้คงยากและใช้เวลาอีกนาน... อัศวธรมองตามหญิงสาวร่างเล็กไป.. ด้วยสายตาอาวรณ์แต่ในใจก็ขอให้เธอไปได้ดีกว่าคนอย่างเขา ส่วนสหภพที่ยืนอยู่ข้างๆ เขานั้นก็มองตามเธอไปเช่นกัน.. แต่ดวงตานั้นมองอย่างมีความหมาย... เธอต้องได้รับความเจ็บปวดแต่ก็ต้องเข้มแข็งและอยู่สู้หน้าผู้คนมากมาย และต้องยิ้มให้ออก เขารู้ว่ามันยากลำบาก และเธอคงจะเหนื่อยใจมาก... สหภพคิดว่าตัวเองทำถูกต้องแล้วที่เข้าไปในชีวิตเธอในช่วงนี้... ช่วงที่เธอกำลังเสียใจอย่างที่สุด... อาหารมื้อเย็นที่บ้านของบิดาเลี้ยงตติยาภาเกือบจะพร้อมหน้าพร้อมตากันยกเว้นก็แต่ตระการตาพี่สาวคนโตของเธอเท่านั้นที่ไปประเทศจาร์มายังไม่กลับ แม้ว่าจะมีคนมากมายไม่ว่าจะเป็นมารดาของตติยาภาและบิดาของสหภพ ตติยาภาเองและตติยาภรผู้เป็นน้อง แต่กลับไม่ได้ครื้นเครงเท่าใดนัก ต่างคนต่างทานข้าวกันไป มีแต่สหภพกับตติยาภรเท่านั้นที่คุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับการเรียนถ่ายภาพที่สหภพเรียนเป็นวิชาเสริมสมัยเป็นนักเรียนแพทย์ซึ่งตติยาภาที่เรียนวิทยาศาสตร์อยู่สนใจไปเรียนเช่นเดียวกัน... เดิมทีนั้นเมื่อมารดาแต่งงานใหม่ ตติยาภากับตระการตาเข้ากับครอบครัวใหม่ไม่ได้นัก แต่ก็เคารพการตัดสินใจของมารดาไม่ได้ห้ามท่านแต่งงานใหม่แต่อย่างใด เมื่อย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ก็เหมือนต่างคนต่างอยู่เพราะว่าโตแล้ว จะมีแต่ตติยาภรน้องเล็กแสนขี้อ้อนเท่านั้นที่เปิดรับครอบครัวใหม่อย่างเต็มใจและพูดคุยกับพี่ชายและพ่อเลี้ยงมากกว่าพี่สาวทั้งสอง... แต่วันนี้เธอรู้ดีว่าการสนิทสนมระหว่างหมอสหภพและน้องคนเล็กของเธอมันแปลกกว่าที่เคย...ดูก็รู้สหภพจงใจใกล้ชิดน้องสาวเธอเพื่อประชดเธอ เขาต้องการให้เธอยอมอ่อนข้อให้เขาทุกอย่างเพื่อที่จะไม่วุ่นวายกับน้องสาวของเธอ... ในสายตาของตติยาภรนั้นสหภพเป็นพี่ชายที่แสนดี เป็นหมอที่เก่ง หน้าตาดี ร่ำรวย นิสัยดีมาก จนดูเพอร์เฟคไปหมด มีพี่ชายดีๆ ที่น่าควงอวดเพื่อน แต่สำหรับตติยาภานั้นเธอได้เห็นฉากในมุมมืดของเขาที่ใครไม่ได้เห็น เธอจึงรู้ว่าภาพที่คนมองเขากับภาพที่เป็นจริงมันต่างกัน และไม่ค่อยอยากให้น้องได้ยุ่งเกี่ยวกับเขาเท่าไหร่ แต่เตือนหลายครั้งแล้วน้องคนสุดท้องก็ไม่ค่อยฟังเธอ ยิ่งสหภพเอาเรื่องน้องสาวมาต่อรองเช่นนี้ยามเมื่อเห็นความสนิทสนมของทั้งสองแล้วตติยาภาก็ยิ่งอึดอัดใจ... แต่เธอจะยอมเขามันก็ไม่ใช่เรื่องอีก... “เย็นนี้ผมกับน้องเตยจะไปดูหนังกัน... คุณพ่อคุณแม่กับตาลจะไปด้วยไหมครับ” เขาพูดขึ้นมาลอยๆ บนโต๊ะ ตติยาภาหันไปมองทั้งสองตาเบิกกว้าง... นี่ถึงขนาดไปดูหนังด้วยกัน สองคนนี้สนิทกันขนาดนี้เลยหรือไง... เมื่อเห็นสายตาท้าทายของตติยะเธอก็ยิ่งไม่อยากให้น้องสาวเข้าไปยุ่งกับเขาเลย... “ยัยตาล ไปกับพี่เขาไหมลูก” “ไม่ค่ะ ตาลอยากพักผ่อน” เธอบอกปัดๆ ก่อนจะขอตัวลุกเดินขึ้นห้องไป... เพื่อหาทางที่จะให้น้องสาวออกห่างจากคนวายร้ายนั้นให้ได้ โดยที่เธอไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัว... ให้มันรู้ไปสิว่าระหว่างพี่สาวกับพี่นอกไส้ ยัยน้องสาวจะเลือกใคร... ตติยาภานอนอยู่ก็ผุดลุกขึ้นมาควานหามือถือในกระเป๋าเพราะได้ยินเสียงเรียกเข้า เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ที่เธอไม่รู้จักมาก่อนเธอคิดว่าน่าจะเป็นพ่อของน้องน้ำหวานที่โทรมาปรึกษาเรื่องบางอย่างกับเธอหลังจากที่เธอลงเวรจึงรับโดยที่ไม่ได้เอะใจอะไร... แต่พอได้ยินเสียงตอบกลับมา เธอก็แทบอยากวางสายถ้าเขาไม่พูดดักคอไว้ก่อน... “หวังว่าได้ยินเสียงผมแล้วคงไม่ขี้ขลาดวางสายหนีนะ” ตติยาภาจึงตอบคนที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงห้วนที่สุดที่เคยพูดมาว่า... “มีอะไร” “ไม่ไปดูหนังด้วยกันเหรอ... ปล่อยผมไปสองคนผมจีบน้องสาวคุณจนได้กลายเป็นน้องเขยคุณอย่ามาว่ากันนะ” “นี่คุณ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับน้องฉัน” เธอเข่นเขี้ยวบอกไป “งั้นคืนนี้ก็ทำตัวน่ารักๆ รอผมที่ห้องนะ เดี๋ยวไปหา อย่าผิดสัญญากันล่ะ... ผมจะทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีของน้องสาวคุณต่อไป แต่ว่าถ้าคุณไม่ยอมร่วมมือกับผมดีๆ ผมก็ไม่รับปากนะว่าจะไม่ยุ่งกับเตย เพราะน้องเขาออกน่ารักขนาดนั้น” หยอดระเบิดเอาไว้แล้วสหภพก็วางสายไป ตติยาภาโทรติดต่อก็ไม่ได้ โทรหาน้องสาวเท่าไหร่น้องสาวก็ไม่รับ จนเธอต้องลุกขึ้นเดินเป็นเสือติดจั่นเพราะเป็นห่วงสวัสดิภาพของน้องสาวตนเอง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD