ตอนที่สี่ ระหว่างสองเรา 1

1332 Words
เมื่อเลิกงานกลับบ้านมาตติยาภาก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าตติยาภรกับสหภพไม่ได้ไปไหนกันตามนัดที่ได้นัดกันไว้เมื่อเช้าเพราะหมอหนุ่มบอกว่าเขาไม่มีเวลาแล้ว น้องสาวของเธอก็เชื่อเป็นอย่างดีและเข้าใจว่าเขาไม่ว่างหลังจากที่ทานข้าวมื้อเย็นแล้วต่างคนจึงต่างแยกกันไป... ช่วงนี้เธอไม่ค่อยได้เข้ามาดูแลคนไข้ในยามกลางคืนเท่าไหร่เพราะรุ่นน้องดูเคสเรียบร้อยไปแล้ว จนตอนนี้เธอก็ยังเสียดายว่าไม่น่าว่างขนาดนี้เพราะกลับมาบ้านก็ไม่มีอะไรทำ สู้ไปทำงานแล้วเธอยังจะมีข้ออ้างไว้บอกกับสหภพว่าเธอทำงานไม่ได้มาอยู่กับเขา... แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่ออาบน้ำเสร็จตติยาภาก็เลือกหาชุดนอนที่รัดกุมที่สุดที่มีมาสวม ใบหน้าที่ไม่ทาอะไรก่อนนอนก็ประแป้งเด็กกลิ่นหอมอ่อนๆ ลงไปเพื่อที่จะไม่ให้หน้ามันยามเช้า เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้... เธอพยายามมองโลกในแง่ดีว่าการที่จะไปหาเขาในครั้งนี้มันคงไม่ได้น่ากลัวนัก เขาคงแค่อยากมีคนนอนเป็นเพื่อน หรือไม่ก็บังคับเธอให้ไปนอนที่ห้องเขาเพื่อเอาชนะโดยที่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่แค่คิดได้แค่นั้นเธอก็สะบัดหนาวสะบัดร้อนทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรก็ไม่ได้เพราะไปนอนอยู่กับผู้ชายทั้งคืน... ไม่ผวาก็คงนอนไม่หลับอยู่ค่อนคืนแน่ๆ ก๊อก ก๊อก ก๊อก หลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้วตติยาภาก็เดินมาเคาะห้องหมอหนุ่มซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้องตนเองเท่าใดนัก เธอพอจะนึกหน้าตัวเองออกว่ามันกระอักกระอ่วน ดูไม่จืดแน่ๆ หมอสาวสงสารตัวเองจับใจที่ต้องทำอะไรที่บ้าระห่ำขนาดนี้ด้วย จะเต็มใจก็ไม่เต็มใจทำอีกต่างหาก... ในโลกนี้จะมีใครต้องลำบากใจเท่ากับเธอบ้างไหมนะ... หญิงสาวเคาะอยู่นานเขาก็ไม่มาเปิดให้จนคนที่ยืนรออยู่ขมวดคิ้วไม่พอใจ... เธอจะหันหลังให้อยู่แล้วประตูห้องนอนของเขาก็เปิดออกมา... หญิงสาวกำลังจะหันไปต่อว่าเขาแต่มองเขาได้ไม่ทันเต็มตา เธอก็แหงนหน้าขึ้นไปมองหน้าเขา... ดวงหน้าสวยแดงซ่านซับสีเลือดขึ้นมา เรียวปากอิ่มเผยอสั่นระริก หน้าตื่นๆ จนแทบทำอะไรไม่ถูก... ที่เขาหายไปนานไม่มาเปิดประตูห้องให้เธอเสียทีคงเพราะว่าเขาอาบน้ำอยู่นั่นเอง... เขาจึงได้โผล่มาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่เอวหมิ่นเหม่จะหลุด.. ตามร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นมือหยดน้ำพราว... ผมสั้นสีดำสนิทของเขาเปียกน้ำแต่ยังชี้ตรงราวกับเซ็ตเป็นทรงไว้... ใบหน้าหล่อของเขามีหยดน้ำเปียกอยู่ มันเป็นภาพที่เห็นแล้วชวนใจเต้นอย่างประหลาด อยู่บ้านด้วยกันมาเธอแทบไม่เคยสังเกตเขาเลย... แต่ตอนนี้เห็นใกล้ๆ คนตัวสูงหน้าตาดีทำตัวราวกับว่าเดินผ่านม่านน้ำมา... ถ้าไม่รู้จักมาก่อนว่านิสัยเขาเป็นยังไง เธอเห็นภาพเขาแล้วคงได้ลงไปนอนกรี๊ดดิ้นตายกับความหล่อเหลาและมีเสน่ห์ของเขาแน่... แต่นี่ไม่ นี่มันศัตรูหัวใจที่แสนจะกวนประสาทของเธอ ต่อให้เขาทำตัวหล่อกว่านี้อีกร้อยเท่าพันเท่า เธอก็จะไม่มีวันหลงชื่นชมอย่างเด็ดขาด... หญิงสาวที่กำลังจะหายใจติดขัดเพราะอึดอัดนั้นได้แต่เสไปมองกรอบประตู จะเข้าไปก็ไม่ได้เพราะเขายืนจังก้าขวางกั้นอยู่... เธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอะไรเหมือนกัน สหภพเห็นเงาไหววูบอยู่ตรงหางตา ริมฝีปากของเขาหยักขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเป็นใคร.. เขาหันกลับมาหาตติยาภาอีกแล้วถามเสียงห้วนๆ และดังฟังชัด... “มีอะไร” คนที่ทำหน้าเฉยอยู่อยู่นั้นงงขึ้นมาทันที... เขาเอาหัวไปโขกกำแพงมาแล้วความจำเสื่อมหรือไงถึงได้ถามราวกับว่าเธอมาขอเคาะประตูห้องเพื่อเข้าไปหาเขาอย่างนั้น เขาเองไม่ใช่เหรอที่บีบบังคับจนเธอไม่มีทางเลือกจนต้องบากหน้ามาหาเขาอย่างนี้ แล้วยังมาทำหน้าไขสืออีก... “จะเอายังไงกันแน่ ถ้างั้นฉันกลับห้องแล้วนะ” เธอกระซิบบอกคนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างเข่นเขี้ยว เขามันจงใจกวนประสาทเธอชัดๆ... “งั้นก็กลับไป ผมไปเที่ยวกับเตยตอนนี้ก็ยังทัน” เขาพูดลอยๆ จนคนที่จะเดินหนีชะงัก... เขาไม่ได้รั้งเธอ แต่คำพูดนั้นทำเอาเธอเดินไปไหนไม่ลง... “คุณนี่มันปิศาจชัดๆ” “ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ” เขายืนกอดอกมองเธอยิ้มๆ... หน้าของตติยาภาตอนนี้งอเป็นหมากรุกไปแล้ว... “แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง บอกให้มาก็มาแล้วนี่ไง ทำไมต้องเอาเรื่องยัยเตยมาขู่ฉันด้วย...” “ขอเข้าห้องผมก่อนสิ พูดดีๆ เผื่อว่าผมจะเปลี่ยนใจ” “คุณนี่มัน...” ตติยาภาแทบจะกรี๊ด... เธอตัวสั่นและกำมือแน่น อยากจะฟาดมือกับใบหน้ากวนๆ นี้นัก... เขากระตุ้นต่อมโมโหของเธอจนเธอจะเป็นลมตายเพราะโมโหอยู่แล้ว... “นับหนึ่งถึงสาม จะขอไม่ขอ ถ้าไม่ขอกลับห้องไป... หนึ่ง...” เขาพูดแล้วก็เว้นไว้... ตติยาภาเม้มปากแน่น “ สอง” “ขอฉันเข้าไปที่ห้องหน่อย” เธอโพล่งขึ้นมาเสียงดังจนเขาหลุดหัวเราะออกมา “เอาใหม่ พูดไม่เห็นหวานเลย... หน้าตาก็ดีแต่ทำไมพูดห้วนชะมัด” “ขอเข้าไปที่ห้องหน่อยค่ะคุณหมอสหภพ... นะคะ” เธอบอกเสียงหวานประชดเขา แต่ดวงตานั้นกลับมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ... หมอหนุ่มกลั้นหัวเราะชอบใจก่อนจะหลีกทางให้เธอ ทันทีที่ประตูห้องปิดลงตติยาภาก็เกือบกรี๊ดเพราะตัวเธอถูกคว้าไว้จากด้วยหลังให้ถอยไปชนกับแผ่นอกแข็งแรงราวกับกำแพงหินของเขา... เธอหันไปมองเขาหน้าตื่นๆ ก็ทันเห็นแต่ปลายจมูกเขาที่ก้มลงมาซุกไซร้ซอกคอนวลผ่อง.. หญิงสาวดิ้นรนด้วยอารามตกใจเพราะเมื่อครู่เขาทำเหมือนว่าไม่ได้คิดจะแตะต้องเธอ แต่ประตูปิดลงเขาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน... “ปล่อยก่อนสิ อื้อ ปล่อย คุณนี่มันบ้าจริงๆ... ทำไมเมื่อกี้ไม่บ้าอย่างนี้” ถ้าเธอรู้ว่าเขาหื่นอย่างนี้เธอจะไม่ก้าวพ้นประตูหน้ามาเลย... แล้วไหนจะมือที่ปัดป่ายตามร่างกายเธออีกนี่หล่ะ... “ก็เมื่อกี้แม่คุณดูอยู่ ผมเลยไม่อยากทำอะไรให้ท่านหัวใจวายเล่นๆ น่ะ” “แม่ฉันดูอยู่... หมายความว่ายังไงคะ” “ก็ตอนที่คุณขอเข้าห้องผมแม่คุณยืนดูอยู่ไงล่ะ” ตติยาภาทำตาโตเท่าไข่ห่าน... ร่างบางที่หยุดดิ้นไปพักหนึ่งเพราะมัวแต่พูดกับเขาเริ่มดิ้นหนีจากอ้อมกอดเขาอีกรอบ เพื่อที่จะออกจากห้องนี้ให้ได้ มารดาเธอเห็นอย่างนั้นหรือ... งั้นเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน... ดีไม่ดีท่านอาจจะคิดว่าเธอขอเข้าห้องหาเขาเพราะชอบเขาก็ได้... เขานี่มันเลวที่สุดที่หลอกให้เธอพูดเสียงดังให้คนที่แอบดูอยู่เข้าใจผิด... มิน่าเล่าเธอถึงว่าเขาดูแปลกๆ ไป...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD