ตอนที่ 3

1060 Words
ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเด็กในบ้านที่เขาเพียงแค่เอ็นดูไม่เคยคิดเป็นอื่นเลย และหากไม่มีสิ่งนั้นเกิดขึ้น เขากับฟองจันทร์ก็คงมีสถานะเพียงผู้มีพระคุณกับเด็กที่แม่เขาอุปการะเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนเท่านั้น ภายในความคิด คือ ค่ำคืนงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ให้กับคนงานในปางไม้และคนงานที่โรงงานแปรรูปไม้สักของเขาเอง แน่นอนว่าการดื่มกินเป็นไปอย่างไม่อั้นเพราะ ‘แม่เลี้ยงพราวพิลาศ’ แม่ของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องสปอต ให้ใจกับลูกจ้างและเหล่าคนงานทุกคน แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมานั้นท่านจะมีหลายโรคที่รุมเร้า แต่ท่านก็ช่วยงานเขาในส่วนของการดูแลเรื่องอาหารการกิน เรื่องที่อยู่อาศัย เรื่องเล่าเรียนของเหล่าลูกคนงาน และการจัดงานรื่นเริงแบบนี้ แม่ของเขามีความสุขที่ได้ทำ ซึ่งเขาเองก็เบาใจเพราะแม่มีฟองจันทร์คอยประกบอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ต้องห่วงว่าแม่จะเหนื่อยมาก เพราะฟองจันทร์ใช้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าแม่ปรารถนาสิ่งใด ฟองจันทร์ก็รู้ใจและทำได้ดีไม่มีที่ติ เขาเห็นฟองจันทร์มาตั้งแต่หล่อนยังเป็นเด็กหญิงวัยเตาะแตะ เพราะพ่อแม่ของฟองจันทร์เป็นคนงานในปางไม้ แต่พอฟองจันทร์อายุได้ราว 10 ปี ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีโจรบุกมาขโมยตัดไม้ มีเหตุปะทะกันทำให้พ่อแม่ของฟองจันทร์เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นด้วย ฟองจันทร์จึงกลายเป็นเด็กกำพร้า ญาติพี่น้องทั้งทางฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ก็มีความลำบากที่จะดูแล นั่นทำให้แม่ของเขาขออุปการะฟองจันทร์เอาไว้เอง ซึ่งท่านก็ทั้งรักและเอ็นดูฟองจันทร์มากเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเหตุที่เกิดขึ้น ท่านเองมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆ ในฐานะของนายจ้าง เขายังจำได้ดีในวันเผาศพพ่อกับแม่ของหล่อน เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มมีหยาดน้ำตาไหลนองสองแก้มอยู่ตลอดเวลา แต่กลับไม่ร้องไห้ฟูมฟายอะไรเลย เด็กหญิงเพียงแต่พยักหน้ารับในสิ่งที่แม่เขาสอนสั่ง แม่บอกว่าจะดูแลฟองจันทร์ให้ร่ำเรียนเป็นอย่างดี ส่งเสียให้เรียนสูงที่สุดเท่าที่ฟองจันทร์ต้องการ ไม่ต่างจากฟองจันทร์เป็นลูกเป็นหลาน และเด็กหญิงฟองจันทร์ในวันวานก็เป็นที่น่าเอ็นดูสำหรับแม่ของเขาและเหล่าคนงานในปางไม้เป็นอย่างยิ่ง เพราะฟองจันทร์หัวไว เรียบร้อย เรียนเก่ง แม่บอกว่าไม่ว่าจะสอนอะไรให้กับฟองจันทร์ เพียงแค่ครั้งเดียวเด็กหญิงก็ทำได้เป็นอย่างดี ผลการเรียนของฟองจันทร์ก็ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ นั่นทำให้เขาก็เอ็นดูฟองจันทร์ยิ่งนัก ถึงกับออกปากว่าไม่ว่าหล่อนจะอยากเรียนอะไร เขาก็จะส่งเสียงหล่อนให้ถึงที่สุด แต่สิ่งที่ฟองจันทร์เลือกเรียนกลับเป็น ‘ผู้ช่วยพยาบาล’ ‘ทำไมไม่เลือกเรียนมหาวิทยาลัย ฉันบอกแล้วไงว่าจะส่งเสียเธอให้ดีที่สุด ไม่ว่าเธออยากจะเรียนอะไร อยากจะทำงานอาชีพไหน หรืออยากไปเรียนต่อที่เมืองนอก ฉันก็จะสนับสนุนเธอทุกทาง’ ‘แต่หนูอยากรีบเรียนให้จบเร็วๆ ค่ะ’ ‘ทำไม?’ ‘เอ่อ...’ ‘บอกเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มาหน่อย ไม่ใช่ว่าผู้ช่วยพยาบาลไม่ดีนะ แต่ฉันคิดว่าผลการเรียนของเธอ เรียนหมอยังมีโอกาสเลย แล้วทำไมถึงเลือกผู้ช่วยพยาบาล’ ‘หนู... หนูอยากกลับมาดูแลคุณป้าเร็วๆ ค่ะ’ ‘แม่มีพยาบาลดูแลอยู่แล้ว เธอไม่ต้องห่วงหรอก เธอไปเรียนตามใจที่เธออยากเรียนเถอะ’ ‘แต่หนูอยากเรียนผู้ช่วยพยาบาลค่ะ หนู... หนูชอบดูแลคน’ ‘ก็ถ้าชอบดูแลคน งั้นก็เรียนพยาบาลไปเลยแล้วกัน จะเรียนแค่ผู้ช่วยฯ ทำไม เรียนพยาบาลต่อไปในอนาคตเธอจะได้มีงานทำที่มั่นคงด้วย’ ‘แต่… หนูอยากเรียนแค่ผู้ช่วยพยาบาลจริงๆ ค่ะ หนูอยากกลับมาดูแลคุณป้าเร็วๆ หนูห่วงคุณป้า ไม่อยากไปอยู่ไกลท่านนานๆ พ่อเลี้ยงให้หนูเรียนผู้ช่วยพยาบาลเถอะนะคะ’ คำยืนยันหนักแน่นของเด็กสาวทำให้เขาต้องยอมจำนน เพราะรู้ดีว่าฟองจันทร์เป็นเด็กหญิงยอดกตัญญูเหมือนที่แม่และคนงานในปางไม้บอกเล่า ตั้งแต่เริ่มเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ฟองจันทร์ก็แทบจะจัดการเรื่องอาหารการกินให้แม่เขาเองทุกอย่าง โดยหล่อนจะขอคำแนะนำจากนายแพทย์ผู้ดูแลแม่และจากคุณพยาบาลที่มาตรวจร่างกายให้แม่ที่ปางไม้เป็นประจำ รวมทั้งสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตว่าโรคความดัน เบาหวาน รวมทั้งโรคหัวใจที่แม่ของเขาเป็นอยู่ ว่ามีอาหารอะไรที่กินได้บ้าง อะไรกินไม่ได้บ้าง อะไรควรกินแต่น้อย อะไรควรระวัง และอะไรควรห้ามกินเด็ดขาด เพราะว่าแม่ของเขาแพ้ ทุกอย่างก็เหมือนจะดีทั้งหมด และดีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฟองจันทร์ไปเรียนผู้ช่วยพยาบาลเพียง 2 ปี หล่อนก็กลับมาที่ปางไม้ มาทำหน้าที่เป็นพยาบาลส่วนตัวคอยดูแลแม่เขาทุกอย่าง และทำตามคำแนะนำของคุณหมอและคุณพยาบาลอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องสักเรื่อง แม่ของเขาจึงยิ่งรักและเอ็นดูฟองจันทร์มากยิ่งขึ้น รวมทั้งฟองจันทร์ยังทำหน้าที่เป็นคุณพยาบาลจำเป็นคอยดูแลเรื่องหยูกยาของคนงานในปางไม้และที่โรงงานอีกด้วย เรียกได้ว่าหากมีคนเจ็บป่วยเพียงน้อยนิดหรือต้องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนส่งไปโรงพยาบาล ฟองจันทร์สามารถทำได้ทั้งหมด ส่วนตัวเขาเองนั้นก็เอ็นดูฟองจันทร์มากยิ่งขึ้น ในช่วงเวลา 10 ปีกว่าที่เลี้ยงดูอุ้มชูกันมา ถึงไม่เป็นญาติก็เสมือนเป็นญาติไปแล้ว เพราะเขาก็อยู่ในฐานะผู้ปกครองของหล่อน จึงคิดไว้ว่าจะจัดหาทรัพย์สินสักอย่างเป็นของขวัญในวันที่ฟองจันทร์อายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ เพราะนั่นถือว่าเป็นการเริ่มต้นความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ฟองจันทร์ควรจะมีทรัพย์สินติดตัวไม่เป็นคนตัวเปล่า เพราะอีกสิ่งที่เขาต้องดูแลฟองจันทร์ก็คือ เรื่องคู่ครอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD