Chapter 3

2453 Words
Cake says: “เราจะไปไหนกันต่อเหรอครับพี่ทราฟ” ผมถามพี่ทราฟหลังจากที่กินพิซซ่าเสร็จแล้ว และเรากำลังเดินไปที่ไหนสักที่ ผมปล่อยให้พี่ทราฟจับมือพาไปโน่นไปนี่ไม่กล้าถามมาก กลัวพี่เขาจะรำคาญ แค่นี้ผมก็เกรงใจพี่ทราฟเขาจะแย่อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าพี่ทราฟจะดูตามใจผมมาก แต่ผมก็ไม่กล้าทำตามใจตัวเองหรอกนะครับ มันยังไม่สนิทใจเหมือนกับแม่หรือคนใกล้ชิด “แล้วเค้กอยากไปไหนล่ะครับ หรืออยากได้อะไรไหม” พี่ทราฟถามกลับมา ทำเอาผมคิดหนักเลย ถ้าตอบไปว่าที่ไหนก็ได้ พี่ทราฟก็อาจจะดุเหมือนตอนเลือกร้านอาหารก็ได้ ตอนนั้นพี่ทราฟก็ไม่ได้ดุหรอกครับ แต่ถ้าผมพูดแบบเดียวกันอีกคราวนี้พี่ทราฟต้องไม่ชอบใจแน่ๆ “พี่ทราฟครับ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนเหรอครับ” ฟังจากเสียงรอบข้างที่ดังมากๆและยังมีเสียงประกาศนู่นนี่แล้ว ผมเลยคิดว่าผมต้องกำลังอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแน่ๆ แต่จะที่ไหนอะไรนี่ผมไม่รู้ แม้ผมจะมองไม่เห็นแต่ว่าประสาทหูผมดีมากเลยนะ ภูมิใจอ่ะ^_^ “ตอนนี้เราอยู่ที่พารากอนครับ เค้กเคยมาไหม” “เคยครับ แต่ไม่บ่อย” “แล้ว...เออ คือพี่....เฮ้อออออ พี่โครตเกร็งเลยอ่ะเค้ก” พี่ทราฟถอนหายใจเสียยาวยืดแล้วก็พูดอะไรไม่รู้ที่ผมฟังไม่ค่อยจะเข้าใจ “พี่ทราฟเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง พี่ทราฟไม่ตอบแต่กลับดึงมือผมไปนั่งลงตรงไหนสักที่ “ก็ พี่ไม่รู้ว่าพี่ควรจะถามเค้กดีไหมเกี่ยวกับ...เรื่องบางเรื่อง มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่คนแปลกหน้าอย่างพี่ไม่ควรจะถาม แต่ว่าพี่อยากรู้อ่ะมันเลยขัดๆกันในความรู้สึก เค้กเข้าใจที่พี่พูดไหมครับ” ผมไม่รู้ว่าในตอนนี้พี่ทราฟมีสีหน้ายังไง แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วพี่ทราฟดูจะเครียดไม่น้อย ผมจึงเอื้อมมือไปด้านข้างเพื่อคลำหาพี่ทราฟ ซึ่งพี่เขาก็จับมือผมทันที “จะเอาอะไรเหรอครับเค้ก” “เค้กไม่ได้จะเอาอะไรครับ เพียงแค่อยากรู้ว่าพี่ทราฟนั่งอยู่ตรงไหน” “พี่นั่งอยู่ข้างๆครับ ไม่ไปไหนไกลหรอก ไม่ต้องห่วงคนเก่ง” ร่างกายที่ขยับมาชนกับผมก็คงเป็นพี่ทราฟ ใจหนึ่งผมก็กลัวว่าพี่เขาจะทิ้งผมไว้ที่นี่คนเดียว ถ้าเป็นแบบนั้นผมต้องแย่แน่ๆ แต่มืออุ่นๆที่จับมือผมเอาไว้ก็ทำให้ผมมั่นใจว่าพี่ทราฟจะไม่ทิ้งผม ระหว่างเราเกิดความเงียบอยู่หลายนาที ผมหรือพี่ทราฟไม่มีใครพูดอะไรออกมา เพียงแค่ฟังเสียงรอบข้างที่เกิดขึ้น เสียงคนคุยกัน เสียงฝีเท้าที่เดินขวักไขว่กันไปมา เสียงคนพูดคุยและหัวเราะ อย่างน้อยๆ วันนี้ก็ดีกว่าวันอื่นๆที่ผมได้อยู่แต่ในห้อง...ห้องที่มีแต่ผม “เค้กครับ” พี่ทราฟเรียกผม “ครับ” ผมขานรับ “ไปเดินซื้อของกันไหม” “ซื้อของเหรอครับ ถ้าพี่ทราฟอยากซื้อของเค้กไปด้วยก็ได้ครับ” ผมตอบ เพราะยังไงวันนี้พี่ทราฟก็เป็นคนพาผมออกมาเที่ยวเล่นเปลี่ยนบรรยากาศแล้ว แค่ไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนพี่ทราฟก็ไม่ลำบากอะไรเลย มิหนำซ้ำผมเองก็เต็มใจอีกด้วย “ป่ะ งั้นเราไปกัน” ผมลุกขึ้นและเดินตามพี่ทราฟ มือของเรากระชับจับกันแน่น ผมระบายยิ้มอ่อนๆ ก้มหน้าลงไม่ให้ใครเห็น เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมเป็นคนบ้า “เราจะขึ้นบันไดเลื่อนกันนะเค้ก เดี๋ยวพี่อุ้มเค้กเอง ไม่ต้องกลัวนะครับ” จบคำพูดร่างผมก็ลอยขึ้นจากพื้นก่อนจะถูกวางลงโดยที่พี่ทราฟโอบผมไว้หลวมๆ “ตอนนี้เรายืนอยู่บนบันไดเลื่อนนะเค้ก ถึงแล้วพี่จะอุ้มเราอีกทีนะ” “ครับ” ผมรับคำ แอบรู้สึกหวิวๆที่ต้องมายืนบนบันไดเลื่อนทั้งๆที่มองไม่เห็น เมื่อถึงแล้วพี่ทราฟก็อุ้มผมอีกครั้งและวางลงที่พื้นก่อนจะจูงมือผมให้เดินตาม “สวัสดีค่ะ เชิญดูด้านในก่อนได้เลยค่ะ” เสียงหวานๆของผู้หญิงที่คงเป็นพนักงานเอ่ยทักเสียงสดใส เวลาเดินผ่านอะไรแล้วผมได้ยินเสียง ผมก็จะคิดภาพตามว่ามันเป็นอะไรยังไง บางทีพี่ทราฟก็จะบอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นบาง ผมชอบนะ ผมมีความสุขที่ได้รับรู้สิ่งที่เกิดรอบตัวเพราะมันทำให้ผมไม่เหงาอย่างที่ผ่านๆมา “เค้กครับ เค้กชอบสีอะไร” “อืมม...ก็หลายสีนะครับ สีฟ้า สีเหลือง สีเขียว สี...” “งั้นเอางี้ดีกว่า สีอะไรที่เค้กไม่ชอบ” “สีน้ำตาลครับ” สีน้ำตาลมันดูแห้งแล้งหดหู่ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ “รบกวน ช่วยวัดตัวให้หน่อยได้ไหมครับ” “ได้ค่ะ” เหมือนว่าพี่ทราฟจะคุยกับพนักงานในร้าน ผมก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก ความนิ่งที่อยู่ใกล้ตัวผมทำให้ผมเผลอขยับมือไปจับ ที่นีคงเป็นเสื้อผ้าในร้าน จับดูแล้วผมรู้สึกว่าผ้ามันนิ่มมือมากเลย ถ้าได้ใส่ก็คงจะสบายตัว ยืนอยู่เฉยๆไม่มีอะไรทำผมก็เลยเลยยืนจับผ้าเล่นไปพลางๆ (มันเล่นแบบนั้นได้ด้วยเหรอ???) “อ๊ะ! อะไรครับพี่ทราฟ” ผมร้องด้วยความตกใจที่อยู่ๆก็เหมือนมีใครมาทำอะไรกับสะโพกผม แต่แล้วก็มีมือมาจับไหล่ผมพร้อมกับคำปลอบโยนให้ผมนิ่ง “ไม่มีอะไรครับ พี่เขาแค่จะวัดเอวเค้กเฉยๆ อยู่นิ่งๆนะ” วัดเอว วัดไปทำไมล่ะ “ไซต์เอสค่ะ เลือกได้ตามสบายเลยนะคะ” “ขอบคุณครับ” “พี่ทราฟครับ” ผมหันตัวเขาหาพี่ทราฟที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังผม “ครับ ว่าไงเรา ตกใจมากเลยเหรอ” พี่ทราฟถามพร้อมกับปัดผมที่หน้าผากให้ผม ผมพยักหน้ารับตอบ คนกำลังยืนนึกอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆก็มีคนมาจับที่สะโพก เป็นใครก็ต้องตกใจกันทั้งนั้น “พี่ทราฟ เขาวัดตัวเค้กไปทำไมอ่ะครับ” ผมถามอย่างสงสัย ผมไม่ได้จะซื้อเสื้อผ้าสักหน่อย “ก็พี่อยากรู้ว่าเราเอวเท่าไหร่ ใส่กางเกงไซต์ไหนก็เท่านั้น” ถึงจะได้คำตอบแต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมพี่ทราฟต้องอยากรู้ด้วย มันแปลกเกินไปนิดหน่อย ถ้าถามเรื่องสีผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาถ้าพี่ทราฟจะอยากรู้ แต่เรื่องขนาดเอวนี่มันแปลกๆนะ เพราะยังไม่เคยมีใครถามผมมาก่อน “สงสัยอะไรครับ คิ้วขมวดติดกันขนาดนี้เดี๋ยวก็แก้ไม่ออกหรอก” พี่ทราฟพูดอย่างขำๆ “เปล่าครับ” ผมเลือกที่จะไม่ถามอะไร ช่างมันเถอะ พี่ทราฟก็แปลกคนอยู่แล้ว ชอบทำตัวไม่เหมือนคนอื่นสักเท่าไหร่ในความคิดผม ดูอย่างวันนี้สิ คนไม่เคยรู้จักกันอยู่ดีๆพี่เขาก็พาผมออกมาเที่ยว แถมยังเลี้ยงข้าวและพามาเดินเล่นอีก คนที่ผมรู้จักเขายังไม่ทำต่อผมแบบนี้เลย แล้วนับประสาอะไรกับการที่พี่ทราฟจะอยากรู้ขนาดเอวผม ในเมื่อพี่ทราฟใจดีกับผม ถ้าพี่เขาอยากรู้อะไร ถ้าผมตอบได้ผมก็จะตอบ ถือเป็นการตอบแทนที่พี่ทราฟเสียเวลาพาผมออกมาเที่ยวข้างนอก “ทั้งหมดสามพันสองร้อยสี่สิบเจ็บบาทค่ะ” “นี่ครับ” สักพักพี่ทราฟก็จูงมือผมเดินออกจากร้าน “พี่ทราฟซื้ออะไรเยอะแยะเลยครับ อ๊ะ...คือเค้กขอโทษครับ” ผมไม่น่าถามเลย มันเป็นเรื่องส่วนตัวแท้ๆ เราไม่สนิทกันถึงขนาดที่จะต้องรู้ว่าพี่เขาซื้ออะไรหรือทำอะไร ผมคงก่าวก่ายเรื่องของพี่ทราฟมากเกินไป “ขอโทษอะไรครับ เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ” “ผมขอโทษที่ยุ่งมากเกินไป ผมไม่ควรถามพี่เลย” “หืมมม..เรื่องของที่ซื้อน่ะเหรอ” “ครับ” ผมก้มหน้าตอบไม่รู้จะทำตัวยังไง พี่ทราฟจะไม่พอใจหรือเปล่า แค่คิดน้ำตาผมก็จะไหลแล้วที่เผลอทำตัวเป็นเด็กไม่ดีออกไป “ไม่เอาน่า อย่าคิดมากสิครับ ทำไมถึงได้เป็นคนคิดมากอย่างนี้เนี่ยห๊ะเรา ของที่พี่ซื้อพี่ก็ซื้อให้เรานี่แหละ ทำไมจะถามไม่ได้กัน” “อะ อะไรนะครับ!” ผมเบิกตาโตทั้งที่มองไม่เห็นแต่มันเป็นปฏิกริยาของร่างกายที่ทำไปโดยอัตโนมัติ แต่เรื่องนี้สำคัญเหรอ คำตอบคือ...ไม่! พี่ทราฟซื้อของให้ผมทำไมกัน ทำไมต้องซื้อให้ เราเจอกันแค่สองวันแต่พี่ทราฟก็ซื้อของให้ผมเป็นพัน มันใช่สิ่งที่คนเพิ่งจะรู้จักทำให้กันงั้นเหรอ? ภาพความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นวิ่งเข้ามาในหัวทำให้ผมเจ็บปวดอยู่ในอก ที่พี่ทราฟทำแบบนี้เพราะหวังอะไรกันแน่ พี่ทราฟกำลังหวังอะไรจากผมอยู่ ผมไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว ผมอยากกลับบ้าน “เค้ก! เป็นอะไรร้องไห้ทำไมครับ ไหนบอกพี่สิ” ผมพยายามขยับตัวหนีมือหนาที่จับอยู่ที่หัวไหล่ แต่ผมก็ดิ้นหนีไม่พ้นเพราะพี่ทราฟยิ่งบีบแรงขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บ “ปล่อย เค้กเจ็บ ฮึก” พี่ทราฟไม่ได้ปล่อยมือออกจากไหล่อย่างที่ผมต้องการ เพียงแค่ผ่อนแรงให้ผมไม่รู้สึกเจ็บก็เท่านั้น “พี่โทษนะครับ คนดีเป็นอะไรครับ บอกพี่สิครับ” น้ำเสียงของพี่ทราฟฟังแล้วเหมือนเป็นห่วงผม พี่ทราฟเป็นห่วงผมจริงๆหรือว่าทำไปอย่างนั้น “ผมอยากกลับห้องแล้ว” “เฮ้อ...โอเคครับ กลับก็กลับ” แล้วพี่ทราฟก็พาผมเดินไปขึ้นรถแล้วก็ขับรถพาผมกลับห้อง ระหว่างทางผมเอานั่งร้องไห้เงียบ น้ำตาที่ไหลบางทีพี่ทราฟก็ช่วยเช็ดออกให้ ผมสับสนไปหมด ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี ไม่รู้ว่าควรไว้ใจพี่ทราฟดีไหม ความใจดี...พี่ทราฟทำไปเพราะหวังบางอย่างหรือเพราะสงสารผมกันแน่ สงสารที่ผมเป็นแบบนี้ มองไม่เห็น ไปไหนไม่ได้ หรือเพราะอะไร แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรผมคิดว่าผมควรหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ ผมไม่อยากเจ็บถ้าวันหน้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ถ้าวันหนึ่งวันใดผมจะต้องสูญเสียอีก...ผมคงทนไม่ได้ “เค้ก” เสียงพี่ทราฟเรียกผมไว้ตอนที่ผมกำลังจะเดินเข้าห้อง ผมอยากจะเงียบไม่พูดไม่ตอบอะไร แต่ว่าถ้าไม่พูดไปเรื่องก็คงไม่จบแน่ “พี่ทราฟครับ เค้กขอบคุณนะครับสำหรับทุกๆอย่างที่พี่ทำให้เค้ก แต่ต่อไปนี้เราอย่าเจอกันจะดีกว่านะครับ พี่ก็ไม่ต้องมาหาเค้กแล้ว” ผมพูดออกไปอย่างยากลำบาก เหมือนคำพูดมันสวนทางกับความรู้สึกลึกๆข้างในจิตใจ “ทำไมล่ะเค้ก พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอ ถ้าเป็นเรื่องเสื้อผ้า พี่บอกเลยนะว่าพี่อยากซื้อให้ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น พี่ซื้อให้เพราะพี่อยากซื้อให้ ไม่ได้ทำเพื่อหวังอะไรทั้งนั้น เค้กเข้าใจพี่ไหมครับ” น้ำเสียงของพี่ทราฟร้อนรนจนผมรู้สึกผิด แต่... “พี่ทราฟสงสารเค้กเหรอ สงสารเค้กใช่ไหมที่เค้กตาบอดแบบนี้ หรือว่าพี่ทราฟอยากได้อะไรจากเค้กหรือเปล่า แต่เค้กไม่มีอะไรให้พี่หรอกนะ เหลือแค่ชีวิต..พี่อยากได้เหรอ” “เค้ก...ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ พี่ยอมรับนะว่าพี่สงสารเค้ก แค่พี่กลับมองว่าเค้กเป็นน้องชายของพี่ พี่ไม่ได้อยากได้อะไรไปมากกว่านี้” มือผมถูกจับไปกุมเอาไว้แน่น ความอบอุ่นจากมือใหญ่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่มันยังไม่พอที่จะทำให้ผมมั่นใจกับสิ่งที่พี่ทราฟบอกร้อยเปอร์เซ็น “เค้กครับ เมื่อเช้าพี่บอกเค้กไว้ว่ายังไงจำได้ไหม” “...” “พี่บอกว่าพี่จะไม่ขอให้เค้กเชื่อหรอกนะว่าพี่เป็นคนดีหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่าให้เค้กลองพิสูจน์ด้วยตัวเองดู ขอแค่เค้กเปิดใจเท่านั้น ได้ไหมครับ พี่ไม่ได้คิดร้ายกับเค้กแม้แต่นิดเดียว เราเป็นพี่น้องกันได้ไหมครับ” ผมอยากตอบว่า ‘ได้’ แต่อีกใจผมก็ยังกลัว ไม่รู้ว่ากลัวอะไร แต่มันหวิวๆในอกแบบแปลกๆ ผมไม่ชอบความรู้สึกตอนนี้เลยและสุดท้ายผมก็ร้องไห้ออกมา “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคนเก่ง ไม่ว่าเค้กเคยเจออะไรมาก เชื่อพี่นะไว้ใจพี่ พี่จะเป็นพี่ชายที่ดีโอเคไหม ไม่ต้องคิดอะไรมาก พี่ไม่ได้อยากได้อะไรจากเค้กทั้งนั้น แต่พี่อยากได้น้องชายที่น่ารักอย่างเค้ก เค้กที่เป็นเด็กดีแบบนี้ ได้ไหมครับคนเก่ง หยุดร้องเถอะนะ” พี่ทราฟดึงผมเข้าไปกอดและลูบหลังผมไปมา ผมก็ได้แต่ร้องไห้อยู่กับอกพี่ทราฟ ผมจะมีพี่ชายที่รักผมและดูแลผมจริงๆใช่ไหม ผมจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับคนๆนี้หรือเปล่า ผมเชื่อใจพี่ทราฟได้จริงๆใช่ไหม “พี่ ฮึก ทราฟ อึก พี่จะ...ไม่ทำร้าย...ผมใช่...ไหม ฮึก” ผมพูดไปสะอื้นไปจนแทบไม่เป็นประโยค ไม่รู้ว่าพี่ทราฟฟังเข้าใจหรือเปล่า “แน่นอนครับ สัญญาจากลูกผู้ชายได้เลยว่านายทราฟจะไม่ทำร้ายเด็กชายเค้กแน่นอน!” ปึก! “เค้กไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ผมทุบอกพี่ทราฟแล้วก็พูดเสียงอู้อี้ จนพี่ทราฟหัวเราะเสียงดังลั่นไปทั้งชั้น ผมจะเชื่อ...ผมจะลองเชื่อดูนะครับ...พี่ทราฟ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD