Chapter 1
Traf says:
“เออๆ กูรู้แล้ว รีบอยู่เนี่ยแม่ง ขากูจะขวิดกันอยู่แล้ว” ผมรีบเดินด้วยความเร่งรีบเพราะว่าฝนใกล้จะตกในไม่ช้า ยังไงก็ต้องไปถึงที่หมายก่อนที่ฝนจะเทลงมา
[เร็วๆด้วยไอ้ทราฟ ก่อนที่ปลากูจะขาดออกซิเจนตาย!]
“เออ!” ผมกระแทกเสียงใส่ไอ้เจเพื่อนตัวดีของผม ที่ไล่ผมออกมาซื้อออกซิเจนให้ปลามัน ส่วนมันนะเหรอ นอนเฝ้าปลา! แม่งบ้า แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาแล้ว เพราะนอกจากไอ้เจมันจะเร่งผมยิกๆ ฝนก็ทำท่าจะตกอยู่รอมร่อ
แต่ถ้าผมสามารถล่วงรู้อนาคตได้ ผมคงจะต้องขอบคุณไอ้เจ ขอบคุณปลาทองของมันที่กำลังจะตาย และคงต้องขอบคุณฝนที่กำลังทำท่าจะเทลงมา เพราะทั้งหมดนี่ทำให้ผมค้นพบคำว่า...รักแท้
พอถึงร้านขายของเกี่ยวกับสัตว์ ผมก็รีบผลักประตูเข้าไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเข้าไปในร้าน เด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักก็เดินถือโถปลาทองเดินมาทางประตู อีกแค่สองก้าวก็จะถึงตัวผมแล้ว มันดูเหมือนไม่มีปัญหาใช่ไหม แต่ที่จริงมันมี เพราะว่าเขายังเดินไม่มีทีท่าที่จะหยุดแม้ว่าผมจะยังยืนขวางทางอยู่ก็ตาม
และอยู่ๆเขาก็เอื้อมมือออกมาแตะที่ตัวผม
ผมว่าท่าทางของเขามัน...แปลกๆ
“อุ๊ย! เอ่อ...ขอโทษครับ” คนตรงหน้าผมเอ่ยขอโทษอย่างตกใจ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ตาที่กลมโตอยู่แล้วก็ยิ่งโตเข้าไปใหญ่ แต่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่ทั้งหวานและน่ารักเกินเด็กผู้ชายดูดีน้อยลงเลย แต่กลับดูน่าเอ็นดูยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ โดยเฉพาะตากลมโตที่ใสราวกลับตาเด็กเล็กๆ ทำเอาผมเคลิ้มไปชั่วขณะ
“อ่อไม่เป็นไรครับ” ผมบอกเมื่อได้สติแล้วก็เบี่ยงทางให้น้องเขาเดิน แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมรีบอยู่ ช้ากว่านี้ปลาไอ้เจคงไม่รอดจริงๆ คิดได้ดังนั้นผมก็รีบพุ่งเข้าร้านไปหยิบอ็อกซิเจนก่อนจะเดินไปจ่ายตังค์อย่างว่องไว
“ทั้งหมดร้อยยี่สิบบาท” ผมหยิบเงินออกจากกระเป๋าให้คนขายและยืนรอเงินทอน
“เอ๊ะ ข้างนอกฝนตกแล้วเหรอ ตายแล้ว! หวาน ยัยหวาน! ไปไหนเนี่ย โอ๊ยยยย เอาไงดีเนี่ย” คนขายทำท่าทางลุกลี้ลุกลนมองออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล พร้อมกับตะโกนเรียกใครสักคนในร้านเสียงดัง
“มีอะไรเหรอครับ” ผมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ไม่ได้อยากเสือกหรอกนะครับ แต่ดูเหมือนคนขายแกจะมีปัญหา ผมคนดีก็ควรต้องช่วยเหลือ จริงไหมครับ
“ก็น้องเค้กอ่ะ เด็กคนเมื่อกี้ที่เดินออกไปเขาตาบอด และตอนนี้ฝนมันก็ตก น้องเขาไม่มีร่มด้วย ทำไงล่ะที่นี้ ไม่มีคนเฝ้าร้าน ฉันจะออกไปส่งก็ไม่ได้ด้วย หากเกิดอุบัติเหตุไปก็แย่เลย” ผมเบิกตาโตเมื่อได้ยิน
ตาบอด!
แล้วออกมาข้างนอกคนเดียวเนี่ยนะ!
“งั้น เดี๋ยวผมเดินไปส่งเขาเองครับ!” ผมรีบอาสาช่วยเหลือทันทีแบบไม่ต้องคิด รอไปก่อนจะไอ้เจ ชีวิตปลามึงไม่เท่าชีวิตน้องเค้กที่น่ารักหรอก กูบอกเลย!
“ดีจริงๆเลย อ่ะนี่ค่ะร่ม รบกวนทีนะคะ”
ผมรับร่มมาแล้วรีบวิ่งออกไป มองซ้ายมองขวาก็เจอเค้กที่ยืนนิ่งหันซ้ายหันขวาไม่ยอมก้าวเดินไปไหน เนื้อตัวเริ่มเปียกเพราะเม็ดฝนที่โหมตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมรีบเดินเข้าไปหาพร้อมกับกางร่มกันฝนให้คนตัวเล็ก
“ยืนนิ่งทำไมล่ะ เปียกฝนหมดเลยเห็นไหม” ผมถามเสียงอ่อนโยนเพราะกลัวน้องเขาจะตกใจ
“เอ่อ คือว่า...คือเค้ก” สีหน้าเค้กดูวิตกกังวลจนน่าสงสาร
“บ้านอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ผมบอกอย่างใจดี สภาพแบบนี้ผมคงยอมให้กลับเองไม่ได้หรอกครับ อันตรายเกินไป
“ไม่...ไม่เป็นไรครับ” เค้กปฏิเสธเสียงสั่น ไม่รู้ว่าสั่นเพราะกลัวผมหรือสั่นเพราะหนาวกันแน่
“ฝนตกนะ มองไม่เห็นทาง...ใช่ไหม” ผมถามอย่างระมัดระวังเพราะไม่อยากให้เขาตกใจ แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยเท่าไหร่
“คุณ!” เค้กเบิกตาโตตกใจ คงคิดไม่ถึงว่าผมจะรู้
“พี่ไว้ใจได้นะ บอกพี่สิว่าบ้านอยู่ไหน เดี๋ยวพี่ไปส่งนะครับ” ผมรีบบอก ไม่อยากให้เค้กกลัวผม ไม่รู้สิ ทั้งที่เพิ่งเจอกันแต่ผมอยากให้เค้กมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับผมมากกว่าจะกลัวผม
“...” เขาเงียบ ผมเลยต้องถามอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง
“กลับบ้านกับพี่นะเค้ก”
เค้กนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ครับ”
Cake says:
“ถึงหน้าห้องเค้กแล้ว ขอบคุณนะครับ” ผมหันหลังกลับไปขอบคุณพี่ทราฟที่มาส่ง และเอื้อมมือออกไปเพื่อรับโถปลาทองที่พี่เขาเอาไปถือให้กลับมาถือไว้เอง
ผมเองก็ไม่รู้ว่าไว้ใจให้เขามาส่งได้ยังไง แต่ว่าผมเองก็ไม่มีทางเลือก มองไม่เห็นแบบนี้ผมจะกลับมาเองได้ยังไง
“จะไม่ชวนพี่เข้าไปกินน้ำหรือหลบฝนในห้องเค้กก่อนเหรอ”
ผมนิ่งไม่รู้จะตอบอะไร ผมรู้แค่ว่ามันไม่ปลอดภัยที่จะให้คนที่ไม่รู้จักเข้าไปในห้องผม ผมอยู่หอพักน่ะครับ เพราะผมตาบอดและมักโดนทำร้ายอยู่บ่อยๆ ผมเลยกลัวที่จะพูดคุยกับใคร
แม้ว่าระหว่างทางที่คุยกันพี่ทราฟจะดูเป็นคนดี แต่ว่า...ผมก็ยังกลัว ผมไม่ควรไว้ใจคนง่ายเกินไปเพียงแค่เขาดีกับเรา ประสบการณ์แย่ๆที่เคยเกิดขึ้นสอนผมแบบนั้น
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ พี่ไม่เข้าก็ได้ อย่าเครียดนะครับ ไม่ต้องกลัวพี่ไม่ทำอะไรเราหรอก”
“...”
“ถ้าอย่างนั้น พี่กลับก่อนนะ”
ผมยังยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิม เสียงรองเท้าที่เบาลงจนไม่ได้ยินในที่สุด บ่งบอกว่าพี่เขาเดินจากไปแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกใจหายแปลกๆยังไงไม่รู้
“พี่ทราฟ!” ผมตะโกนเรียกชื่อพี่เขากลับไป ไม่รู้ว่าเรียกทำไม แต่เหมือนร่างกายผมมันสั่งให้ขยับปากเรียกชื่อคนที่เพิ่งเดินจากไปแบบไม่รู้ตัว
“หืม มีอะไรเหรอครับเค้ก”
เอ๊ะ! พี่ทราฟยังไม่กลับไปอีกเหรอ
พอได้ยินเสียงพี่ทราฟอีกครั้ง ผมก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างโล่งใจ
“ถ้าไม่รังเกียจก็เข้าไปหลบฝนในห้องผมก่อนได้นะครับ” ผมพูดออกไปแล้ว ผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพี่ทราฟจะเป็นคนดีมากแค่ไหน จะเหมือนคนอื่นที่ผมเคยเจอมาหรือเปล่า แต่ผมกลับรู้สึกอุ่นใจที่พี่เขาเดินกลับมาส่งผมที่หอ พอพี่เขาจะไปผมก็เลยรู้สึกใจหายแบบแปลกๆ
คงไม่มีอะไร...ผมได้แต่ปลอบตัวเอง
“หึหึ ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ” พี่ทราฟขำเบาๆ ผมยิ้มเขิน หันไปไขกุญแจห้อง ไออุ่นนิดๆจากข้างหลังทำให้ผมรู้ได้ว่าพี่ทราฟมายืนอยู่ข้างหลังผม ผมยิ้มให้ตัวเองก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าห้องอย่างคุ้นชิน ก่อนจะเดินถือโหลปลาที่อยู่ในมือไปวางไว้บนโต๊ะข้างตู้เย็น
“เค้ก”
“ครับ”
“ไม่เปิดไฟเหรอ แล้วทำไมปิดผ้าม่านซะขนาดนั้นล่ะ มืดแบบนี้อยู่ได้ยังไงน่ะเรา”
“ต่อให้สว่างเค้กก็มองไม่เห็นอยู่ดีนั่นแหละครับ จะเปิดให้เปลืองไฟทำไม”
“เอ่อ...เค้ก พี่ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรครับ เค้กชินแล้ว แต่ว่าพี่ควรจะเปิดไฟนะ พี่จะได้มองเห็น” ผมบอกแล้วก็เดินไปนั่งลงที่เตียง เสียงสวิตถ์ดังขึ้น พื้นที่ข้างๆผมบนเตียงยุบตัวลง ทำให้ผมพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เค้กอายุเท่าไหร่แล้วครับ”
“สิบเก้าจะยี่สิบแล้วครับ”
“แล้วอยู่กับใคร” พี่ทราฟถามผมอีก
“เค้ก...อยู่คนเดียวครับ”
“อยู่คนเดียว!!! ทำไมล่ะ พ่อแม่เค้กไปไหนทำไมปล่อยให้เค้กมาอยู่ข้างนอกคนเดียวแบบนี้!!!” พี่ทราฟดูจะตกใจมากกับคำตอบของผม พี่เขาโวยวายใหญ่โต แต่ผมกลับรู้สึกดี
“ก็อยู่คนเดียว แม่เค้กตายไปแล้ว ส่วนพ่อเค้ก...เขาไม่รักเค้ก”
“ทำไมล่ะ” ผมไม่เข้าใจคำถามของพี่ทราฟสักเท่าไหร่ว่าถามถึงอะไร แต่ผมก็ตอบตามความเข้าใจของตัวเอง
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
นั่นสินะ ทำไมพ่อถึงไม่รักเค้กล่ะ เป็นคำถามที่ผมอยากถามมาตลอดแต่ไม่เคยได้พูดออกไป
บางที คงเป็นเพราะผมรู้คำตอบดีอยู่แล้ว เลยไม่คิดจะถาม
สัมผัสเบาๆที่ศีรษะ ผมหันไปยิ้มให้พี่กราฟที่ลูบหัวผมอยู่ ชอบจัง...ผมไม่ได้รับสัมผัสอ่อนโยนแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งอยากร้องไห้ เพราะผมอ่อนแอ...ผมถึงต้องเจ็บอยู่เสมอ
“เค้กร้องไห้ทำไมครับ” พี่ทราฟถามผมด้วยน้ำเสียงร้อนรน และพี่ทราฟก็ดึงผมเข้าไปกอด แค่นั้นผมก็ปล่อยโฮออกมา ผมไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องทิ้งผม ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว...อยู่กับความมืด ผมกลัว กลัวมาก ใครจะช่วยผมได้ มีสักคนไหมที่รักผม ขอแค่คนเดียว คนเดียวเท่านั้นที่จะพาผมออกไปจากความมืดมิดนี้
ผมร้องไห้อยู่นานโดยมีพี่ทราฟคอยปลอบผมอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อผมมีสติครบตามเดิม ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเปิดเผยความอ่อนแอให้คนที่ไม่รู้จักเห็นมากเกินไป ผมไม่ควรทำแบบนั้น ถ้าเกิดเขาคิดไม่ดีแล้วทำร้ายผมขึ้นมาผมจะทำยังไง
ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกดีที่พี่ทราฟอยู่ข้างๆ แต่ผมก็กลัวว่าตัวเองจะถูกทำร้ายซ้ำอีก เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับผม มันสอนให้ผมรู้ว่าผมไม่ควรไว้ใจใคร ยิ่งมองไม่เห็นแบบนี้แล้วด้วย ผมก็ยิ่งไม่ควร
หลังจากพี่ทราฟกลับไปเพราะผมบอกพี่เขาว่าผมอยากอยู่คนเดียว ผมก็หลับไปเพราะร้องไห้จนเหนื่อย ตื่นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
น่าแปลก...ใครมาหาผมแต่เช้าแบบนี้ ปกตินอกจากป้านวลแล้วก็บิ๊ก ก็ไม่มีใครขึ้นมาหาผมถึงห้อง หรือจะเคาะห้องผิด
“ใครครับ” ผมตะโกนถาม ไม่กล้าเปิดประตูสุ่มสี่สุ่มห้า
“พี่เองครับ พี่ทราฟ เค้กเปิดประตูให้พี่หน่อย” ผมชั่งใจว่าจะเปิดหรือไม่เปิดดีอยู่แวบหนึ่งก่อนจะตัดสินใจลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู
“พี่ทราฟมีอะไรหรือครับ” ผมโผล่หัวออกพ้นกรอบประตูไปถาม
“วันนี้ไปเที่ยวกันนะเค้ก”