Traf says:
กริ๊งงงงงงงงงง!!!
“อื้อ”
กริ๊งงงงงงงงงง!!!
“...
กริ๊งงงงงงงงงง!!!
“โธ่โว้ยยยยย!!!” ผมพลิกตัวอย่างหงุดหงิด เอามือคลำหานาฬิกาปลุกที่โต๊ะหัวเตียง เมื่อคว้าได้ผมก็เขวี้ยงมันลงพื้นทันที แม่ง! เสียงดังน่ารำคาญ (แต่ถ้าไม่ดังผมก็ไม่มีทางตื่น แต่มันก็หนวกหู) สมน้ำหน้ามัน ป่านนี้มันคงพังไปแล้วไว้ค่อยซื้อใหม่ล่ะกัน ผมพลิกตัวอีกสองสามทีก่อนจะตัดสินใจหลับต่อ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสามแล้ว ไม่รู้วันเกิดใครแต่เพื่อนผมมันลากผมไป อีกอย่างเหล้าฟรี ใครจะไม่ไปล่ะครับ ^^
แต่ตอนนี่พระอินทร์กำลังกวักมือเรียกผมให้ไปเข้าเฝ้า ผมคงไม่มีเวลามานอนเวิ้นเว้อหรอก นอนก่อนคงจะดีกว่า เดี๋ยวไม่มีแรง
ปังๆๆ!!!
“ไอ้ทราฟ! ตื่นเดี๋ยวนี้!”
เรื่องอะไรที่จะต้องตื่น กูง่วง! ได้ยินไหม แม่งเอ้ย กำจัดนาฬิกาปลุกไปได้ก็ต้องมาอารมณ์เสียกับเสียงของไอ้เพื่อนตัวดีอีก วันนี้มันวันห่าอะไรว่ะเนี่ย!!
ปังๆๆ!!!
“ตื่นโว้ยยยย! ไอ้เชี่ยทราฟ ตื่นนน!!!”
“เออ! กูตื่นแล้ว” ต่อให้กินยานอนหลับซักสิบเม็ด แต่ถ้าเจอเสียงความเรียกดังลั่นบ้านขนาดนี้นอนได้แม่งยิ่งกว่าเทพซะอีกครับ
ผมตวัดขาลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูห้องอย่างหงุดหงิด ไอ้เพื่อนตัวดีมองมาที่ผมก่อนที่มันจะปล่อยฮุกซ้ายใส่ท้องผมเต็มๆ
“ไอ้สอง ไอ้เชี่ยยยย กูเจ็บนะ ต่อยหาพ่องมึงเหรอไอ้เพื่อนเวร!” คนเพิ่งตื่นยิ่งมึนๆอยู่ แถมยังมาโดยต่อยเข้าที่ท้องอีก ไปไม่เป็นเลยกู
“วันนี้เวรมึงตัดหญ้า ช่วยแหกตาดูด้วยว่านี่กี่โมงแล้ว จะสิบโมงอยู่แล้วมึง” ไอ้ห่า นึกว่าเรื่องอะไร กะอีแค่ตัดหญ้ามึงถึงกับต้องลากกูออกจากเตียงอันแสนสุขด้วยเหรอวะ
“กูจัดการเองน่า มึงแม่ง กูง่วง! วันนี่วันอาทิตย์กูต้องการพักผ่อน เข้าใจไหม!” ผมกำลังจะปิดประตูใส่หน้าไอ้สอง แต่มันดันประตูไว้ซะก่อน
“อย่ามามึง เดี๋ยวพอสายกว่านี่มึงก็จะบอกว่าร้อน พอบ่ายมึงก็จะบอกว่าร้อนเชี่ยๆ พอเย็นมึงก็จะบอกว่าออกไปรับแฟนบ้างอะไรบ้าง สุดท้ายมึงก็ไม่ได้ตัดหญ้า แล้วเวรของกรรมก็ตกมาถึงกู ไม่รู้แหละ ถ้าวันนี้กูลากมึงลงไปตัดหญ้าที่สนามไม่ได้อย่าเรียกกูว่าไอ้สองเลย!” ไอ้สองแม่งโวยวายซะตาเหลือกตาโปน ตัวมันเตี้ยกว่าผมเกือบสิบเซ็น คิดเหรอว่าถ้าผมเอาจริงขึ้นมามันจะสู้ผมได้
แต่ก็จริงของมัน ถ้าผมไม่ตัดก็จะกลายเป็นมันที่ทำเวรแทนผม ซึ่งมันก็โวยวายบ้านเกือบแตกทุกครั้ง และครั้งนี้คงไม่ต่างกัน
“มึงจะทำไรกูได้ไอ้สอง ไปๆ กูขี้เกียจเสวนากับมึงล่ะ จะไปไหนก็ไปเลยมึง แล้วไม่ต้องมาเรียกกู เดี๋ยวกูอยากตัดกูก็ไปตัดเองล่ะหญ้าน่ะ มันไม่หนีกูไปไหนหรอก อย่าห่วง” ผมคว้าประตูจะปิดอีกรอบ แต่มันก็ยังดันอีก ตกลงมันจะเอาอะไรอีกว่ะเนี่ย!
“มึงอย่าทำแบบนี้ทราฟ ถ้ามึงไม่ทำ กูจะฟ้องไอ้ครามให้มาจัดการมึง”
“ถุย! กว่าไอ้ครามจะกลับมามันก็ลืมหมดแล้วว่ามึงเคยฟ้องอะไรไว้ อีกตั้งเกือบสองเดือนกว่ามันจะทำธุระที่บ้านเสร็จ ที่นี้มึงจะเอาอะไรมาขู่กูอีก มึงรู้ไหมว่ากูได้นอนกี่โมง คนทำมาหากินใช้แรงงานอย่างก็ต้องพักผ่อนนะ มึงรู้ไหม!”
ผมเป็นครูสอนศิลปะป้องกันตัวถ้าผมไม่นอนแล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสอนเด็กล่ะ แม่งไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลย
“มึงอาจจะไม่รู้นะไอ้ทราฟ” ไอ้สองมันยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ทำเอาผมหวั่นๆ มีอะไรที่กูไม่รู้ว่ะ
แม่งยิ้มแบบนี้ทีไรเป็นเรื่องทุกที เพราะรอยยิ้มของมันเรียกบาทาได้อย่างดีเยี่ยม มันเคยยิ้มปุบโดนสอยร่วงปับ และคนที่สอยก็คือไอ้ครามหรือนายสงคราม มันเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นให้เราเป็นเพื่อนกัน ส่วนรายละเอียดส่วนลึกไว้จะเล่าทีหลังจะครับ ตอนนี้ของจัดการไอ้เพื่อนตัวดีตรงหน้าก่อน
“อะไรมึงไอ้สอง ถอยออกจากประตูไปเลยนะ” มันเดินย่างสามขุมเข้ามาในห้องผม และผมก็เดินถอยหลังหนีมัน มันชอบมันทำหน้าอย่างนี้เลย กวนตีนชิบ
“ไอ้ครามอ่ะ...ตอนนี้อยู่” มันพูดแล้วก็ฉีกยิ้มสยอง
“อยู่ไหน” ผมถามอย่างกล้าๆกลัวๆ ในโลกนี่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับผมก็คือไอ้ครามนี่แหละ แค่ชื่อแม่งก็น่ากลัวแล้ว ‘สงคราม’ อยากรู้จริงๆว่าพ่อแม่มันคิดไงตั้งชื่อนี่ให้ แอบกระซิบก่อนนะครับ ว่าไอ้ครามเนี่ย บ้านมันเป็นมาเฟีย น่ากลัวโครตๆ
“อยู่ข้างล่าง”
โธ่ นึกว่าอยู่ไหนก็แค่ข้างล่าง ข้างล่าง...อะ เอง
“ห๊า!!! ข้างล่าง!!!” ผมร้องเสียงหลง ไอ้ครามกลับมาแล้วงั้นเหรอ!
“เออไง ข้างล่าง ถ้ามึงยังไม่ไปอาบน้ำแต่งตัวลงไปกินข้าวและไปตัดหญ้า ไอ้ครามซ้อมมึงแน่ บอกได้คำเดียว...ตาย!”
แล้วผมจะรอช้าอยู่ทำไมล่ะครับ ใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองด้วยความไวแสง แม่งเอ้ยยยยย!! ไหนมันบอกว่าจะกลับเดือนมิถุนายนไงวะ นี่มันเมษาเองนะ กูล่ะเครียด!
ผมใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการอาบน้ำแต่งตัว สะอาดหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าทำเวลาไว้ก่อน ไอ้ครามมันเป็นคนที่เรียกได้ว่า...เหนือคน ทำไรต้องตรงเวลา มันตื่นตีห้าทุกวัน ไม่ต้องใช่นาฬิกาปลุก นอนกี่โมงก็สามารถตื่นตีห้าได้ เพราะมันต้องคุมแก็งให้พ่อมัน มันเลยบอกว่า คนเป็นเจ้านายต้องตรงต่อเวลา ระเบียบวินัยต้องมีให้พร้อม และมันก็เอาทุกอย่างที่มันต้องเป็นมายัดให้เพื่อนๆอย่างพวกผมด้วย ผมไม่ใช่ลูกมาเฟียนะครับ ผมไม่ต้องตื่นเช้าก็ได้อ่ะ
“ไงมึง กว่าจะเสด็จลงมาได้นะ มึงไม่รอให้ตะวันตกดินซะก่อนล่ะ”เสียงไอ้เจที่กำลังทำอาหารสำหรับเด็กในโรงเรียนดังออกมาจากในครัว
โรงเรียนที่ว่านี่ก็คือโรงเรียนสอนศิลปะการป้องกันตัวของผมกับเพื่อนเอง โดยมีเจ้าของหลักอย่างไอ้ครามที่เป็นคนออกเงินทุนสร้างห้าสิบเปอร์เซ็น ส่วนที่เหลือ ผม ไอ้เจ และไอ้สอง ช่วยกันออก คงเหมือนกับหุ้นส่วน แต่เรื่องพวกนี้ผมไม่ได้ใส่ใจ มันจะเอาเงินผมก็ให้ อะไรก็ได้ เรื่องบริหารผมไม่ชำนาญปล่อยให้ไอ้สองมันทำไปเพราะมันจบปริหารฯ ส่วนผมจบวิศวะฯเครื่องยนต์ เพราะฉะนั้น อะไรที่ใช้แรงอ่ะเป็นของผม ส่วนเรื่องการต่อสู้ผมเรียนกับบ้านไอ้ครามมาตั้งแต่มอต้น ได้ใบประกาศมาเยอะ รวมทั้งถ้วยรางวัลด้วย จากวิศวะเครื่องยนต์เลยกลายมาเป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้
ผมกับไอ้ครามและไอ้เจจะเป็นคนสอนศิลปะการต่อสู้ให้เด็กที่มาลงเรียนแต่ไอ้เจจะพ่วงหน้าที่ทำอาหารสามมื้อด้วย เท่ากับว่าผมกับไอ้ครามสอนเด็กคนล่ะสองวันสลับกัน โดยของผม จันทร์ พุธ ไอ้ครามก็ อังคาร พฤหัสบดี ไอ้เจวันศุกร์รอบเช้ารอบเดียว ส่วนศุกร์บ่าย เสาร์และอาทิตย์เป็นวันหยุด
ที่นี่พวกผมรับเด็กเรียนไม่เยอะ คอร์สล่ะสามสิบคนเท่านั้น แต่ก็ไม่เคยมีถึง คอร์สหนึ่งก็ห้าเดือนปีหนึ่งเปิดสองคอร์ส เริ่มจากกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายน และ สิงหาคมถึงธันวาคม เดือนมกราคมและเดือนกรกฏาคมเป็นเดือนหยุดพักผ่อน ที่นี่มีที่พักให้แต่เสียเงินหรือจะไม่พักก็ได้แต่ก็เสียเงินเพราะมันรวมกับค่าเรียนไปแล้ว คอร์สหนึ่งก็ไม่เท่าไหร่ แค่ห้าหมื่นกว่าๆเท่านั้น ถึงจะแพง แต่พวกผมก็ไม่ได้แคร์ ถ้าอยากเรียกก็จ่ายตังค์ แต่ถ้าไม่มีความสามารถพวกผมก็ไม่สอนนะมันเสียเวลาเด็กคนอื่น
การเรียนมีสองรอบ เช้ากับเย็น เด็กบางคนต้องไปเรียน แต่ด้วยระเบียบการเรียนที่พวกผมตั้งขึ้นมันยากที่เด็กหลายคนจะทำได้เพราะชนกับการเรียน ทำให้มีคนเรียนไม่เยอะ ซึ่งเป็นความต้องการของพวกผมเองแหละ สอนเยอะมันเหนื่อยเพราะจริงๆแล้วแต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำ อย่างผมก็ต้องกลับไปดูอู่รถของที่บ้านอาทิตย์ละสามวัน ไอ้ครามต้องช่วยงานพ่อมันเกือบทุกวัน ไอ้เจมันเปิดร้านอาหารกับพี่สาวมัน ส่วนไอ้สองเป็นคนเดียวที่ไม่มีอะไรทำเพราะบ้านมันรวย หรือจริงๆแล้วคือมันขี้เกียจนั่นเอง
“โธ่ มึงโทษไอ้สองสิ เมื่อวานมันลากกูไปแดกเหล้าอ่ะ กูเพิ่งได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเอง” ผมพูดแล้วก็นั่งลงที่โซฟาข้างไอ้ครามที่คุยโทรศัพท์สั่งงานลูกน้องอยู่
“แก้ตัวไอ้ห่า ปกติมึงไม่เคยตื่นเช้าอยู่แล้วถ้ามึงไม่มีสอนอ่ะ” ไอ้สองได้ทีด่าผมอีกคน อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะ จะกัดมันให้เละเลยไอ้เพื่อนชั่ว!
“ไงมึง กูไม่อยู่เลยทำตัวเหลวไหลไง” ไอ้ครามที่คุยธุระเสร็จแล้วหันมาถามผม
“โธ่ คุณเพื่อนมึง กูแค่เพลียนิดหน่อย” ผมไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะดูมันอารมณ์ไม่ดี สงสัยงานจะมีปัญหา
“เออ ไปกินข้าวไป อย่าต้องให้กูพูดมาก” มันไล่ผม ผมก็เดินไปหาอะไรกินในครัว ตักๆใส่จานแล้วออกมานั่งดูหนังที่ไอ้เจเป็นคนเปิดที่ห้องนั่งเล่น
บ้านหลังนี้พวกผมอาศัยอยู่กันแบบถาวร กลับไปนอนบ้านบ้างแต่ไม่บ่อย เพราะต้องดูแลเด็กที่มาเรียนทุกวัน เลยสร้างบ้านด้านหลังหลังโรงฝึก จะได้สะดวกเวลาทำอะไร
“ทำไมกลับเร็วว่ะ” ผมถามไอ้คราม ส่วมมือก็ตักขนมจีนแกงไก่เข้าปาก ไอ้เจมันทำกับข้าวอร่อยมาก เด็กที่นี่ติดใจฝีมือมันทุกคน
“ฝ่ายนู้นมัวแต่ตุกติกเล่นไม่ซื่อ ทีแรกก็ว่าจะตกลงกันอย่างสันติ แต่มันอยากได้สงครามกูเลยจัดให้ งานเลยเสร็จไวอย่างที่เห็น” ไอ้ครามพูดแล้วยิ้มแบบเย็นเหยียบ
แม่งน่ากลัวชิบ หน้าตามันหล่อมากนะครับ คมเข้ม หุ่นดี ผิวไม่ขาวมากแต่ก็จับว่าขาวแหละ เพราะแม่มันเป็นคนจีน แต่มันไม่มีแฟน มันบอกว่าฐานะมันเสี่ยงเกินกว่าจะมีแฟนและมันก็ไม่ชอบผู้หญิงจุกจิกด้วย มันเลยครองโสดอยู่แบบนี้ แต่มันก็เที่ยวผู้หญิงบ้างนะครับ แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่ ไม่เหมือนไอ้สอง ไอ้ห่านี่แม่งมั่ว แต่ดีที่มันป้องกันไม่งั้นมันคงเป็นเอดส์ตายไปนานล่ะ
ส่วนไอ้เจ มันเป็นเกย์ครับ วันๆเอาแต่เหล่เด็กในโรงฝึก หึหึ แต่มันก็แค่มอง มันบอกไม่นิยมเด็กในปกครอง เดี๋ยวเกิดปัญหา
“วันนี้จัดงานฉลองที่ไอ้ครามกลับมากันดีกว่า ไอ้คราม มึงต้องไปทำงานอะไรอีกไหมเย็นนี้” ไอ้เจเอ่ยขึ้น ซึ่งผมว่าเข้าท่าเลยครับ ไม่ได้จัดปาร์ตี้นานแล้ว เพราะพวกผมไม่มีเวลากันเลยโดยเฉพาะไอ้คราม ถ้าสมาชิกไม่ครบก็กินไม่อร่อย
“ไม่มี ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้จัดนานแล้วนิ” ไอ้ครามก็เห็นด้วยแบบสีหน้าเรียบๆ หน้าแม่งนิ่งเกิน
“งั้นเดี๋ยวบ่ายๆออกไปซื้อของสดกัน เดี๋ยวกูกับไอ้ทราฟออกไปซื้อของ ส่วนมึงกับไอ้สองอยู่จัดสถานที่ไป” ไอ้เจบอกไอ้ครามก่อนจะหยิบกระดาษออกมาจดของที่ซื้อ
“กินอะไรดีว่ะ” << ไอ้เจ
“ยำรวมมิตรทะเล” << ไอ้สอง
“ต้มแซ่บ” << ไอ้คราม
“กุ้งแช่น้ำปลา” << ผมเอง
“กุ้ง หมึก ปู ปลา เผา” << ไอ้คราม
[Krrrr Krrrr]
ผมหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะมากดรับ ปล่อยให้พวกมันคุยเรื่องอาหารกันไป ผมกินอะไรก็ได้อยู่แล้วไม่เกี่ยง
“ว่าไงครับ” ผมจะพูดเพราะกับคนแค่ไม่กี่คนหรอกครับ แต่ผู้หญิงผมจะไม่พูดคำหยาบ มันไม่สุภาพเท่าไหร่นะผมว่า แต่กับพวกผู้ชายนี่ถึงไหนถึงกัน ด่าได้ไม่ต้องเกรงใจ หึหึ
“ทราฟ เดี๋ยวเฟจะเข้าไปหา อยากกินอะไรไหม” เฟหรือแฟนของผมเองถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง ด้วยความที่เพื่อนผมมันคุยเรื่องอาหารกันเสียงดังเกินไป ผมเลยเดินออกมาคุยที่หน้าบ้าน
“ไม่ต้องซื้อหรอก เดี๋ยวเย็นนี้จะจัดปาร์ตี้” ผมบอก
“จริงอ่ะ เนื่องในโอกาศอะไรเหรอ”
“ไอ้ครามมันกลับมาถึงวันนี้น่ะ เลยว่าจะเลี้ยงต้อนรับมันหน่อย”
“ครามกลับมาแล้วเหรอ ดีจัง เดี๋ยวเฟรีบไปหานะ บ๊ายบาย จุ๊บๆ” เฟบอกด้วยน้ำเสียงดีใจเอามากๆก่อนจะวางสายไป
เฟกับเพื่อนผมสนิทกันมาก ที่จริงเฟเป็นเพื่อนในคณะของไอ้สอง เฟเป็นคนสวยและนิสัยดี คุยสนุกเลยทำให้ผมชอบ ผมคบกับเฟได้สี่ปีแล้วตั้งแต่ปีสอง เพราะว่าเฟเป็นคนมีเหตุผลเราเลยไม่เคยทะเลาะกันเท่าไหร่ ผมคงโชคดีแหละที่ได้แฟนที่ดี
“เฟโทรมาเหรอ” ไอ้สองถามผม ผมนั่งลงข้างไอ้เจ แล้วหยิบกระดาษที่จดรายการอาหารมาดู โอ้วววว นี่พวกมึงกะจะเอามาเลี้ยงทั้งหมู่บ้านหรือไงวะ เยอะเกิน จะกินกันหมดไหมนี่ มีคนกินแค่ห้าคนเอง
“เออ เดี๋ยวเฟจะเข้ามา กูว่านะ ซื้อเยอะขนาดนี้ไปเรียกเด็กๆในโรงฝึกมาแดกด้วยเถอะ เยอะไปไหมพวกมึง” วันอาทิตย์มีเด็กเลยอยู่ไม่ถึงสิบคน นอกนั้นกลับบ้านหมด เด็กที่เรียนรอบนี้มันแค่สิบเก้าคนเท่านั้น
“ก็ดีนะเว้ย คนเยอะๆสนุกดี มึงว่าไงไอ้คราม” ไอ้เจหันไปถามไอ้คราม ซึ่งไอ้ครามก็พยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นเอาตามนี้ ส่วนมึงไอ้ทราฟ ไปตัดหญ้าเดี๋ยวนี้เลย วันนี้จะกินนอกบ้าน” ไอ้สองนะไอ้สอง กูอุตส่าห์ทำเนียนว่าจะไม่ทำ ผมเลยต้องลุกออกไปที่โรงเก็บของเอาเครื่องตัดหญ้าออกมาจัดการตัดหญ้าบริเวณรอบๆบ้าน มันไม่ได้หนักหนาหรอกครับ แต่ผมขี้เกียจและอยากแล้วให้ไอ้สองมันทำด้วย เพราะมีมันคนเดียวที่ดูว่างและสบายที่สุด ทำงานแค่ดูบัญชีนู่นนี่นั่นนิดเดียว แทบจะไม่มีอะไรให้มันทำด้วยซ้ำไป
ผมตัดหญ้าเสร็จก็เที่ยงตรง พอดีกับเฟที่มาถึงพอดี
“ทำไมวันนี้แฟนเฟขยันได้นะ” เฟเดินเข้ามาเกาะแขนผมก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อที่หน้าให้ผม ผมบีบจมูกเธอเบาๆก่อนจะพาเข้ามาในบ้านเพราะแดดตอนนี้แรงมาก
“ไปนั่งคุยกับไอ้พวกนั่นไป เดี๋ยวทราฟไปเอาน้ำให้ มีขนมจีนแกงไก่กินไหม”
“กินๆ แต่ไม่เอาเยอะนะ” เฟเดินไปนั่งกับไอ้พวกนั้น ส่วนผมก็เข้าครัวจัดแจงตักขนมจีนแกงไก่และน้ำให้เฟ เฟไม่ค่อยจะชอบกินแกงกะทิเท่าไหร่เพราะกลัวอ้วนทั้งๆที่ผอมจะตายอยู่แล้ว ผู้หญิงนี่ก็แปลกนะ จะกลัวอ้วนอะไรนักหนา คิดเรื่องนี้แล้วนึกถึงเค้ก น้องชายแสนน่ารักที่ตัวเล็กมาก แต่แก้มกลับป่องกำลังดี เมื่อวานผมจับน้องยัด พิซซ่าไปเกือบสามชิ้นเพราะอยากจะให้อ้วนขึ้นอีกหน่อย ลมพัดจะได้ไม่ปลิวหายไปไหน
จะว่าไปตอนนี้เค้กจะทำอะไรอยู่นะ คงไม่พ้นอยู่แต่ในห้องแน่ๆ หรือว่าผมจะไปรับน้องมางานเลี้ยงเย็นนี้ด้วยดี อืม เป็นความคิดที่ไม่เลวแหะ เค้กจะได้ไม่เหงาด้วย อยู่คนเดียวในห้องมืดๆน่าเบื่อตายเลย
งั้นผมไปรับน้องมากินเลี้ยงด้วยดีกว่า จะจับยัดอาหารขุนให้เป็นหมูเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว