อุดมศักดิ์นั่งชันเก่าทอดอารมณ์เดียวดายอยู่บนเตียงนอนในคอนโดอย่างเซ็งๆ นี่มันผ่านมาจะสองเดือนอยู่แล้ว ที่ทั้งเขาและจารุณาไม่มองหน้า ไม่พูดกัน ยกเว้นเรื่องงาน
ไอ้เขาน่ะไม่เท่าไหร่ พยายามจะพูดด้วยตลอดเวลา แต่แม่นางก็หลบซ้ายย้ายไปขวา ไม่มองหน้า ไม่สบตา ไม่ห่าเหวอะไรสักอย่าง และที่หนักยิ่งกว่านั้นก็คือ เขายังไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรผิดไป
คนคิดมากเกินอายุนั่งถอนหายใจเนือยๆ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับงานมาทั้งวันไม่พอ ยังต้องมานั่งเดาอารมณ์ผู้หญิงที่ตนมีใจอีก มันใช่ไหมเนี่ย
ร่างสมบูรณ์แบบเต็มไปด้วยพลังของวัยหนุ่มแน่นค่อยๆ เลื่อนกายลงนอนราบบนเตียงและเอามือทั้งสองข้างรองศีรษะแทนหมอน ที่กระเด็นไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นข้างเตียงเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน แทนการระบายความหงุดหงิดของเขา
ดวงตาคมจ้องนิ่งที่เพดานห้องพร้อมกับภวังค์ความคิดที่หลุดลอยไปยังภาพเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมาง
“เอาคืนไป!”
พวงกุญแจขนาดย่อมถูกปาใส่หน้าเขา มันไม่ได้ทำอันตรายใดๆ เมื่อเขาใช้มือข้างขวายกรับไว้ได้ แต่การที่เธอหันหลังเดินห่างออกไปโดยไม่เหลียวหลังนั่นต่างหาก ที่ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายที่กำลังมีต่อหัวใจ เขาไม่อยากกลายเป็นคนที่เธอไม่เหลียวแล
คิดได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจก้าวตามไป ก่อนจะเลือกทำตามที่ใจสั่งมาในที่สุด
“นิสัย! ไม่ใช่เด็กนะเจ้ อย่าใช้อารมณ์ดิ” เสียงเครียดขรึมของเขาเหมือนตัวเร่งปฏิกิริยาความโกรธชั้นดี
“เออ ก็ไม่ต้องมายุ่ง” จารุณาตวาดแว้ดใส่อย่างไม่สนใจว่าเด็กมันจะถอนหงอกหรือหลอกด่า
“โกรธอะไรนักหนาวะ!”
คนที่ปกติก็ไม่ใช่ผู้ชายอ่อนหวานหรือพูดเพราะตวาดห้วนๆ พลางจับข้อมือเล็กสองข้างนั้นไว้แน่น เพื่อกันเธอวิ่งหนีหายไปก่อนที่จะได้เคลียร์กันให้จบ
“อย่ามาวงมาวะนะไอ้เด็กบ้า ฉันเป็นเพื่อนเล่นแกหรือไง”
“แล้วยังไง พูดดีๆ แล้วเคยฟังบ้างไหม ไม่ชอบไม่พอใจก็เอาแต่ใช้อารมณ์”
“.....”
แทนคำพูด ดวงตาที่เคยทอประกายสดใสขัดกับอายุเลขสามก็ค่อยๆ มีหยาดน้ำใสๆ เอ่อท้นขึ้นมา
ใช่สิ เธอมันแก่ เธอมันนิสัยไม่ดีนี่
“เจ้...”
ใบหน้าเขาตื่นตระหนก เสียงที่เรียกเธอก็นุ่มนวลขึ้น มือหนาข้างหนึ่งปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระ ก่อนจะยกขึ้นมากรีดเช็ดน้ำตาที่เริ่มไหลออกจากใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางเบาบางเน้นความเป็นธรรมชาติ
“ขอโทษครับ” เขาบอกเสียงเรียบ
เธอไม่รู้ว่าเขาขอโทษอะไร เรื่องที่ว่าเธอแรงๆ เรื่องที่ตวาดใส่ หรือเรื่องที่เขามีแฟนแล้วยังมาวุ่นวายกับเธอ แต่ยอมรับล่ะว่ารู้สึกดีกว่าตอนก่อนหน้านี้เยอะมาก
“ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวตาบวมแล้วไม่สวยนะ”
กูจะร้อง! ถึงจะแก่แต่กูก็อ่อนไหว!
เธอคิดในใจ แต่ที่แสดงออกไปมีเพียงความเงียบ
“เฮ้อ ต้องทำยังไงถึงจะยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ เสียทีนะคนเรา”
ชายหนุ่มเปรยขณะที่มือก็กอบกุมใบหน้านวลเนียนที่ยังหลงเหลือรอยเปียกชื้น จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวย แต่เพียงครู่เธอก็เบี่ยงใบหน้าหลบสายตาเขา
“ไม่ต้องมายุ่ง” ตั้งใจจะตวาดใส่หน้าเขา แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับอ้อมแอ้มแผ่วเบา
เขายิ้มบางๆ กับอาการของเธอ มือหนาจับคางเรียวให้หันกลับมา พร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มต่ำลงมาใกล้ ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร ริมฝีปากได้รูปของเขาก็ประกบลงมาอย่างอ่อนโยน แต่หนักหน่วงอยู่ในที
จารุณาอยากจะผลักเขาออกห่าง แต่ไม่รู้ว่ามนตร์สะกดอะไรที่ทำให้เธอเอาแต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้เขาฉกชิมความหวานของริมฝีปากอิ่มอยู่เป็นครู่ และไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เมื่อเรียวลิ้นอุ่นร้อนของเขาเกี่ยวกระหวัดเข้ามาในโพรงปากของเธอ พร้อมกับบดจูบดูดดื่มอย่างไม่เว้นช่วงจังหวะ
เพิ่งรู้ว่าการจูบจริงๆ มันเป็นแบบนี้!
“อื้อ...” เสียงครางเล็ดลอดออกมา มือบางขยำเสื้อตรงหน้าอกแกร่งจนมันยับย่น
จุมพิตดูดดื่มจนเธอแทบจะละลายอยู่ในอ้อมกอดเขา มือบางทุบเบาๆ บนอกแกร่งเมื่อผ่านไปสักพักแต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอนริมฝีปากออกไป เอาแต่ดูดดึงกลืนกินกลีบปากอวบอิ่ม จนเธอแทบจะขาดใจอยู่แล้ว
จนต้องทุบเขารัวๆ แรงๆ นั่นแหละ ชายหนุ่มจึงได้สติ ผละออกมาจากริมฝีปากที่หวานล้ำ เคลื่อนปากหยักลงมาตามลำคอ
ไม่ติดว่าต้องออกไปพบลูกค้า พ่อจะกัดให้จมเขี้ยว เอาให้โชว์หราอยู่ตรงลำคอขาวผ่องนี่ซะ ผู้ชายคนไหนเห็นมันจะได้ไม่เข้ามายุ่ง
แต่เขาก็ได้แค่คิด ที่ทำได้คือกดจูบบางเบาอ่อนโยน ให้คนที่เกิดก่อนแต่อ่อนเดียงสากว่ามากเคลิบเคลิ้มก็เท่านั้น
“อื้อ” เสียงคราวแว่วหวานหลุดออกมาอีกครั้ง ทั้งที่คิดว่าตัวเองเม้มปากไว้แน่นแล้ว
“คนดื้อ”
เสียงตำหนินุ่มๆ ของเขาทำเอาอารมณ์หวามไหวของเธอแทบกระเจิง พยายามจะเบี่ยงกายออกห่าง แต่ติดที่วงแขนข้างหนึ่งกระชับกอดเธอไว้แนบกับลำตัวจนดิ้นออกห่างไม่ได้
“ปล่อยได้แล้ว” บอกเขาพร้อมกับดิ้นขลุกขลัก เพื่อให้รู้ว่าเธออยากหลุดออกไปจากสภาพแนบชิดเต็มแก่
“อย่างอนมากดิ ไม่รู้จะเอาใจยังไง”
“ก็ไม่ต้องมาเอาใจ”