ตอนที่ 2 คานเอ๋ยคานมา (2)

1391 Words
หญิงสาวเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกไปยังห้องครัวของสำนักงานเพื่อชงกาแฟดื่มตามปกติเช่นทุกวัน อุดมศักดิ์มองตามหลังด้วยความแปลกใจ รู้สึกทะแม่งๆ อย่างบอกไม่ถูก วันนี้พูดน้อยแฮะ เป็นอะไรหรือเปล่านะ เขาครุ่นคิดถึงความผิดปกติที่อีกฝ่ายอาจจะมีได้ แต่ก็ยังไม่มีอะไรมาทำให้กระจ่าง ว่าเหตุใจเจ้จ๋าคนน่ารักถึงได้มึนๆ ตึงๆ ไม่ค่อยอยากจะพูดจาและหลบสายตาเขาแปลกๆ เพียงชั่วครู่จึงลุกออกจากโต๊ะเดินตามไปที่ห้องครัว โดยที่คนเดินไปก่อนหน้าไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่ามีคนเดินตามไป… ในห้องครัวของสำนักงานจัดสรรปันส่วนอย่างลงตัว มีอ่างล้างจานพร้อมที่คว่ำ ตู้เย็นอยู่ที่มุมหนึ่งข้างๆ ชุดโต๊ะและเก้าอี้เล็กๆ ขนาดนั่งสี่คน ตรงอีกด้านของเคาน์เตอร์ห้องครัวมีที่สำหรับชงเครื่องดื่ม ซึ่งประกอบไปด้วยกระติกน้ำร้อนที่กำลังทำงาน และเครื่องดื่มสารพัดชนิดที่เป็นสวัสดิการของบริษัท จัดไว้ให้พนักงานได้เข้ามาหลบมุมจิบกาแฟหรือชาเงียบๆ ยามเมื่อยล้า เพราะเมมโมรี่พิกเจอร์ถือคติว่า ไอเดียและการสร้างสรรค์ดีๆ ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงานหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์เสมอไป กิจกรรมเล็กน้อยที่ช่วยผ่อนคลายเช่นนี้ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ดีๆ ที่สามารถนำไปใช้กับงานใหญ่ๆ ได้มานักต่อนัก จารุณาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะใช้เวลาช่วงสั้นๆ ในการดื่มชา เปปเปอร์มินต์อุ่นๆ ก่อนการเริ่มงาน เพื่อความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เธอไม่ได้รับรู้กับรสชาติอันโปรดปรานนั้นสักนิด คงจะมีแต่ เจ็บ เสียใจ เบื่อที่สุด ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย อยากร้องไห้ บลาๆ ๆ ๆ “เจ้เป็นอะไร” เสียงทักจากด้านหลังของอุดมศักดิ์ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหลุดออกมาจากภวังค์ได้เลย จนเขาต้องค่อยๆ ย่องเข้ามาใกล้ๆ และโดยที่จารุณาก็ไม่ทันจะรู้ตัว “อุ๊ย!” เธออุทานได้แค่นั้น เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งวงแขนแกร่งก็โอบรัดอยู่รอบเอวบาง พร้อมกับคางบุ๋มของเขาที่เกยอยู่บนหัวไหล่ “ไม่เห็นล็อกห้องให้เป๊กเลยเมื่อวาน ก็บอกแล้วว่าให้ล็อกห้องให้ด้วย” บอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ราวกับสามีบอกภรรยาว่าต้องล็อกบ้านทุกครั้งก่อนออกไปข้างนอก หึ! น่าขำ แต่เธอคงหัวเราะไม่ออกหรอก “ปล่อย” เธอไม่ตอบคำถามเขา กลับยืนนิ่งๆ และส่งเสียงเย็นๆ บอกความต้องการออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จตามต้องการ “หงุดหงิดอะไรอยู่ครับคนสวย” แหม พูดดี แต่ไม่! ฉันไม่หลงคารมแกอีกแล้ว “ถ้าไม่พูด แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้เป็นอะไร” “ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น เลิกทำแบบนี้ซะที” ตอบเสียงสะบัดๆ ใจมันเจ็บจนเกินจะระงับอารมณ์แล้วตอนนี้ แค่คิดว่ากำลังจะโดนเด็กหลอกจะกิน เธอก็ฟิน เอ๊ย ไม่ใช่ เธอก็หดหู่ไปไกลลิบแล้ว “ใครกันแน่ที่ควรจะเลิกทำแบบนี้” เสียงเรียบๆ เดาอารมณ์ไม่ออกของเขาทำให้จารุณาเป็นฝ่ายชะงักบ้าง “หมายความว่าไง” อุดมศักดิ์ไม่ตอบ แต่ใช้แรงที่มากกว่าดันไหล่บอบบางให้คนที่ยืนหันหลังอยู่ในอ้อมแขนหันหน้ากลับมาหา ดวงตาคมเข้มของเขาสบกับดวงตากลมโตที่กำลังเต้นระริกของเธอ ก่อนที่มือหนาข้างหนึ่งจะล้วงลงไปที่กระเป๋ากางเกง แล้วหยิบเอาบางสิ่งมาวางบนฝ่ามือบอบบางของเธอ กุญแจ! “กุญแจห้องผมมีสองชุด อีกชุดผมให้เจ้เก็บ ให้แล้วให้เลย ถ้าเจ้ไม่ต้องการเก็บให้รกหูรกตาก็ขว้างมันทิ้งไป แต่อย่ามาวางทิ้งไว้ในห้องผมอย่างนี้” จะให้เธอเก็บกุญแจห้องเขาไว้ทำไม นอกจากที่ไปตามเขาเรื่องงานก็ไม่ได้คิดจะไปหาถึงที่ถึงเตียงอย่างนั้นอยู่แล้ว ยิ่งเกิดเหตุการณ์แบบวันนั้นแล้ว ยิ่งไม่กล้าไปกันใหญ่ แล้วจะให้เก็บลูกกุญแจไว้เพื่อ? ดูต่างหน้าเหรอ ไม่โอเคมั้ง เปลี่ยนเป็นคลิปหลุดตอนไอ้เป๊กแก้ผ้าอาบน้ำแทน ยังจะดีเสียกว่า เฮ้ย! นังโรคจิต บ้าไปแล้วหรือไงนะ “ไม่เอา” ปฏิเสธเสียงแผ่ว ทำท่าว่าจะยัดกลับใส่มือให้เขา แต่อีกฝ่ายกุมจับมือเธอไว้เป็นเชิงห้ามเสียก่อน “นะครับ” เด็กมันอ้อน อดใจอ่อนไม่ไหว เพลงนี้ผุดขึ้นมาในหัวทันใด บ่งบอกถึงอายุได้ดีมาก ไม่แก่จริงนึกถึงเพลงนี้ไม่ได้นะเนี่ย “แล้ว...” ไม่กล้าถามเขาเลยตรงๆ แต่ก็อยากรู้ว่า ผู้หญิงที่มาหาเมื่อวานน่ะแฟนใช่ไหม ถึงจะมั่นใจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ก็อยากได้ยินจากปากมากกว่าคิดเองเออเอง อุดมศักดิ์เลิกคิ้วรอฟัง แต่เมื่อคนที่ยืนประจันหน้าแผ่นหลังชิดกับเคาน์เตอร์ของครัวไม่พูดอะไรต่อ เขาก็ไม่ได้ซักไซ้ “หมอดูเคยทำนายว่าผมจะได้แฟนอายุแก่กว่า แต่นิสัยเหมือนเด็ก” มันว่าใครอะ? ไม่เชื่อ ไม่ฟัง ไม่คิด พอคิดแล้วก็ชอบเข้าข้างตัวเอง บอกแล้วไงว่าอย่าไปหลงคารมมัน ไอ้เด็กนี่มันพลิ้ว เชื่อไม่ได้! “แล้วไง” นั่น! เพิ่งเตือนตัวเองไปเมื่อกี้แท้ๆ “ผมว่าเขาทำนายแม่นอยู่นะ” “ไร้สาระ หลบไป จะไปทำงาน เดี๋ยวต้องออกไปข้างนอกแล้ว” ร่างสูงไม่ยอมหลบ แต่กลับขยับเข้ามาชิดและเท้าแขนทั้งสองข้างคร่อมไว้กับเคาน์เตอร์ เพื่อกักขังเธอไว้ “อีกแล้วนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มยิ้มหล่อเหลาส่งให้โดยไม่พูดอะไร เมื่อเห็นสายตาตื่นๆ ราวกับกลัวแต่ยังทำปากเก่งของเธอ “เมื่อคืนน่าจะนอนด้วยกัน ไม่น่าปล่อยกลับเลยจริงๆ” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่คนหูดีก็ได้ยินชัดเจน โมโหจนแทบจะกรี๊ด “ไอ้...ไอ้...” จารุณาคิดคำด่าไม่ออก ได้แต่แค้นเคืองและผลักอกหนาออกห่าง แต่ร่างนั้นกลับไม่สะทกสะท้านสะเทือนแม้แต่น้อย และก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อไป ชายหนุ่มก็จับยกร่างเธอวางบนเคาน์เตอร์ แล้วก้มหน้าลงมาหา จารุณาตะลึงงันกับการที่อีกฝ่ายถึงเนื้อถึงตัว จนอ้าปากค้างพูดไม่ออกไปแล้ว แต่ก่อนที่อะไรๆ จะเลยเถิดไปกว่านั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของอุดมศักดิ์ก็ดังขึ้น และทันทีที่เห็นเบอร์โทรเข้า เขารีบผละออกห่างแล้วเดินหนีออกไปจากครัวทันที ราวกับไม่ไยดีผู้หญิงอีกคนสักนิด... นิ้วเรียวสวยราวนิ้วผู้หญิงรีบกดรับสายทันทีที่เดินออกมาแล้ว ก่อนจะยกโทรศัพท์ออกห่างแทบไม่ทัน เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นจากคนที่โทรมา “ใจเย็นๆ เดี๋ยวไปหา” “รอนะ ตอนนี้ทำงานก่อน” “เป็นห่วงนะ” อีกราวๆ สองสามประโยคที่เขาสนทนากับปลายสายก่อนจะตัดสายไป ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความกังวล เรื่องที่บอกใครไม่ได้นี่มันอึดอัดแทบบ้า ให้ตายสิ! ร่างสูงทำท่าจะกลับเข้าไปในครัว ก่อนจะชะงักเมื่อหันกลับมาแล้วเจอร่างระหงของคนที่เขาเพิ่งเจรจาด้วยก่อนหน้า ยืนทำหน้าเคร่งขรึมจ้องมองอยู่ ดวงตากลมโตที่มักจะทอประกายแห่งความรื่นเริง หรือแสดงออกว่าบึ้งตึง ขุ่นเคือง ที่เขาสามารถจะเดาอารมณ์และความรู้สึกได้ง่ายนั้น ตอนนี้ช่างแตกต่างจากที่เขาเคยเห็น ยากเกินกว่าที่เขาจะเดาได้ว่าจารุณากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน “เอาคืนไป!” พวงกุญแจขนาดย่อมถูกปาใส่หน้าเขา มันไม่ได้ทำอันตรายใดๆ เมื่อเขาใช้มือข้างขวายกรับไว้ได้ แต่การที่เธอหันหลังเดินห่างออกไปโดยไม่เหลียวหลังนั่นต่างหาก ที่ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายที่กำลังมีต่อหัวใจ เขาไม่อยากกลายเป็นคนที่เธอไม่เหลียวแล...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD