“ตาวัฒน์!”
“คุณแม่! มาตั้งแต่เมื่อไรครับเนี่ย” ชายหนุ่มวางปากกาในมือลงทันทีเมื่อเห็นว่ามารดามาหา
“เพิ่งเห็นก็แปลว่าเพิ่งมาน่ะสิ ทำไมลูกถึงทุ่มเทกับการทำงานขนาดนี้นะ แม่ไม่น่าสนับสนุนให้ลูกเรียนหมอเลย เรียนก็หนักตอนทำงานก็ยุ่งจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว ลูกรู้ไหมว่าแม่รอคอยที่จะได้อุ้มหลานมากี่ปีแล้ว”
“โธ่คุณแม่ครับ ผมกับนรีอายุยังไม่เท่าไรเรื่องหลานของคุณแม่คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกนะครับ”
“แต่คนแก่มันก็คิดมากนี่ ลุกน่ะแบ่งเวลาให้หนูนรีเขาบ้าง เกิดหนูนรีเขาเบื่อลูกขึ้นมาแม่จะสมน้ำหน้าลูกซ้ำ”
“นรีไม่มีวันเบื่อพี่วัฒน์หรอกนะคะคุณแม่สบายใจได้” หญิงสาวตอบกลับแม่สามีสายตาเป็นประกาย เธอไม่รู้เลยว่าความเบื่อคืออะไรเธอรู้แต่ว่าเธอรักเขามากขึ้นทุกวัน ส่วนชายหนุ่มได้แต่บอกกับตัวเองในใจว่าวันที่เธอไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับเขานั้นมันเกิดขึ้นได้และมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แผลในใจของเขายังสดๆอยู่เลยล่ะ
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะลูก แม่ล่ะปวดหัวกับลูกชายคนนี้จริงๆ”
“คุณแม่ทานขนมไหมคะ วันนี้นรีทำขนมหวาน”
“จริงหรอจ๊ะ แม่ขอสักถ้วยแล้วกันเผื่อจะทำให้แม่อารมณ์ดีขึ้นหน่อย”
“ได้เลยค่ะ” นรวัฒน์ยกยิ้มพึงพอใจที่นอกจากเขาแล้วหญิงสาวยังพยายามเอาอกเอาใจมารดาของเขาด้วยและดูเหมือนว่าท่านเองก็ปลื้มลูกสะใภ้คนนี้ของท่านมาก
นวลพรรณอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้จนถึงเวลาของมื้อเย็น วันนี้หล่อนจึงบอกให้ลูกชายเข้าไปช่วยลูกสะใภ้ในครัวบ้างจะได้รู้ว่ากว่าจะได้อาหารรสเลิศมาแต่ละจานไม่ใช่เรื่องง่าย
“อิ่มจ๊ะช่วยส่งตะกร้าผักตรงนั้นมาหน่อย” ชายหนุ่มขยับเอาไปหยิบตะกร้าส่งให้หญิงสาวเงียบๆ
“ขอบคุณจ้ะ อะ อ้าวพี่วัฒน์เข้ามาในครัวทำไมคะเนี่ย อิ่มกับเอมไปไหนแล้วละคะ”
“คุณแม่ท่านเรียกให้ไปนวดครับ พี่อะไรที่พี่พอจะช่วยได้บ้างไหมครับ”
“อย่าเลยค่ะ พี่วัฒน์เป็นคนขี้ร้อนในครัวร้อนไม่เหมาะกับพี่วัฒน์หรอกนะคะ”
“พี่อยากลองดูนี่ครับ”
“งั้นก็ตามใจค่ะ วันนี้นรีตั้งใจทำต้มยำกุ้งค่ะ”
“ของโปรดของพี่”
“ใช่ค่ะ นรีจะใส่กุ้งกับเห็ดเยอะๆเลยดีไหมคะ นรีรู้ว่าพี่วัฒน์ชอบ”
“ดีครับ มาครับพี่ช่วย” ชายหนุ่มพยายามช่วยหยิบจับสิ่งต่างๆมีทำถูกบ้างผิดบ้างจนเขารู้สึกว่าการทำอาหารไม่ใช่เรื่องงานแถมยังต้องใส่ใจทุกรายละเอียด นรีกุลหันไม่มองคนตัวโตที่มีเหงื่อชื้นที่กรอบใบหน้าก็หยิบกระดาษทิชชูมาซับเหงื่อให้คนพร้อมทั้งบ่นออกมาอย่างไม่จริงจังนัก
“นรีบอกแล้วว่าร้อนก็ไม่เชื่อ คนดื้อ”
“ว่าไงนะครับ”
“ปะ เปล่าค่ะ ร้อนใช่ไหมคะเดี๋ยวนรีจะซับหน้าให้เอง”
“แต่พี่ว่าเหมือนมีคนบ่นพี่นะครับ”
“มะ ไม่จริงสักหน่อยค่ะ พี่วัฒน์น่าจะหูฝาด” แก้มของหญิงสาวแดงระเรื่อเขินอายที่คนตัวโตรู้ทัน เขาเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจออกมาจนอีกฝ่ายหน้ามุ้นและขอร้องให้เขาออกไปรอข้างนอกได้แล้ว ชายหนุ่มยอมผละห่างแต่โดยดีเผื่อที่จะไปตามสาวใช้มาช่วยหญิงสาวต่อ
“เป็นไงบ้างตาวัฒน์เดินยิ้มมาแต่ไกลเลย แม่ไม่ได้เห็นลูกยิ้มกว้างแบบนี้มานานแล้ว”
“ผมไม่ได้ยิ้มมานานขนาดนั้นเลยหรอครับ”
“ก็ใช่น่ะสิลูก ถ้างานมันยุ่งนักก็ลาออกมาดูแลธุรกิจของแม่ก็ได้นี่ ไม่ต้องอุทิศตนเหมือนพ่อของเราก็ได้ตาวัฒน์”
“แต่คุณแม่ก็รู้นี่ครับว่าอาชีพที่ผมทำอยู่มันคือความฝันที่จะได้ช่วยเหลือคนอื่น”
“จ้ะๆแม่เข้าใจแล้ว ไม่ออกก็ไม่ออก อาหารคงเสร็จแล้วเราเข้าไปในบ้านกันเถอะแม่รู้สึกหิวแล้ว”
“แต่ผมว่าวันนี้คุณแม่ทานทั้งวันแล้วนะครับ”
“เดี๋ยวเถอะมาแซวแม่มันบาปนะเจ้าลูกคนนี้”
“ฮ่าๆ ผมแค่หยอกคุณแม่เล่นคร๊าบ คุณแม่ของผมยังสวยยังหุ่นดีเหมือนเดิมเพราะฉะนั้นทานต่อได้ครับ”
“นี่แหละคำที่แม่รอ” นรวัฒน์จับจูงมือของมารดาให้เดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน ทุกคนนั่งประจำตำแหน่งของตนแน่นอนว่านรีกุลคอยบริการดูแลเอาอกเอาใจแม่สามีและผู้เป็นสามีอย่างดี
“เอ่อพี่วัฒน์คะ พรุ่งนี้ช่วยไปส่งนรีที่บรัทเก่าของนรีหน่อยได้ไหมคะ พอดีว่าเขามีจัดงานเลี้ยงและเชิญนรีไปร่วมงานด้วย”
“ได้ครับ จะไปตอนไหนก็บอกพี่นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ รอพี่วัฒน์กลับมาจากโรงพยาบาลก่อนก็ได้ค่ะ”
เป็นเวลาสามวันที่เกสราทรมานใจอย่างแสนสาหัส หล่อนพยายามส่งข้อความหานรวัฒน์แต่เขาก็ทำเพียงเพิกเฉยต่อข้อความของเธอ เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ และวันนี้เป็นวันที่เขาจะกลับมาทำงานตามปกติเธอจะต้องถามเขาให้รู้เรื่องกันไป
“หน้ายุ่งเชียวเป็นอะไรไปครับ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณนัทหรอกค่ะ”
“แหม คนเคยๆกันไม่ต้องพูดจาห่างเหินกันขนาดนั้นก็ได้ครับ” วรเวชเรียนหมอรุ่นเดียวกับนรวัฒน์ อีกฝ่ายตามจีบเกสรามาตลอดจนกระทั่งหญิงสาวยอมคบหาด้วยช่วงหนึ่งเพราะต้องการใกล้ชิดนรวัฒน์มากขึ้น เขาเป็นผู้ชายเกเรคนหนึ่งที่อยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้ เขายังไม่ทิ้งลายความเจ้าชู้มีวันไนท์สแตนด์อยู่บ่อยครั้งจนเกสราขอเลิกเพราะกลัวจะติดโรคจากเขา ทั้งที่เขาเซฟตัวเองอย่างดีมาตลอด หลังจากที่เลิกรากับหญิงสาวก็ไปเรียนต่อเฉพาะทางที่ต่างประเทศและตอนนี้เขากลับมาอยู่เมืองไทยถาวรแล้ว