บทที่1
ใบสำคัญการหย่าปลิวตกลงไปอยู่ที่พื้นพร้อมกับเสียงหวีดร้องดังขึ้นเมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาชนชายหนุ่มจนล้มลงจมกองเลือด ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ต่างรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแถมคนชนยังหนีไปแล้วไม่แม้แต่จะลงมาดูคนเจ็บ ทุกคนได้แต่ภาวนาขอให้ชายหนุ่มปลอดภัยเพราะสงสารผู้หญิงที่กำลังร้องไห้แทบขาดใจคนนี้เหลือเกิน
“กรี๊ดด ไม่นะไม่ หมอจะตายไม่ได้นะคะเรายังไม่ได้แต่งงานกันเลย ฮึกๆแล้วไหนจะสมบัติของหมอที่ควรจะเป็นของสราละคะ” สรากรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง หล่อนไม่ได้ห่วงชีวิตของเขาแต่ห่วงสมบัติของเขาเสียมากกว่า ซึ่งชายหนุ่มมีอาการสาหัสใครพบเห็นก็ต้องคิดไปในทางเดียวกันว่าเขาอาจจะไม่รอด
“ฮึกๆ ฮือ เธอหยุดปากมากสักทีได้ไหม” หญิงสาวหันไปตวาดเกสราเสียงดัง เกสราสติแตกหล่อนวิ่งหนีไปอีกทาง ส่วนหญิงสาวตะโกนบอกให้ผู้คนที่พบเห็นเหตุการณ์เรียกรถพยาบาลให้กับชายหนุ่มที่นอนจมกองเลือดอยู่ในอ้อมแขนบอบบางของเธอจากนั้นก็ก้มลงไปพูดกับอดีตสามีหมาดๆของตน
“เรียกรถพยาบาลหน่อยค่ะ ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ฉันที ฉันขอร้อง ถึงเราจะไปต่อด้วยกันไม่ได้แต่นรีก็ไม่ได้อยากให้พี่ตายนะ พี่จะทำให้ลูกต้องกำพร้าพ่อไม่ได้นะคะ พี่ได้ยินนรีไหมคะ” ชาวบ้านบางส่วนซุบซิบนินทาเรื่องของเขาและเธอกันอย่างสนุกปาก บ้างก็ว่าเพราะความมักมากของชายหนุ่มทำให้ต้องมีจุดจบแบบนี้ บ้างก็เอ่ยปลอบขวัญหญิงสาวว่าดีแล้วที่ตัดสินใจหย่าขาดกับผู้ชายที่ปันใจให้กับผู้หญิงคนอื่น ชายหนุ่มในห่วงวินาทีสุดท้ายได้ยินเสียงด่าทอและเสียงหญิงสาวร้องไห้แทบขาดใจ เธอกำลังพูดถึงลูก ลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาใช่ไหม ลูกที่เขาและเธอวาดหวังเอาไว้อย่างสวยงาม เขาเอ่ยคำว่าขอโทษในใจก่อนที่จะหมดสติไป
“ไม่นะ” ชายหนุ่มสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลที่เป็นที่ทำงานของเขา เหตุการณ์เมื่อสักครู่แท้จริงแล้วเขาแค่ฝันร้ายไปใช่ไหมแต่มันเหมือนจริงทุกอย่างเลยล่ะ ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูมาเปิดดูวันที่แล้วเขาก็พบว่ามีบางอย่างแปลกไป ความจริงแล้ววันนี้ควรจะเป็นวันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2566 ซึ่งก็คือวันที่ภรรยาของเขานัดให้เขาไปจดทะเบียนหย่า แต่วันที่ที่ปรากฏบนหน้าจอกับเป็นวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2565 มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชายหนุ่มไม่รอช้าเรียกพยาบาลหน้าห้องให้เข้ามาหา และคนที่เข้ามาใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่เขาปันใจจากภรรยาไปให้นั่นเอง
“คุณหมอมีอะไรให้สรารับใช้หรอคะ” เกสราถามคุณหมอหนุ่มเสียงหวาน วันนี้เธอซื้อน้ำหอมกลิ่นใหม่มาและหวังว่าคุณหมอนรวัฒน์จะชอบมัน
“วันนี้วันที่เท่าไรครับ”
“วันนี้วันที่ 20 ตุลาคม ค่ะ คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าคะหรือว่าตารางผ่าตัดมีปัญหาอะไรตรงไหน”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมยังมีผ่าตัดต่อใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้วค่ะ แต่ว่าตอนนี้พักเที่ยงแล้วเราออกไปหาของอร่อยๆทานกันดีไหมคะ สราหิวจะแย่แล้ว วันนี้คนไข้เยอะมากสราปวดตัวไปหมด ไม่รู้ทำไมถึงมารวมตัวกันในวันนี้ซะเยอะแยะ” คำพูดที่ดูสนิทสนมทำให้เขาเริ่มประติดประต่อเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเขาย้อนกลับมาในอดีตอีกครั้ง กลับมาตอนที่ภรรยาคนสวยยังไม่รู้ว่าเขานอกใจเธอ
“อะ โอ๊ย” จิตใต้สำนึกของเขาได้ยินเสียงร้องไห้แทบขาดใจของภรรยาอีกครั้ง ครั้งนี้มันทำให้เขารู้สึกปวดหัวจนแทบจะเป็นบ้าในอีกไม่ช้า
“คุณหมอ! ที่รักเป็นอะไรไปคะ” เกสราร้องถามด้วยความตกใจเมื่อชายหนุ่มมีอาการปวดหัวจนดิ้นทุรนทุราย เกสราจึงเรียกพยาบาลคนอื่นๆให้เขามาช่วยและพาเขาไปส่งที่ห้องฉุกเฉินในเวลาต่อมา หล่อนไม่ยอมผละห่างจากนรวัฒน์จนวุฒิกรต้องเอ่ยสั่งห้ามใครเข้ามายุ่งกับเพื่อนของเขาเสียงดัง เกสราหน้ามุ้ยยอมจำนนหมุนตัวเดินห่างออกไป ชายหนุ่มสลบไปราวๆสองชั่วโมง ตารางผ่าตัดของเขาจึงต้องเลื่อนออกไปก่อนส่วนเคสที่ด่วนก็เลยต้องให้คุณหมอท่านอื่นมาช่วยจัดการแทน
“ไอ้วัฒน์นะไอ้วัฒน์ สักวันแกจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้ ปัญหาใครก็ปัญหามันเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาละกันนะ” วุฒิกรบอกกับคนเป็นเพื่อนอย่างปลงๆ เขาไม่รู้อะไรทำให้นรวัฒน์ไปชอบเกสราได้ทั้งๆที่ตัวเองก็แต่งงานมีครอบครัวแล้ว
“อื่อ” ชายหนุ่มส่ายศีรษะไปมาช้าๆ รู้สึกมึนงงไม่น้อยที่ตัวเองนอนอยู่บนเตียงคนไข้ คนแรกที่เขามองเห็นคือภรรยาของเขานั่นเอง
“ที่รักฟื้นแล้ว พี่เป็นอะไรไปคะรู้ไหมว่านรีตกใจแทบแย่ตอนที่พี่หมอวุฒิโทรบอกว่าพี่สลบไป” นรีกุลร้องถามด้วยความดีใจที่อีกฝ่ายฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว เธอตกใจมากเมื่อทราบข่าวรีบขับรถตรงมาหาผู้เป็นสามีทันที เธอต้องขอบคุณที่คุณหมอวุฒิกรที่ช่วยเหลือสามีของเธอเอาได้และตอนนี้เขาฟื้นแล้ว
“พี่ขอโทษที่ทำให้นรีตกใจนะครับ นี่พี่เป็นอะไรไป” ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงแผ่วเบา ใจจริงที่เขากล่าวขอโทษเธอนั้นคือเรื่องราวเลวร้ายที่เขาทำไว้กับเธอต่างหาก
“พี่สลบไปค่ะแต่แค่พี่ฟื้นขึ้นมานรีก็ดีใจมากแล้วค่ะ นรียังไม่ได้บอกคุณแม่ท่านนะคะกลัวท่านจะเป็นลมไปซะก่อนถ้ารู้เรื่องเข้า ยังปวดหัวไหมคะ”
“ไม่แล้วครับ ขอบคุณครับ”
“แกก็แค่พักผ่อนไม่เพียงพอน่ะ สงสัยฉันจะต้องหาคนมาช่วยแกเพิ่มแล้วล่ะ” บอกตามตรงว่าวุฒิกรเองก็ตกใจไม่น้อยกับอาการของคนเป็นเพื่อน เขาไม่คิดเลยว่าคนที่ดูร่างกายแข็งแรงอย่างนรวัฒน์บทจะล้มป่วยก็ล้มป่วยอย่างง่ายดาย
“นรีขอพาพี่วัฒน์กลับบ้านเลยได้ไหมคะ นรีว่ากลับไปพักที่บ้านจะสะดวกกว่า อีกอย่างกลัวคุณแม่ท่านเป็นกังวลด้วยค่ะเพราะท่านมักจะแวะมาทานข้าวเย็นด้วยกัน ถ้าไม่เจอพี่วัฒน์ความต้องแตกแน่ๆ” เมื่อได้เห็นอาการเป็นห่วงเป็นใยของนรีกุลทำให้นรวัฒน์ยิ้มบางๆออกมา ทุกลมหายใจเข้าออกของนรีกุลมีแต่นรวัฒน์มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เธอและเขาเจอกันครั้งแรกที่ชมรมค่ายอาสาของมหาวิทยาลัย พวกเราเรียนกันคนละคณะแต่ไม่รู้อะไรดลใจให้มาเจอกันที่ค่ายอาสาที่จังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ เขาเป็นรุ่นพี่ของเธอสองปีและเขามีหน้าที่ดูแลรุ่นน้องที่ไปค่ายอาสาด้วยกัน นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกประทับใจในความเอาใจใส่ของเขา ทั้งที่เธออาจจะไม่รู้ว่าเขาเอาใจใส่ดูแลทุกคนเหมือนกันหมด
“ได้สิครับ แต่รอน้ำเกลือขวดนี้หมดก่อนก็แล้วกันนะครับน้องนรี วัฒน์มันไม่เป็นอะไรไปง่ายๆหรอกครับ” วุฒิกรพยายามพูดปลอบใจภรรยาของเพื่อน
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ แต่จะว่าไปพี่วุฒิก็ช่วยเหลือนรีกับพี่วัฒน์มาตลอดเลย” เอนึกขอบคุณเขามาตลอดที่เขาคอยให้การช่วยเหลือทุกอย่างแม้กระทั่งวันงานแต่งงานก็ยังช่วยหาโรงแรมให้
ในอดีตนรีกุลตกหลุมรักนรวัฒน์ตั้งแต่แรกเห็น หล่อนตั้งมั่นกับตนเองว่าจะต้องเป็นเขาเท่านั้นที่จะมาทำหน้าที่พ่อของลูกในท้องของเธอ เธอพยายามพาตัวเองไปในจุดที่เขาชอบไป พยายามเปลี่ยนสไตล์ของตัวเองเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเขา เธอมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเขาเป็นคนเก่งสามารถอธิบายปัญหาที่เธอค้างคาใจได้อย่างทะลุปุโปร่ง
“พี่หมอเก่งจังเลยค่ะ รู้ไหมคะว่านรีแก้โจทย์มาตั้งสองวันแหนะ”
“ฝึกทำบ่อยๆเดี๋ยวก็คิดได้ครับ” ชายหนุ่มตอบกลับท่าทีสบายๆ เขาช่างไม่รู้เลยว่าคนสมองช้าอย่างเธอวิชาการคำนวณน่ะมันยากแค่ไหน
“นรีขอเลี้ยงน้ำพี่สักแก้วได้ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกไปอย่างมีความหวัง ถึงแม้ว่าเขาจะปฏิเสธอย่างน้อยเธอก็ถือว่าได้ถามออกไปแล้ว
“ขอบคุณครับ พี่กำลังหิวน้ำอยู่พอดีเลย”
“งั้นเราไปที่ร้านของคณะพี่แล้วกันนะคะ”
“ครับ” หญิงสาวมีโอกาสได้เดินเคียงคู่กับเดือนของคณะเข้าไปในร้าน แน่นอนว่าหล่อนตกเป็นเป้าสายตาเพราะได้เดินเคียงข้างนรวัฒน์อย่างเปิดเผย ชายหนุ่มหามุมนั่งระหว่างรอเครื่องดื่ม วุฒิกรเห็นเพื่อนก็เดินเข้ามาทักทายพร้อมทั้งเอ่ยแซวที่วันนี้เพื่อนของเขาไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว
“วันนี้มีสาวมาด้วยหรอไอ้วัฒน์ พี่ชื่อวุฒินะครับ ถ้าไอ้วัฒน์มันหยิ่งมากนักก็หันมาสนใจพี่ได้นะครับ” วุฒิกรพอเห็นสาวๆหน้าตาน่ารักก็เริ่มวาดลวดลาย
“อย่าทำให้น้องเขาเสียคนเลย”
“คิกๆ พี่สองคนนี่คงจะทะเลาะกันเป็นประจำใช่ไหมคะ หนูชื่อนรีกุลค่ะ พี่วุฒิเรียกว่านรีก็พอ” หญิงสาวเอ่ยแนะนำตนเองกับอีกฝ่ายเสร็จสรรพ
“นรีหรอครับ ชื่อก็เพราะหน้าตาก็น่ารัก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ชายหนุ่มยื่นมือไปตรงหน้าของหญิงสาวแต่ก็โดนเพื่อนของตัวเองขัดขึ้นเสียก่อนจนหน้ามุ้ย
“ถึงคิวแล้วครับ” เขาไม่อยากให้เพื่อนของเขามายุ่งกับหญิงสาวเลยรีบให้เธอลุกขึ้นไปหยิบเครื่องดื่มมาให้ตน
“อะ เอ่อนรีขอตัวไปรับเครื่องดื่มก่อนนะคะ” หญิงสาวรีบลุกขึ้นเดินไปรับเครื่องดื่มที่สั่งเอาไว้
“ครับ”
“ทำเป็นหวงไปได้ชอบน้องเขาหรือไง”
“เปล่า ก็บอกแล้วว่าไม่อยากให้น้องเขาเสียคน”
“โธ่ๆไอ้เพื่อนรักจอมปากแข็ง ไม่รู้ใจตัวเองน่ะสิ” หมอวุฒิกรเรียกได้ว่าเป็นกามเทพให้คู่ของเธอเลยก็ว่าได้เพราะวุฒิกรเป็นคนบอกมารดาของนรวัฒน์ว่านรวัฒน์นั้นกำลังคบหาดูใจอยู่กับรุ่นน้องคนหนึ่งทั้งที่ความเป็นจริงเป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายเข้าหาชายหนุ่มก่อน นรวัฒน์เองก็ยังไม่มีใครเลยเอ่ยขอรุ่นน้องคบหาด้วย หญิงสาวดีใจมากที่ในที่สุดก็ได้อยู่ในสายตาของนรวัฒน์ พอมารดานรวัฒน์รู้ท่านก็รบเร้าให้นรวัฒน์พาแฟนสาวมาเปิดตัวกับท่าน วันนั้นหญิงสาวสวมชุดเดรสดอกเดซี่สีขาวไม่สั้นไม่ยาวเกินไปดูน่ารักเหมาะสมกับวัย พอท่านได้พบเจอกับนรีกุลท่านก็รู้สึกถูกชะตากับเธอมากๆ ช่วงหลังท่านชวนเธอออกไปไหนด้วยกันบ่อยๆจนคนอื่นคิดว่าเธอเป็นลูกสาวของท่านอีกคน