ปัจจุบัน
“เพราะเราเป็นคนกันเองไงครับ นรีไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกครับ” หญิงสาวพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้วเธอก็หันมาสอบถามอาการคนบนเตียงอีกครั้ง แววตาที่สื่อถึงความเป็นกังวลทำให้เขารู้สึกปวดหัวใจขึ้นมาแปลบๆจนต้องยกมือขึ้นมากุมอัตโนมัติ เขากล้าทำแบบนั้นกับเธอได้อย่างไร ทำไมเขาถึงได้คิดสั้นแบบนั้นนะ
“ทำหน้าเครียดทำไมคะหรือว่าปวดหัวอีกแล้ว” หญิงสาวถามออกไปด้วยความร้อนรน
“ไม่ใช่หรอกครับ ที่เครียดน่ะก็เพราะว่าคิ้วของนรีขมวดต่างหาก”
“นรีเป็นห่วงนี่คะจะไม่ให้เครียดได้ยังไง ปกติพี่วัฒน์เป็นคนแข็งแรงจะตายไป นรีตกใจมากเลยรู้ไหมคะ”
“ครับๆ พี่จะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว” ชายหนุ่มยื่นมือออกไปกุมมือบางเอาไว้อย่างต้องการจะถ่ายทอดให้เธอรู้ว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว ขณะที่ภายในห้องบรรยากาศที่เคยอึดอัดลดลงอย่างรวดเร็วแต่ว่านอกห้องกับเริ่มร้อนขึ้นดั่งไฟเผาไหม้ สิ่งนั้นมันคือเพลิงที่อยู่ในใจของเกสรานั่นเอง หญิงสาวรู้สึกริษยานรีกุลตั้งแต่แรก หล่อนเองก็เป็นคนหนึ่งที่แอบชอบรุ่นพี่อย่างนรวัฒน์อยู่ห่างๆ หลังจากเรียนจบพอรู้ว่าเขามาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้เธอก็ตามมาสมัครด้วย และโชคก็เข้าข้างเมื่อเธอได้มาทำตำแหน่งหน้าห้องให้คุณหมอหนุ่มที่เธอหลงรัก เธอพยายามจัดขวางพยาบาลคนอื่นๆที่แวะเวียนมาขายขนมจีบคุณหมอหนุ่มจนไม่มีใครอยากมายุ่งอีก สุดท้ายในสายตาของเขาจึงมีแต่เธอเพียงผู้เดียวเท่านั้น
“ฉันจะไม่มีวันให้แกได้เสวยสุขหรอกนังนรี แกจะต้องทนทุกข์” เกสราจ้องมองนรีกุลด้วยสายตาที่เครียดแค้น สักวันหล่อนจะทำให้นรีกุลต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า ผู้ชายไม่รักหล่อนยังจะจับเขาเอาไว้ด้วยทะเบียนสมรสอย่างหน้าไม่อาย
นรีกุลพาผู้เป็นสามีกลับมาที่บ้านซึ่งเป็นเรือนหอของคนทั้งคู่ เรือนหอหลังนี้หญิงสาวตั้งใจเลือกแบบเองหล่อนเคยถามคนตัวโตแล้วเขาตอบกลับมาเพียงว่าเอาตามแบบที่เธอชอบก็พอ นรวัฒน์กลับมาพักผ่อนที่บ้านแล้ว หญิงสาวให้ชายหนุ่มทำเรื่องลาไว้สามวัน แน่นอนว่านรีกุลดูแลคนรักได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งเห็นเธอยิ้มเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นมาในหัวใจ ถ้าเธอสามารถรู้อนาคตได้เธอคงตัดสินใจหย่าขาดกับเขาซะตั้งแต่วันนี้แน่ๆ
“พี่วัฒน์ดื่มนมอุ่นๆก่อนนะคะ เดี๋ยวนรีจะลงไปดูความเรียบร้อยข้างล่างสักหน่อย”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับแก้วนมมาดื่ม หญิงสาวยืนมองจนเขาดื่มนมหมดแก้วแล้วรับแก้วเปล่ากลับมาถือไว้เอง
“เดี๋ยวนรีมานะคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มรู้สึกดีไม่น้อยกับการเอาใจใส่ของภรรยาที่เขาไม่เคยเอาใจใส่เธอเลยตลอดสองปีที่แต่งงานกันมาโดยอ้างว่างานของเขานั้นยุ่งมาก ยุ่งจนไม่มีเวลามาคิดเรื่องไร้สาระใดๆทั้งนั้น ทำไมนะทำไมเขาถึงมองเห็นความหวังดีที่เธอมอบให้ช้าเหลือเกิน ขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงนอนรอคอยให้หญิงสาวกลับขึ้นมาพักผ่อน
“ทำไมยังไม่นอนละคะ นี่สี่ทุ่มกว่าแล้วนะคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็เขาๆล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง เวลานี้เธออยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ผืนเดียวกับเขา
“นอนพักทั้งวันแล้วมั้งครับ”
“ก็คงจะจริงค่ะ ลองนับแกะไหมคะเผื่อจะหลับ”
“ทฤษฎีนี้ใช้กับทุกคนไม่ได้หรอกครับ” ชายหนุ่มตอบกลับยิ้มๆ การได้มองรอยยิ้มของเขาเป็นอะไรที่ดีมากๆ
“งั้นนรีขอนอนก่อนนะคะ นรีรู้สึกง่วงแล้ว” ชายหนุ่มถือวิสาสะรั้งร่างบางเข้ามาใกล้เมื่อเธอทำท่าจะพลิกตัวไปอีกฝั่งของเตียง การกระทำของเขาทำให้ใจของเธอเต้นระรัว ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา เขาได้กลิ่นกายหอมๆจากนรีกุลแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เธอยอมนอนนิ่งๆให้เขากอดจนเผลอหลับไปด้วยกัน วันรุ่งขึ้นนรวัฒน์ตื่นนอนมาก็ไม่พบกับคนข้างกายแล้ว เขาไม่รู้ว่าเธอลุกออกจากห้องมาทำไมตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำก็ได้เห็นว่าเธอเตรียมทุกอย่างให้เขาแล้วแม้กระทั่งกางเกงชั้นใน ชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัวและลงไปยังชั้นล่าง พอลงมาถึงก็มีสาวใช้มาคอยอยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณวัฒน์ เช้านี้รับกาแฟดำเหมือนเดิมนะคะ”
“กลิ่นหอมอะไร”
“ข้าวต้มร้อนๆเลยค่ะ คุณวัฒน์รับสักถ้วยไหมคะ” สาวใช้เอ่ยถามเสียงใสถ้าวันนี้ผู้เป็นเจ้านายรับสักถ้วยนายหญิงของเธออย่างนรีกุลก็คงจะยิ้มหน้าบาน
“เอามาสิ”
“ได้เลยค่ะรอสักครู่นะคะ” ชายหนุ่มเดินไปนั่งรอที่ห้องอาหาร ส่วนอิ่มรีบวิ่งเข้าไปในครัวเพื่อบอกข่าวดีกับเจ้านายของตนว่าวันนี้ชายหนุ่มจะรับประทานอาหารเช้าที่เป็นอาหารเช้าจริงๆไม่ใช่กาแฟดำ
“จริงหรอจ๊ะ” หญิงสาวถามกลับตาโต ดีใจที่จะได้ทานข้าวพร้อมหน้ากับผู้เป็นสามีเพิ่มอีกหนึ่งมื้อเพราะปกติเธอจะได้ทานข้าวพร้อมกับเขาในมื้อเย็น แต่ช่วงหลังเขามักจะไม่ได้กลับมาทานด้วยกันเพียงเพราะว่ามีงานด่วนเป็นประจำ เขากลับมาบางทีเธอก็เข้านอนไปแล้ว
“จริงสิคะ ตอนนี้คุณวัฒน์นั่งรอที่ห้องอาหารแล้วค่ะ คุณนรีออกไปนั่งรอข้างนอกเถอะค่ะเดี๋ยวอิ่มกับเอมตักไปเสิร์ฟให้เอง”
“ขอบคุณจ้ะ” บ้านหลังใหญ่แห่งนี้กลับมาคึกคักเพราะปกติแล้วจะมีเพียงเธอและสาวใช้อีกสองคนเท่านั้นแต่วันนี้มีคนตัวโตมานั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นหลังจากที่รับประทานข้าวต้มร้อนๆเป็นมื้อเช้าแสนอร่อย เธอดีใจที่วันนี้เขาทานมันจนหมด
“วันนี้คุณวัฒน์ทานหมดด้วยนะคะ” อิ่มที่คอยสังเกตการณ์รีบรายงานเจ้านายของตนน้ำเสียงกระซิบกระซาบ
“จ้ะ นรีเห็นแล้ว” หญิงสาวตอบกลับยิ้มๆในใจเป็นสุขเหลือเกินที่เขาไม่ปฏิเสธความหวังดีที่เธอมอบให้เพราะปกติแล้วเขาจะไม่ยอมทานข้าวเช้าก่อนไปทำงานโดยอ้างว่าเดี๋ยวจะไปทำงานสาย เขาจึงขอแค่กาแฟดำจากอิ่มหรือเอมเท่านั้น
“อยากทานอะไรอีกไหมคะพี่วัฒน์”
“พี่อิ่มแล้วครับ ใครทำข้าวต้มหรอครับพี่ว่าอร่อยดีนะกลิ่นก็หอม”
“ไม่ใช่อิ่มกับเอมแน่นอนค่ะคุณวัฒน์” สาวใช้รีบปฏิเสธออกไปยิ้มๆ งั้นแสดงว่าคนที่ตั้งใจโชว์ฝีมือการทำอาหารก็ต้องเป็นภรรยาของเขาน่ะสิ
“งั้นก็แสดงว่า...”
“นรีทำเองค่ะ ตั้งใจตื่นนอนมาทำข้าวต้มให้คนป่วยของนรีเลย”
“พี่ไม่ได้ป่วยนะครับ พี่แข็งแรงดี”
“คนป่วยปากแข็งนะคะ ว่าแต่นรีก็เคยทำข้าวต้มให้พี่ทานนี่คะทำไมถึงเพิ่งมาชมกันละคะ” หญิงสาวเอียงคอถามด้วยความสงสัย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่เธอเข้าครัวเพื่อเขา
“สงสัยคงเป็นเพราะนรีทำมาให้พี่หลายเมนูมั้งครับพี่ก็เลยลืมน่ะ”
“ก็จริงค่ะ นรีชอบทำอาหารให้พี่วัฒน์ทานทุกวันเลย ไม่ทานมื้อเช้าแต่ทานมื้อกลางวันของนรี นรีก็ดีใจแล้วค่ะ” นรวัฒน์รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเพราะเขานั้นมีความผิดที่ไม่ยอมทานอาหารฝีมือของภรรยาสาว เธอตั้งใจทำให้เขาทานแต่เขากลับให้เกสราเอาอาหารเหล่านั้นไปจัดการและแน่นอนว่ามันถูกทิ้งเอาไว้ในถังขยะใบใหญ่ทุกวัน โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ารสชาติมันวิเศษขนาดไหน
“เหนื่อยเกินไปหรือเปล่าครับ” เขาถามออกไปน้ำเสียงจริงจัง เขาไม่อยากให้เธอต้องทุ่มเทให้เขามากมายขนาดนั้น
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ อย่าลืมสิคะว่าที่นรีลาออกจากงานก็เพราะมาทำหน้าที่ภรรยาของพี่วัฒน์อย่างเต็มที่” หลังจากที่ลาออกมาอยู่บ้าน เธอก็ฝึกฝนเรียนทำอาหารอย่างหนักเพื่อที่จะเอาใจคนตัวโต คุณครูสอนทำอาหารยังชมเลยว่าเธอมีพัฒนาการที่ดีมากเรียนรู้ได้ไวและมีความคิดสร้างสรรค์
“ความจริงพี่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องที่นรีลาออกนะครับเพราะมันเป็นงานที่นรีรักไม่ใช่หรอครับ”
“แต่นรีรักพี่วัฒน์มากกว่าไงคะ นรีถึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วตอนที่คุณแม่ยื่นข้อเสนอมาให้นรี ว่าแต่พี่วัฒน์รักนรีบ้างหรือเปล่า” เธอบอกรักเขาจนชินปาก เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้บอกความในใจของตนออกไป
“อะ เอ่อครับ พี่ขอตัวก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแทนยังเดินผละห่างออกไปดื้อนั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกน้อยใจเหลือเกิน เขาไม่เคยบอกรักเธอเลย แต่งงานกันมาสองปีความสัมพันธ์แบบแนบชิดแทบจะนับครั้งได้ เธอไม่ดีตรงไหนหรือเขาถึงไม่สนใจกันเลย เขามัวแต่สนใจงานของเขามากกว่าภรรยาอย่างเธอ ด้านนรวัฒน์ที่ต้องผละห่างออกมาเพราะเขานั้นยังตั้งตัวไม่ทัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นมากุมที่ตำแหน่งของหัวใจเพราะตอนนี้มันกำลังเต้นระรัวเหมือนกับว่าเขาเป็นวัยรุ่นแรกรักอย่างไงอย่างนั้น เขายอมรับว่าความรู้สึกที่เคยมีให้หญิงสาวมันเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เธอสามารถเข้ามาอยู่ในหัวใจของเขาได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังจัดการปัญหาของตัวเองไม่ได้ เขาอยากบอกรักเธอในวันที่ทุกอย่างมันปลอดโปร่งและได้เป็นตัวของตัวเอง
ชายหนุ่มระบายความอึดอัดในใจด้วยการว่ายน้ำไปมาอยู่ในสระที่นับครั้งได้เลยที่เขาจะลงมาว่าย ไม่กี่นาทีก่อนหน้าเขาได้รับข้อความจากเกสรา เขาแอบเห็นว่าหล่อนถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างทำไมไม่โทรไปหาหล่อนบ้าง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงเลือกที่จะทิ้งข้อความเอาไว้แบบนั้นไม่ได้กดเข้าไปอ่าน
นวลพรรณเดินทางมาที่บ้านของลูกชายเพราะเพิ่งจะทราบเรื่องที่ลูกชายหมดสติถูกหามส่งห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลจากปากของนางพยาบาลเก่าแก่ที่นางไว้ใจ หล่อนรู้ว่าทั้งลูกชายและลูกสะใภ้เป็นห่วงความรู้สึกของหล่อนแต่หล่อนคิดว่ามีอะไรบอกกันตรงๆจะดีเสียกว่าปิดบังเอาไว้
“คะ คุณแม่สวัสดีค่ะ” นรีกุลตกใจไม่น้อยกับการปรากฏตัวของแม่สามี นั่นก็แสดงว่าท่านรู้เรื่องที่เธอและผู้เป็นสามีพยายามปกปิดแล้ว
“เจ้าตัวดีของแม่อยู่ไหนจ๊ะหนูนรี”
“พี่วัฒน์อยู่ที่ห้องทำงานค่ะ” หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงแผ่วเบารู้เลยว่ามารดาของชายหนุ่มจะต้องปรี๊ดขึ้นมาเสียงดัง
“อะไรกัน ได้ข่าวว่าไม่สบายยังจะมัวอยุ่แต่ในห้องทำงานอีกหรอ หนูนรีพาแม่ไปหาตาวัฒน์เดี๋ยวนี้เลย”
“ค่ะ คุณแม่เชิญทางนี้เลยค่ะ”