ตอนที่ 3 ดีลลับของฝีพายมือหนึ่ง 1/2

2269 Words
ร้านบ้านเพื่อน บุ๊กคาเฟ่แสนอบอุ่น นอกจากจะมีเครื่องดื่มที่ใส่ใจทุกขั้นตอนแล้ว เบเกอรี่ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยเจ้าของเป็นเชฟมือทอง ไม่ว่าจะคาวหรือหวานเจ้าหล่อนสามารถเนรมิตให้รสเลิศเหมือนเสกได้ โดยเฉพาะของหวาน อคิราห์จบคหกรรมศาสตร์ และยังมีประกาศนียบัตรของหลักสูตรดังจากฝรั่งเศสมาการันตีข้างฝาผนังอีกด้วย เรียกได้ว่าอบขนมแต่ละครั้ง กลิ่นคลุ้งลั่นไกลออกไปนอกร้าน มาด้านของผู้รับผิดชอบเครื่องดื่มกันบ้าง ‘งามรัมภา’ หรือ ‘เกี๊ยว’ นอกจากปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจแล้ว เธอนั้นไม่ได้จบหลักสูตรแสนแพงแบบเพื่อนสนิทมาก็จริง แต่เรื่องคลั่งไคล้เมล็ดกาแฟล่ะขอให้บอก เรียกได้ว่าเป็นมาตั้งแต่รุ่นพ่อส่งต่อรุ่นลูกเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ทำให้ร้านบ้านเพื่อนแห่งนี้เป็นจุดเด่น และเรียกลูกค้าเข้าร้านโดยไม่รู้ตัว คือบรรยากาศอันแสนอบอุ่นเหมือนอยู่ในบ้าน และหนังสือมหาศาลที่เจ้าของร้านทั้งสองเอามาไว้ในร้านทั้งสองชั้น ให้ลูกค้าได้อ่านกันฟรี ๆ พร้อมกาแฟแสนหอม และขนมรสเลิศ เครือพวงครามระย้าเต็มหน้าร้าน พันเลื้อยขึ้นไปจนถึงชั้นดาดฟ้า ซึ่งตอนนี้ทั้งสองสาวเองก็ไม่รู้จะใช้ทำอะไรเช่นกัน เป็นมรดกตกทอดมาจากตึกเก่า และได้นำมารีโนเวทเป็นบุ๊กคาเฟ่แห่งนี้ กลายเป็นความวินเทจผสมกับความน่ารักด้วยสีเขียวมิ้นต์และสีชมพูพาสเทลซึ่งถูกนำมาตกแต่งร้านแห่งนี้เป็นโทนสีหลัก กริ๊ง~ เสียงกระดิ่งดังขึ้นพร้อมประตูกระจกกว้างถูกผลักออก เจ้าของร้านซึ่งครองแชมป์เรื่องมาสายเป็นประจำกำลังเดินยิ้มเข้ามา และสิ่งที่ปะทะเป็นอย่างแรกเลยก็คือความหอมกรุ่นของกาแฟและชาหลายชนิด “สาย” คนกำลังหัวหมุนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ถึงกับต้องวางทุกอย่างในมือลง และตำหนิเพื่อนตนเองทันที “เอาน่าเกี๊ยว วันนี้ฉันพาว่าที่ลูกค้าประจำมาด้วยนะ ถือว่ามาสายครั้งนี้คุ้มมาก!” อคิราห์ยิ้มกว้าง ก่อนจะผายมือให้คนเดินตามเข้ามาในร้านติด ๆ “เป็นยังไง ว่าที่ลูกค้าประจำคนนี้กระเป๋าหนักด้วยนะขอบอก” “พี่ราม!!” งามรัมภาดวงตาเบิกกว้าง มองดูคนหน้าคุ้นแสนคิดถึง ยอมสลัดเมล็ดกาแฟดิบซึ่งเจ้าหล่อนกำลังเทใส่เครื่องคั่วทันที พร้อมเดินอ้อมเคาน์เตอร์ใหญ่ไปหาว่าที่ลูกค้าประจำของร้าน “ไงเกี๊ยว” รามสูรยกมือทักทายแน่นอนว่าฉีกยิ้มให้เด็กสาวที่เห็นมาตั้งแต่เด็กอีกคน “โห~ พ่อหนุ่มนักเรียนนอก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน... แก่กว่าที่คิดนะคะ” แต่เรื่องความปากเสียนั้น ขอยกให้เธอเหมือนกัน “อุ๊ย! อุตส่าห์ไม่พูดแล้วนะ” แถมเพื่อนเธออย่างอคิราห์ยังเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย “สามสิบแล้ว จะให้หน้าอ่อนอย่างเมื่อก่อนได้ยังไง” คนโดนทักว่าแก่ไม่โกรธสักนิด แถมยังยิ้มให้เป็นของแถม จนพนักงานในร้านไม่เป็นตาทำอะไร เพราะเอาแต่มองคนแก่อย่างรามสูรไม่วางตา แม้ทั้งสองสาวจะพูดปาว ๆ ว่าแก่ แต่ถ้ามองจากมุมของพนักงานคนอื่น รามสูรหน้าเด็กกว่าอายุจริงเสียอีก “ล้อเล่นน่า~” งามรัมภาตบแขนชายหนุ่มเบา ๆ และหันไปหาเพื่อนด้วยดวงตาขึงขังเล็กน้อย “รีบไปทำงานของแกเลยเอม เดี๋ยวลูกค้าก็มากินหัวหรอก ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ” “รู้แล้ว ๆ แต่...” “ไม่เข้าไปเด็ดขาด... รู้แล้วน่า~ ฉันไม่ไปพังครัวแกหรอก” คนมีความผิดติดตัวถึงกับหลบสายตาหรี่มองของเพื่อนสมัยเด็กทันที “ถ้าอย่างนั้นเอมเข้าไปทำงานของเอมก่อนนะ” คนมีงานรอจนท่วมหัวหันไปหาชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณที่มาส่งเอมนะคะ” “อืม รีบไปทำงานเถอะ เจ้านายเคี่ยวน่าดู” แต่ก็ไม่วายหันมาจิกกัดหญิงสาวอีกคน ทั้งคู่มองตามเชฟขนมหวานเดินหายเข้าไปหลังประตูใกล้เคาน์เตอร์ใหญ่ ซึ่งเด่นตระหง่านด้วยเครื่องชงและบดกาแฟราคาแพง พร้อมตู้กระจกสำหรับวางโชว์ขนมแสนอร่อยซึ่งหายไปกว่าครึ่ง เพราะที่นี่ไม่ชอบให้ของค้างคืน และทำใหม่ทุกวัน ตอนเช้าจึงเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งวุ่นวายที่สุดของเชฟมือทองอย่างอคิราห์ทุกครั้ง... แต่เจ้าหล่อนมักมาสายจนทำเอาเพื่อนสนิทถอดใจที่จะด่า งามรัมภาหันมาพร้อมยิ้มกริ่ม เธอรู้ดีว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันอย่างไร และรู้ลึกไปถึงความรู้สึกของเพื่อนตนเป็นอย่างดี ถึงอคิราห์จะไม่บอกกับเธอโดยตรง แต่คนเป็นเพื่อนผสมจินตนาการไกลคนนี้ มีหรือจะเดาไม่ออก “อยากดื่มอะไรคะพี่ราม เดี๋ยวเกี๊ยวจะดูแลพี่รามแทนไอ้เอมมันเอง” เธอเสนอตัว และลากคนตัวสูงกว่าไปนั่งโต๊ะกลมสีเขียวมิ้นต์สลับสีชมพูพาสเทล ก่อนเจ้าหล่อนเองจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้าม “อร่อยทุกอย่าง รับสั่งมาได้เลย เกี๊ยวจะชงกับมือเองค่ะ” “อ่า~ อเมริกาโน่ก็แล้วกัน” รามสูรไม่ขัดอยู่แล้ว ในเมื่อเจ้าน้องสาวคนนี้เสนอตัวมา งามรัมภารับทราบ ก่อนจะพุ่งตัวไปอยู่ในห้วงมิติแห่งกาแฟของตัวเองทันที รามสูรกวาดสายตาไปทั่วร้านแห่งนี้ โต๊ะมีหลายขนาด ซึ่งทุกชุดล้วนแต่มีโทนสีเดียวกัน ไม่เขียวก็ชมพู ชายหนุ่มรู้ดีว่าอคิราห์ชื่นชอบสีชมพูมาก แต่ถ้ามีสีเขียวมาด้วยแบบนี้ คงเป็นเพราะหุ้นส่วนอีกคนอย่างงามรัมภาแน่นอน แต่กลับเข้ากันอย่างน่าประหลาด แม้สีสันจะดูสะดุดตาไปบ้าง กลับทำให้น่ารักน่ามอง เหมือนเจ้าของร้าน... ซึ่งกำลังหัวหมุนอยู่ในครัวนั่นไง ไม่นานเกินรอกาแฟแสนหอมก็มาเสิร์ฟ พร้อมคนชงมานั่งแป้นแล้นตรงหน้าไม่ยอมไปไหน พอมาทรงนี้แล้วคงไม่ได้มาถามเรื่องรสชาติแน่นอน เจ้าหล่อนต้องมีเรื่องอยากพูดใจจะขาดไม่ผิดแน่ “อะไรเกี๊ยว?” รามสูรถามขึ้น หลังกระดกกาแฟแสนหอมเพียงอึกเดียว “รู้ใจ” “ไม่รู้สิแปลก มีเรื่องอะไรก็ว่ามา พี่มีธุระต่อนะ” แม้ธุระที่ว่าจะไม่ได้เร่งรีบอะไรสักเท่าไหร่ก็ตาม “นั่น” งามรัมภาแหงะใบหน้าไปทางประตูหลังเคาน์เตอร์ ถ้าเปิดไปจะเจอกับความชุลมุนวุ่นวายและกลิ่นขนมอบใหม่ ๆ ตลอดเวลา “ไอ้เอม... มันโสดสนิทแล้วนะพี่ชาย~” “แล้วยังไง?” รามสูรถามด้วยรอยยิ้ม เขารู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังจะสื่ออะไรให้เขาฟัง “จะแล้วยังไงล่ะ เกี๊ยวอยากให้พี่รามจีบไอ้เอมไง จีบแบบจริงจังไปเลย เกี๊ยวเชียร์พี่รามนะ เพราะเกี๊ยวเกลียดไอ้ตำรวจตาถั่วนั่น บังอาจมาทิ้งเพื่อนเกี๊ยวได้ยังไงกัน” เสียงขุ่นมัวมาพร้อมคิ้วเรียงตัวสวยขมวดมุ่น ทุกครั้งที่นึกถึงหน้านิ่ง ๆ ของไอ้ผู้กองใจดำคนนั้น งามรัมภามักหงุดหงิดเสมอ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นมากอดอก แถมเธอยังฮึดฮัดไม่เลิก ประหนึ่งว่าตัวเธอโดนทิ้งเสียเอง “ถ้าเจออีกนะ เกี๊ยวยอมเสียค่าปรับข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงานเลย!” “อย่าพูดเรื่องนี้อีกนะเกี๊ยว เอมคงไม่อยากได้ยิน” นอกจากหญิงสาวแล้ว ชายหนุ่มเองก็ไม่ชอบใจนัก แม้คนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องที่อคิราห์โดนทิ้ง... จะเป็นตัวของรามสูรก็ตาม “เกี๊ยวไม่อยากจะพูดหรอกพี่ราม เพราะแบบนี้ไง พี่รามถึงต้องจีบไอ้เอม มีแค่พี่รามคนเดียวที่มีโอกาสมากที่สุด” “ทำไม?” คิ้วเข้มขมวดมุ่น ไม่เข้าใจกับสิ่งที่งามรัมภาพูดขึ้นมาเลยสักนิด “ไม่รู้จริง ๆ เหรอ?” งามรัมภาจ้องคนช่างไม่รู้อะไร พอเห็นสายตาคมของรามสูรจ้องอย่างต้องการคำตอบขนาดนี้ เธอได้แต่ถอนหายใจ ‘ซื่อบื้อชะมัด... ทั้งคู่เลย!’ “แล้วมันอะไรล่ะเกี๊ยว ไม่บอกพี่จะรู้มั้ย?” ตอนนี้อเมริกาโน่แสนหอมเป็นหมันไปเสียแล้ว เพราะรามสูรอยากรู้เรื่องที่ติดปากงามรัมภาเสียเหลือเกิน “รู้หรือเปล่า ตอนที่พี่รามไปเรียนต่อโดยไม่บอกไอ้เอม มันร้องไห้หนักมากเลยนะ” “...” “และ... ตอนมีข่าวลือว่าพี่ราม... คบกับ... เอ่อ... ดาราที่ชื่อ...” “จีเหรอ?” “ใช่ เธอคนนั้นนั่นแหละ อะไรไปเข้าฝันให้พี่คบกับเธอกัน?” งามรัมภาไม่สบอารมณ์กับเรื่องนี้ที่สุด เมื่อรู้ข่าว สิ่งที่ห่วงมาอันดับแรกก็คือเพื่อนของตน แม้ตอนนั้นอคิราห์จะคบกับตำรวจใจดำคนนั้นก็ตาม “เข้าใจผิดแล้วเกี๊ยว เราไม่ถึงกับคบกันหรอก แค่สนิทกันเฉย ๆ” รามสูรหลบสายตาจับผิดของหญิงสาวตรงหน้าทันที “แล้ว... มันเกี่ยวอะไรกับเอมล่ะ” “เอมมันเสียใจไง ตอนที่พี่ไปเรียนต่อ เกี๊ยวก็พอเข้าใจนะว่าเพราะพี่ไม่บอกมัน มันเลยร้องไห้ใหญ่โตแบบนั้น จนกระทั่งได้ยินข่าวลือนั่นแหละ เลยมั่นใจ...” “มั่นใจอะไร?” “มั่นใจว่าเอมมันก็ยังชอบพี่อยู่ พี่รามเป็นรักแรกของไอ้เอมมันนะ ตอนนี้คนที่จะดามอกของเอมมันได้ มีแค่พี่รามเท่านั้นแหละ คนอื่นเหรอ... ไม่มีวัน” เป็นเรื่องที่รามสูรคนนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะชายหนุ่มมองแค่มุมของตัวเอง จนลืมมองในมุมของอคิราห์ไป เมื่อลองคิดตามคำพูดของงามรัมภาแล้ว รอยยิ้มกลับมาปรากฏบนใบหน้าหล่ออีกครั้ง สิ่งที่มั่นใจเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้กำลังเพิ่มอัตราความสำเร็จมากขึ้นจนเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว “ขนลุกค่ะพี่ราม ยิ้มอะไรคะ?” งามรัมภารีบเอนตัวออกห่างจากชายตรงหน้าทันที เพราะตอนนี้ใบหน้าหล่อของรามสูร ดูเจ้าเล่ห์พิกล “เกี๊ยว” “คะ?” “เกี๊ยวต้องช่วยพี่แล้วล่ะ เพื่อให้อัตราการสำเร็จมันเต็มร้อย... ได้หรือเปล่า?” เป็นคำถามที่ไม่ต้องใช้เวลาหาคำตอบเลยสักนิด “แน่นอนค่ะ!” “ดีล” “ดีลค่ะพี่ราม” สัญญาเป็นอันเสร็จสิ้นเพียงไม่กี่วินาที สองคนจับมือแน่น พร้อมส่งสายตาอันมุ่งมั่นประสานกัน แม้สิ่งที่ทำมันอาจจะผิด แต่เชื่อเถอะว่าการโกหกสีขาวครั้งนี้ ทุกอย่างก็เพื่อเธอ... อคิราห์ ชายหนุ่มเดินออกมา พร้อมของแทนดีลลับเป็นอเมริกาโน่อีกหนึ่งแก้วถือติดมือออกมาด้วย รามสูรใช้มือที่เหลือกดหน้าจอเพื่อต่อสายไปยังคนที่ใช้งานได้ทันที จากนิสัยของคนรอบตัว ตอนนี้ที่คิดออกมีวิธีเดียวเท่านั้น และคนที่พอจะพึ่งได้ ก็คือนักแสดงมากฝีมือ แต่ไม่ค่อยดังจนแทบไม่มีใครรู้จักอย่าง ‘แหวนพลอย’ “ไงแหวน ไม่ได้คุยกันนานนะ เจอกันหน่อยได้หรือเปล่า?” รามสูรทักทายปลายสาย ซึ่งเธอยังงัวเงียเพราะเมื่อคืนเจ้าหล่อนทำพาร์ตไทม์จนดึก [ใครคะ?] เสียงอู้อี้พร้อมผ้าเสียดสีดังเข้ามา ทำเอาคนโทร. หาส่ายศีรษะเบา ๆ “ฉันเอง... ราม” ชายหนุ่มเปิดประตูรถยนต์คันใหญ่ ก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ “มันสายแล้วนะ ตื่นได้แล้ว ฉันมีงานให้เธอทำ” [รามเหรอ?... ราม... ราม...เฮ้ย!!!] คนเมาขี้ตาดีดตัวขึ้นจากที่นอนแสนนุ่มทันที [ระ... รามสูร!!] “เออ ฉันเอง” [ยังไม่ตายอีกเหรอ!?!] ปากเสียแบบนี้ แหวนพลอยแน่นอน ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ทำไมรอบตัวของชายคนนี้ ถึงมีแต่คนปากเสียเยอะจังเลยแฮะ “ยัง ฉันยังแข็งแรงมาก แต่ตอนนี้ฉันต้องการให้เธอช่วยนะแหวน เงินดี... แค่ต้องใช้ฝีมือเธอนิดหน่อย” ชายหนุ่มวางมือถือลงข้างตัว พร้อมเปิดลำโพงให้ดังขึ้น ก่อนจะสตาร์ทเครื่องออกเดินทางอีกครั้ง [ถ้ามาจากคนอื่นฉันจะกระโดดรับเลย แต่พอมาจากแกเนี่ย... ลังเลนะ] “เรียกมาตามที่เธออยากจะได้ ฉันจ่ายไหว” ชายหนุ่มใจป้ำเสียด้วย [เอายังไงดีนะ ถ้าฉันเรียกเป็นหุ้นรีสอร์ตที่บ้านแกสักยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ได้ใช่หรือเปล่า?] “เอาแต่พอดีก็พอ ฉันนึกถึงเธอหรอกนะฉันถึงโทรหา แต่ถ้าไม่อยาก...” [ฉันล้อเล่นน่า~ งานอะไร ไหนลองพูดให้ฟังคร่าว ๆ หน่อย แล้วฉันจะคิดราคาเป็นกันเอง] แบบนี้เท่ากับตกลงไปแล้วเกินครึ่ง “งานง่าย ๆ ที่ต้องใช้ฝีมือการแสดงของเธอ ส่วนเรื่องบทฉันจะจัดการเอง พร้อมเมื่อไหร่เริ่มงานได้เลย เดี๋ยวฉันโอนก้อนแรกให้ เธอส่งเลขบัญชีมาให้ฉันก็แล้วกัน” [ตกลง] กลายเป็นสัญญาอีกฉบับสมบูรณ์แบบ ตอนนี้ก็รอให้ทุกอย่างค่อย ๆ เคลื่อนไปทีละนิดทีละหน่อย ไม่ต้องรีบร้อน ในเมื่อรามสูรคนนี้รอมาตั้งหลายปีกว่าจะได้โอกาสสำคัญ เขาไม่มีวันพลาดโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน เพราะเขาจะไม่มีวันทำเธอหลุดลอยไปอีกเด็ดขาด!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD