บทนำ แม่หมอตาเพชร
ความกลัดกลุ้มซึ่งกินเวลามานาน ทำให้พวกเธอมายังอาสมชั่วคราวของแม่หมอตาเพชรคนนี้ เห็นเขาว่าแม่นนักแม่นหนาราวกับตาเห็น แม้ว่าจะดูอย่างไร หญิงซึ่งนั่งหลับตาอยู่บนอาสนะยกพื้นไม้สักทองตรงหน้า อายุเจ้าหล่อนน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับลูกหลานของตนก็ตาม
ดวงตาทั้งสามคู่จับจ้องหญิงสาวในชุดรุ่มร่ามสีขาวทั้งตัว เครื่องหน้าแต่งด้วยเครื่องสำอางจัดจนมองไม่เห็นเค้าโครงเดิม เรือนผมยาวสีดำถูกมัดรวบจนตึงชนิดเส้นผมไม่กระดิกเลยสักเส้น รอบกายนอกจากลูกศิษย์ที่ติดพ่วงมาด้วยแล้ว ยังเต็มไปด้วยดอกไม้ บายศรี และสิ่งที่สะดุดตาที่สุด
อ่างน้ำมนต์ทองเหลืองขนาดใหญ่ ชนิดแมวโตเต็มวัยหากตกลงไปคงเปียกทั้งตัว แต่ช่างมันก่อน เพราะสิ่งที่สำคัญคือหญิงสาวผู้มีพลังพิเศษคนนี้ต่างหาก นี่ก็นานแล้วนะ เจ้าหล่อนยังหาคำตอบที่สมเหตุสมผลไม่ได้เลย
‘ไอ้ราม ไอ้เพื่อนเวร!’
ดวงตากลมเบิกโพลง! พร้อมกับแรงสะดุ้งของสามสาววัยเกษียณตรงหน้า พวกเธอพนมมือนั่งลุ้นคำตอบที่ตนเองอยากรู้ใจแทบขาด โดยมีหญิงชราเป็นหัวหอกนั่งเสียใกล้ ไม่รู้เพราะหูเริ่มไม่ดี หรืออยากรู้จนทนไม่ได้กันแน่
“วะ... ว่ายังไงแม่หมอ พอจะหาทางให้หลาน ๆ ฉันได้หรือเปล่า?” เสียงเริ่มแหบตามอายุเกือบเลขเจ็ด แต่ใบหน้ากลับยังดูสดใสไม่เหมือนคนวัยชราเลยสักนิด กำลังถามด้วยความกังวลใจ ทั้งเรื่องหลานของตัวเอง และเด็กสาวที่เห็นมาตั้งแต่ยังเดินไม่คล่อง
“นั่นสิแม่หมอ ไอ้เอมมันเพิ่งมีเรื่องมา ช่วงนี้ดวงมันตกใช่ไหม อันตรายมากหรือเปล่า?” คนเป็นแม่ถามด้วยความกังวลจนคับอก
“ใช่ ๆ รามลูกฉันเพิ่งกลับมาค่ะ อยากรู้ว่ามันจะพ้นเคราะห์หรือยัง ฉันไม่อยากให้ลูกชายไปเจอคนแย่ ๆ อีก” คนเป็นแม่อีกคนกังวลใจไม่แพ้กัน ในเมื่อมันพึ่งมาแล้วทุกทางแต่กลับไม่ได้ผล คงมีแค่วิธีทางไสยศาสตร์เท่านั้น ที่พอจะพึ่งได้
แต่นิยายเรื่องนี้ ไม่มีส่วนไหนเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์เลยนะคะ
“พวกเอ็งรอก่อนสิ ค่อย ๆ มาทีละคำถาม ฉะ... ข้าจะได้ตอบถูก เล่นมาพร้อมกันแบบนี้ กระแสจิตของข้ามันตีกันวุ่นวายไปหมด” แม่หมอตาเพชรกดเสียงต่ำเพื่อให้ดูขลังมากขึ้น อยากให้คนอยากรู้ใจแทบขาดใจเย็น ๆ เพราะแม่หมอตอนนี้... คิดบทไม่ทัน
“ความจริงเราก็ห่วงเหมือน ๆ กันนะคะแม่หมอ คือลูกและหลานของเราทั้งคู่” แม่ฝ่ายหญิงเหมือนเป็นตัวแทนเอ่ยออกไป เธอดูกังวลกว่าใครในแก๊งนี้ เพราะลูกสาวเพียงคนเดียว เพิ่งมีเรื่องให้ร้อนใจมาหยก ๆ
“ข้าขอดูวันเดือนปีเกิดอีกที” ว่าแล้วก็หยิบกระดาษ มีทั้งชื่อ นามสกุล วันเกิด เวลาตกฟากของทั้งสองคน แม่หมอหยิบ ๆ วาง ๆ อยู่หลายรอบ พร้อมเพ่งสายตามองคนทั้งสามตรงหน้าสลับกัน “เฮ้อ~ หนักทั้งคู่”
“ยังไงคะ?” แม่ของฝ่ายหญิงตกใจราวอกจะหลุดตรงนี้
“แม่หมอ หนักมากเลยรึ?” คนเป็นย่าและอายุอานามมากที่สุดวิตกหนักกว่าเดิม
“โธ่รามลูกแม่” แม่ของฝ่ายชายอยากจะร้องไห้เต็มที เวรกรรมอะไรของลูกชายเพียงคนเดียวของเธอนักหนา
ไม่แปลกที่คนซึ่งเป็นทั้งย่าและแม่ ๆ ทั้งหลายจะตกใจ เมื่อได้รู้ว่าลูก ๆ ของตนเองกำลังจะมีเคราะห์ใหญ่ แค่เอ่ยมาเท่านั้นว่าจะให้ทำอย่างไร ถ้าทำได้... พวกเธอพร้อมจะทำ อย่างน้อยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ก็ยังดี
แต่ในสายตาของแม่หมอตาเพชร (จอมปลอม) อย่าง ‘แหวนพลอย’ คนนี้ ใจเต้นตึบตับไปทั้งอก หันมองผู้ร่วมอุดมการณ์และหุ้นส่วนอย่างต้องการความช่วยเหลือ ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการส่ายหัวเบา ๆ
‘มีแต่ต้องทำสินะไอ้แหวน’
“แต่งงานกันไปเลย ทั้งคู่นั่นแหละ” แม่หมอกลั้นใจบอกออกไปตามบทที่ได้รับมา
“ดะ... เดี๋ยวสิคะ แต่เด็กสองคนนี้รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนะคะ เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อะไรนั่น ฉันว่า...” แม่ของฝ่ายหญิงต้องคัดค้านอยู่แล้ว นั่นลูกสาวเชียวนะ มีแต่เสียกับเสีย อย่างไรก็ตาม หญิงที่แต่งงานแล้วก็คือหญิงที่มีตำหนิ “ไม่มีทางอื่นเลยหรือคะ?”
“ฉันเองก็เห็นด้วยกับอาภานะ แม่หมอ... ไม่มีวิธีอื่นหรือคะ เด็กสองคนนี้ไม่ได้รักกัน ไปไม่รอดหรอกค่ะ” คนเป็นแม่ฝ่ายชายออกโรงผสมกับเพื่อนสนิทตนทันที
พอได้ยินเสียงคัดค้านจากเหล่าคุณแม่ของทั้งคู่ แหวนพลอยก็แอบเห็นด้วยในใจ อยากจะตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า ‘ไม่ต้องแต่งก็ได้!’ แต่ในเมื่อรับเงินมาแล้วครึ่งหนึ่ง ตอนนี้คงมีแต่ต้องพูดไปตามบทที่ได้รับมาเท่านั้น!!
“เคราะห์มันหนักเกินไป เด็กสองคนนี้มีดวงที่เกื้อหนุนกันอยู่ ผูกดวงและแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว รับรองว่ามันจะไม่หนักถึงชีวิตแน่ ๆ ข้ารับรองได้!!” แม่หมอยังคงตั้งมั่นในคำพูดของตัวเอง ในเมื่อบทที่ต้องเล่นมันมาแบบนี้ ถ้านอกบทล่ะก็...
‘ทำอย่างไรก็ได้ ให้คุณย่าและคุณแม่ของฉันคิดว่าการแต่งงานของฉันกับเอมคือสิ่งเดียวที่ทำได้ ห้ามพูดไปเรื่อยเด็ดขาด และห้ามรู้สึกผิดด้วย’
... ไอ้รามเอาเธอตายแน่!!
“ลูกสาวเอ็งชื่อชะเอมใช่หรือเปล่า?” ว่าแล้วก็เริ่มเพิ่มความน่าเชื่อถือทันที “ช่วงนี้ลูกเอ็งมีคนอิจฉาริษยาอยู่ใช่มั้ย งาน... ไม่ใช่ ๆ ต้องร้านที่ทำอยู่ เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นใช่หรือเปล่า?”
“แม่หมอ!! ราวกับตาเห็นเลยนะคะ!!” คนเป็นแม่ แถมยังเป็นคนที่เพิ่งไปช่วยลูกสาวกวาดกระจกร้านมาถึงกับยกมือทาบอก ดวงตาเปิดกว้างกว่าเดิมมองคนพูดราวกับตาเห็น “ใช่ค่ะ ร้านเอมมันเพิ่งโดนคนปาหิน กระจกแตกเกือบรอบร้าน โชคดีที่มันทำตอนกลางคืน เลยไม่มีใครบาดเจ็บ แต่ก็เสียหายไปเยอะค่ะ”
“ระวังให้ดี เพราะมันจะมาอีกแน่” เมื่อเตือนคนเป็นแม่ฝ่ายหญิงเสร็จ ก็หันไปหาฝ่ายชายบ้าง “ส่วนลูกเอ็ง จะเรียกว่าซวย หรือว่าตั้งใจซวยดี ผู้หญิงที่เข้ามาก่อนหน้านี้ ร้ายใช่เล่น และมันจะไม่ปล่อยลูกเอ็งเด็ดขาด คนที่จะช่วยได้คงมีแค่แม่หนูคนนี้เท่านั้น!!”
ปลายนิ้วชี้ไปยังกระดาษแผ่นเล็ก ซึ่งมีชื่อและนามสกุล วันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากของ อคิราห์ หรือ ชะเอม เขียนเอาไว้อย่างละเอียด “เชื่อข้า การที่ทั้งสองแต่งงานกัน คือทางออกเดียวที่ทั้งคู่จะพ้นเคราะห์ใหญ่นี้ไปได้!!”
แม่หมอยังยืนยันเสียงหนักแน่น ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปหาหญิงที่สูงอายุที่สุด ไม่รู้ว่าคุณย่าท่านนี้จะเชื่อคำที่ตนเองเพิ่งพูดออกไปหรือเปล่า เธอนิ่งอยู่อย่างนี้มาพักใหญ่ และกำลังครุ่นคิดบางอย่าง... บางอย่างที่ไม่อาจจะคาดเดาได้
ละครฉากใหญ่จบไป ตอนนี้แม่หมอ... เออ ไม่ใช่ แหวนพลอยเดินพร้อมหลบสายตาคนอื่นไปยังจุดนัดพบ พร้อมลูกศิษย์... นี่ก็ไม่ใช่ รุ่นน้องที่รู้จักอย่าง โกโก้ เมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มบางตาลง การระมัดระวังตัวก็คลายลงทันที
“เฮ้อ~” แหวนพลอยถอนหายใจออกมายาวจนแทบจะหมดปอด และทิ้งกระเป๋าสัมภาระซึ่งสะพายมาตลอดทางลงพื้นทันที “ไอ้โก้ ฉันล่ะรู้สึกผิดชะมัดเลย ที่ต้องหลอกคนอื่นแบบนี้”
“เจ๊แหวน อย่าคิดแบบนั้นสิ เพื่อนของเจ๊ก็บอกไม่ใช่หรือ... ว่ามันจำเป็น” รุ่นน้องเดินมาตรงหน้าของรุ่นพี่ พร้อมพูดให้กำลังใจ... แต่มันไม่ดีขึ้นเลยสักนิด “ไม่เอาน่า~ คิดถึงเงินก้อนที่สองเอาไว้สิเจ๊!”
“ก็คิดถึงอยู่นี่ไง ถึงมาทำอะไรแบบนี้ ฉันเป็นนักแสดงนะโก้ แกก็ด้วย ทำไมต้องมาเล่นปาหี่แบบนี้ด้วยวะ?” แหวนพลอยก้มลงไปหมายจะหยิบสายกระเป๋าขึ้นมาสะพายอีกครั้ง แต่คำพูดของรุ่นน้อง มันทำให้เธอหมดแรงอีกรอบ
“เพราะเราไม่มีงานมาหลายเดือนแล้วไงเจ๊ เราเลยต้องทำอะไรแบบนี้” โกโก้ยิ้ม ก่อนรอยยิ้มนั้นจะหายไป กลายเป็นอยากจะร้องไห้แทน
“นั่นสิ เงินที่มีก็ร่อยหรอเต็มที” เมื่อนึกถึงยอดคงเหลือในบัญชี หญิงสาวก็มีแรงขึ้นมาราวกับสั่งได้ “ไปกันเถอะโก้ ไปหาไอ้รามกัน”
“ครับ!!”
รถยนต์ HR-V คันใหญ่สีดำสนิท ดูกลืนไปกับบรรยากาศพลบค่ำในเวลานี้เข้าไปทุกที เมื่อดวงตากลมหรี่มองป้ายทะเบียนแล้ว จึงมั่นใจได้ว่านั่นคือรถยนต์ซึ่งทั้งตนและลูกน้องกำลังมองหาอยู่
“อย่างน้อยมันก็ไม่เบี้ยว ถือว่ายังเป็นคนดีอยู่บ้าง” แหวนพลอยบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปหารุ่นน้องซึ่งอยู่ข้างกาย กำลังยัดไข่ต้มเข้าปากโดยไม่ยอมบีบซอส เธอเห็นแล้วขัดใจชะมัดเลย “ยังจะกินได้อีกนะ”
“อ้ออันอิ๊วอี่” (ก็มันหิวนี่)
“เออ ๆ ใครจะไปคิดล่ะว่านอกจากครอบครัวนั้น จะมีคนหลงเข้ามาจริง ๆ ทำเอากินเวลาไปเกือบทั้งวัน” หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อนึกถึงความชุลมุนในวันนี้ จึงตั้งปณิธานกับตัวเองทันทีว่าจะไม่รับงานแบบนี้อีก... หากเงินไม่มากพอ!!
เมื่อโกโก้กระเดือกไข่ต้มลงท้องเรียบร้อย ทั้งคู่เลยพากันเดินไปยังรถยนต์คันใหญ่ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาใครเป็นเวลานาน
ร่างสูงโปร่ง ประจำที่นั่งคนขับ นอกจากจะเป็นเจ้าของรถยนต์คันโตแล้ว ยังเป็นคนต้นเรื่อง วางแผนการและบทบาทให้เธอเสร็จสรรพ หากไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แหวนพลอยคนนี้ไม่ยอมพูดคุยด้วยเป็นอันขาด
คนบ้าอะไรจ้างคนอื่นไปเล่นละครให้ผู้หญิงมาแต่งงานด้วยเนี่ย!!
“เงินล่ะ” หญิงสาวถามหาค่าจ้างทันทีและหันไปดึงเข็มขัดนิรภัยข้างกายมาคาดเอาไว้
“นี่แหวน มาถึงก็ถามเรื่องเงินเลยเหรอ? เธอเป็นพวกหน้าเลือดตั้งแต่เมื่อไหร่?” เสียงนุ่มทุ้มแสนละมุนของผู้ว่าจ้าง และรอยยิ้มในหน้าของมัน แหวนพลอยคนนี้เกลียดที่สุด!!
“ก็ตั้งแต่รู้จักกับแกนั่นแหละราม ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะบอกกับตัวเองว่าให้ออกห่างจากคนอย่างแกซะ!!” หญิงสาวเบะปากแถมยังขึงตาใส่คนตรงหน้า เธอไม่ได้รังเกียจอะไรชายคนนี้นักหรอก ถ้ามองกันแบบผิวเผิน ‘รามสูร’ คนนี้เป็นคนหน้าตาดีเลยทีเดียว แถมยังพ่วงตำแหน่งว่าที่เจ้าของรีสอร์ตซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของจังหวัดเสียด้วย
หากตอนนั้นไม่หน้ามืดคิดจะจับชายคนนี้ แหวนพลอยคงไม่ตกระกำลำบากแบบนี้หรอก!!
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน อ่อ... ฉันซื้อขนมมาให้ด้วย” ว่าแล้วก็หยิบถุงพลาสติกใส ในนั้นมีกล่องกระดาษขนาดเล็กอยู่สองกล่อง บรรจุสตรอว์เบอร์รีเค้กเอาไว้ทั้งสองก้อน ไม่พอ ชายหนุ่มยังหยิบแก้วพลาสติกอีกสองแก้ว แม้จะเริ่มละลายไปบ้าง แต่บาริสต้าสาวประจำร้านเคลมเอาไว้ว่า ต่อให้เหลือแต่น้ำแข็ง กาแฟจากร้าน ‘บ้านเพื่อน’ ก็ยังอร่อย และหอมติดน้ำแข็งทุกก้อน
“ฉันซื้อมาให้ทั้งคู่ เอาไปรองท้องก่อน”
“ไม่มียาพิษใช่หรือเปล่า?” แหวนพลอยระแวงเล็กน้อย ก่อนจะรับและยื่นให้รุ่นน้องของตัวเองซึ่งอยู่เบาะด้านหลัง แถมท่าทางดีใจเมื่อได้ของกินใส่ปากอีกต่างหาก หากมียาพิษอย่างที่เจ้าหล่อนเพิ่งพูดออกไป โกโก้คงสิ้นชีพเป็นคนแรก
“ฉันไม่ได้ร้ายขนาดนั้นสักหน่อย” รามสูรแก้ตัว
“แต่อาจจะใจร้ายกว่านั้น” หญิงสาวเพียงคนเดียวในรถคันใหญ่ ดูดกาแฟเย็นฉ่ำไปหลายอึก “อ่า!!! ชื่นใจชะมัด!!”
“ขนมก็อร่อยนะ”
“จ้า ๆ เดี๋ยวกิน แต่ว่านะราม...” พลันใบหน้าสวยของนักแสดงคนนี้กลับเรียบนิ่ง เคล้าความกังวลเล็กน้อย “... มันจะดีหรือราม น้องเอมคนนั้น ต้องแต่งงานกับแกเลยนะ”
“ไม่ต้องห่วงเอมหรอก” พูดพร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ทันที เพราะนอกจากจะจ้างแม่หมอตัวปลอมคนนี้แล้ว รามสูรยังต้องไปรับส่งให้ถึงที่อีก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น เพราะไม่อย่างนั้น แผนการที่วางเอาไว้อาจจะแตกก่อนเริ่มเสียด้วยซ้ำ “ที่ฉันทำ... ก็เพื่อตัวฉันและตัวเอมเอง”
“ยังไง หลอกเขาแต่งงานด้วยแบบนี้ มันเพื่อตัวเขายังไงวะ เพื่อตัวแกเองชัด ๆ นะ” พูดพลางดูดกาแฟอึกใหญ่ ก่อนจะเปรยสายตาไปมองรุ่นน้องซึ่งถูกอกถูกใจรสเค้กจนตาโต เธอเลยยกส่วนของเธอให้อีกก้อน “แกต้องเห็นคุณป้าและคุณย่าในวันนี้ ฉันรู้สึกผิดนะที่ต้องหลอกพวกท่าน”
“...”
“หากวันหนึ่งน้องเอมของแกรู้เรื่องขึ้นมาจะทำยังไง เขาจะรับได้จริงเหรอ? ถ้าเป็นฉัน... คงโกรธน่าดู”
“ตอนนั้นค่อยคิด ตอนนี้ฉันต้องมีสิทธิ์ในตัวของเอมให้มากที่สุด ไม่ต้องห่วงไปหรอก... มันไม่ได้แย่อย่างที่แกคิดหรอกแหวน” รามสูรไม่มีท่าทีกังวลเลยสักนิด รอยยิ้มจากริมฝีปากหยักลึกกำลังกรีดขึ้นกว้างกว่าเดิมเสียอีก เมื่อนึกถึงเด็กสาวข้างบ้าน ซึ่งเป็นเหมือนรักแรกของเขาไม่เคยจางหาย
“เฮ้อ~ ฉันก็มีแค่ต้องเชื่อแก่เท่านั้นสินะ” แหวนพลอยหันไปมองด้านข้างของรามสูรอีกครั้ง พร้อมส่งสายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงออกมา เพราะรู้จักกันมาหลายปี แม้ภายนอกดูไม่คิดอะไร แต่ภายในนี่สิ... ดูท่าจะมีเรื่องกังวลใจไม่น้อยซ่อนอยู่ “ถ้ามีอะไรให้ช่วย ก็บอกแล้วกัน”
“จริงเหรอ?”
“แต่ต้องอยู่ในบรรทัดฐานของความถูกต้องด้วยย่ะ!! งานแบบนี้ฉันไม่เอาแล้วนะ ต่อให้ได้เงินเยอะก็เถอะ ยังไงก็ไม่เอาแล้ว แกรู้หรือเปล่า อย่างกับฉันขายวิญญาณให้ยักษ์ปีศาจอย่างแกเลยราม ตอนเห็นดวงตาของหลายคนกำลังจ้องมาที่ฉัน มันขนลุกมากนะ ฉันว่าฉันต้องนอนฝันร้ายไปอีกนานแน่ และ...”
“นี่” ซองสีน้ำตาลเข้มถูกยื่นไปให้คนซึ่งกำลังขวัญเสีย พลันรอยยิ้มก็ปรากฏทันที “ฉันทิปให้ด้วย ส่วนเรื่องคอนเนคชันอื่น ๆ จะลองให้รุ่นพี่หาให้ แต่ไม่รับรองผลของมันหรอกนะ”
“หูย~ คุณรามเนี่ย ป๋าสุด ๆ เลยค่ะ” เจ้าหล่อนพูดจีบปากจีบคอจนคนขับด้านข้างส่ายศีรษะเบา ๆ “เอ้า! ไอ้โก้ ไหว้พี่รามของเรางาม ๆ หน่อยเร็ว”
“กราบขอบพระคุณครับคุณพี่รามสูร โอกาสหน้าเรียกใช้งานผมคนเดียวก็ได้นะครับ ขาว เทา ดำผมรับหมด ผมร้อนเงินครับ”
“ไอ้โก้!!” คนเป็นรุ่นพี่หันไปตวาดรุ่นน้องทันที
“เอาน่า~ เธอเนี่ยเข้มงวดกับรุ่นน้องจังเลยนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวแถมอีกมื้อ อยากกินอะไรเลือกเลย”
“จริงนะ” ดวงตากลมเบิกกว้างทันที ตื่นเต้นกับของกิน แถมยังฟรีอีกต่างหาก “ไอ้โก้! อลาคาสสักมื้อดีมั้ยวะ!?!”
“จัดไปเลยครับเจ๊!!”
ในเมื่อเอ่ยปากออกไปแล้ว รามสูรมีแต่ต้องตามใจทั้งสองคนเท่านั้น หวังว่าการลงทุนในครั้งนี้ จะคุ้มกับสิ่งที่ได้
‘เอม พี่จะไม่ยอมปล่อยเอมไปอีกเด็ดขาด!’