“ลิต้า อยู่หรือเปล่า” ตะโกนเรียกเสียงดังขึ้น แต่ก็ยังไม่มีใครขานรับ ณิชานันท์จึงตัดสินใจนอนรอที่เปลผ้าหลังบ้าน กะว่าจะนอนรอสักยี่สิบนาทีถ้าเจ้าของบ้านยังไม่มาก็คงต้องกลับ เพราะพอถึงตอนนั้นก็คงมืดค่ำพอดี วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้
ทว่าพอเอนตัวลงนอนไม่ถึงสิบห้านาทีดาราสาวก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว คงพราะเหนื่อยจากการเดินทาง จึงทำให้เจ้าของร่างบางต้องการการพักผ่อน จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง แสงสีทองลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดก็เริ่มเข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณ ปรากฏร่างหญิงสาวผมบลอนด์ในชุดดำยืนเพ่งพิศใบหน้าของคนที่นอนหลับอยู่อย่างชั่งใจ ว่าจะทำอย่างไรกับเพื่อนสาวชาวไทยคนนี้ดี
ณิชานันท์เป็นคนดี เธอได้กลิ่นของความบริสุทธิ์ผุดผ่องยังไม่พอ กลิ่นหอมของเลือดที่กำลังเต้นตุ้บๆ ตรงเส้นชีพจรบริเวณลำคอที่โผล่พ้นผ้าพันคอออกมาหลังจากที่เจ้าตัวคลายออกก่อนจะเอนนอนลงเปลก็ช่างหอมหวลชวนให้ลิ้มลองจนแทบจะอดใจไม่ไหว
‘ไม่...ฉันต้องไม่ทำร้ายเธอ เธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน’
ฟุ้บ!
อีกร่างหนึ่งในชุดหนังสีดำกระโดดลงมาจากต้นไม้ มายืนอยู่เคียงข้างหญิงสาวที่ตอนนี้มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์กำลังทำท่าเหมือนจะเข้าไปทำร้ายณิชานันท์ซึ่งเธอไม่มีวันยอม ตอนนี้เอลิต้ารู้ตัวแล้วว่า เธอจะต้องปกป้องเพื่อนรักของเธอคนนี้ให้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าตนจะทัดทานเซอร์คัสได้นานแค่ไหน
“อย่ายุ่งกับเพื่อนของฉันเลยนะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน หลีกไป”
“เว้นเพื่อนของฉันคนนี้เอาไว้สักคนเถอะนะคะเซอร์คัส ฉันขอร้อง” แวมไพร์สาวอ้อนวอน แม้จะรู้ว่าโอกาสที่จอมแวมไพร์หนุ่มจะใจอ่อนนั้นมีน้อยมาก แต่ก็ยังหวังว่าเขาจะรับฟังคำขอร้องของเธอ
“ฉันบอกให้หลีกไปไง เอลิต้า”
“ไม่!”
ตุ้บ!
“โอ๊ย!” ฝ่ามือหนาฟาดไปที่ใบหน้าของเอลิต้าเต็มแรง ร่างเพรียวระหงในชุดดำกระเด็นไปหลายฟุต แต่เธอก็กระโดดกลับมาขวางแวมไพร์แสนร้ายกาจเอาไว้ ด้วยแววตาปกป้อง สองแขนเรียวกางออกค่อยๆ ถอยหลังปิดบังร่างเล็กที่นอนในเปลเอาไว้ ไม่คิดที่จะยอมให้ใครมาทำร้ายเพื่อนรักของตนเองได้ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
“อย่าขวางฉันเอลิต้า เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเธอสู้ฉันไม่ได้”
“ฉันรู้ แต่ฉันไม่ยอมให้คุณมาทำร้ายเพื่อนรักของฉันหรอก”
“หึๆ”
เอลิต้ารีบหันไปปลุกคนที่ยังนอนหลับใหลในเปลทันที อย่างน้อยถ้าณิชานันท์ตื่นขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไป ก็อาจจะรอด
“ณิชาๆ ตื่นสิ โอ๊ย!”
คนถูกเขย่าร่างยังไม่ทันที่จะตื่น แวมไพร์สาวก็ถูกมือใหญ่จับเหวี่ยงออกไปกระแทกกับเสาบ้านอย่างแรงแล้วตกลงมาครางโอดโอยอย่างน่าสงสารอีกครั้ง และก่อนที่เอลิต้าจะทันลุกขึ้นมาขวางเซอร์คัสได้อีก แวมไพร์จอมกระหายเลือดก็ช้อนอุ้มร่างบางในเปลแล้วกระโดดหายวับไปในความมืดทันที
“ณิชา! ณิชา! โธ่...ฉันขอโทษนะณิชาที่ฉันช่วยเธอเอาไว้ไม่ได้ ฉันขอโทษ”
เอลิต้าคร่ำครวญอยู่นาน แล้วรีบออกตามหาเพื่อนรัก แม้จะไม่รู้ว่าเซอร์คัสพาเพื่อนของเธอไปทางไหน หากโชคดี เขาอาจจะพาณิชานันท์ไปที่คฤหาสน์ของเขานอกเมืองก็ได้ เพราะคิดว่าแวมไพร์หนุ่มคงไม่ใช่แค่กระหายเลือดเท่านั้น เผลอๆ เขาอาจจะทำให้เพื่อนรักของเธอกลายเป็นบริวารของเขาอีกคนเหมือนอย่างเธอก็เป็นได้
“ณิชา ฉันไม่อยากให้เธอมาเป็นเหมือนฉันเลย”
ร่างสูงในชุดหนังสีดำคล้ายกันกระโดดเข้ามาขวางทางแวมไพร์กระหายเลือดตนหนึ่งซึ่งในอ้อมแขนมีมนุษย์หญิงสาวหลับอยู่
“ปล่อยเธอลง แล้วไปซะ ถ้าแกไม่อยากตายรอบสอง” เสียงทรงอำนาจสั่ง ดวงตาเพ่งไปยังใบหน้าหวานละมุนในอ้อมแขนของศัตรู
“หลีกทางให้ฉันอาเทอร์ เวลานี้ฉันยังไม่อยากทำสงครามกับแก ฉันอยากจะพาสาวน้อยคนนี้ไปขึ้นสวรรค์มากกว่า”
“แกกำลังจะพาเธอไปลงนรกมากกว่าน่ะสิไม่ว่า”
“ฉันไม่ฆ่าหล่อนหรอกน่า”
“แต่แกกำลังจะทำให้เธอตายทั้งเป็น”
“ใครจะรู้ หล่อนอาจจะชอบก็ได้” ดวงตาของแวมไพร์หนุ่มที่ดูจะมีอำนาจเหนือกว่า วาววับขึ้น พลางบรรยากาศรอบๆ เริ่มแตกเปี๊ยะๆ ดูน่ากลัว เขากำลังเริ่มโมโห
“ฉันบอกให้ปล่อยเธอไป!” เสียงสั่งเข้มต่ำ
“ทำไม ทำไมแกต้องมายุ่งกับผู้หญิงคนนี้ด้วย ทีกับคนอื่นแกไม่เห็นมายุ่ง” เขาเองก็ไม่คิดจะถอยง่ายๆ เหมือนกัน แม้จะรู้ว่าพลังอำนาจของเขาอาจมีไม่มากพอที่จะต่อกรกับราชาแวมไพร์อย่างอาเทอร์ แต่ถ้าเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมก็อาจมีทางชนะ
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผล”
“ไม่บอก ดี...ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ปล่อยหล่อนให้แกง่ายๆ หรอก” เซอร์คัสวางร่างบางลง แต่ตั้งท่าเตรียมต่อสู้กับจอมแวมไพร์ที่เขาไม่เคยเอาชนะได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ฝีมือจะสูสีแต่พอเอาเข้าจริงๆ เขาก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทุกครั้ง ทว่าเขาก็ยังดื้อดึง ไม่ยอมทำตามคำสั่งของใครง่ายๆ โดยเฉพาะคำสั่งของศัตรู
เปรี้ยง!
ตุ้บ!
“โอ๊ย!” เซอร์คัสเป็นฝ่ายพลาดพลั้งก่อน