ใจของเสิ่นฮูหยินก็เหมือนถูกแขวนอยู่บนที่สูง มันแกว่งไปมาไม่สงบ จนกระทั่งรถม้าของกู้เฉียวจิงออกเดินทางไปแล้วเกือบสองชั่วยาม แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลง นางถึงถอนหายลมหายใจวางใจลงได้ “วันนี้เจ้าไปเรียกกู้ซวินมารับมื้อเย็นที่เรือนใหญ่ด้วย” นางเอ่ยสั่งกับบ่าวคนสนิทด้วยเสียงผ่อนคลาย “เจ้าค่ะ ฟังจากแม่นมหลู่คุณชายน้อยทั้งสุภาพอ่อนโยน ขยันตั้งใจศึกษาเล่าเรียน แล้วยังได้รับคำชมว่าเป็นเด็กที่มีไหวพริบดีและปัญญาเฉียบแหลมอาจารย์เซี่ยเลยนะคะ เจ้าค่ะ” เสิ่นฮูหยินพยักหน้า “เด็กคนนี้ ได้เจอครั้งแรกเพียงแค่แววตาก็ฉายแววฉลาดเฉลียว แม้จะถูกเลี้ยงดูนอกจวนตั้งแต่เด็กก็ไม่สูญเสียคนของตระกูลเสิ่นแม้แต่น้อย” ลัวมามายิ้มพูดประจบ “ขนาดทั้งโหวสูญเสียความทรงจำ ยังสามารถเลี้ยงดูบุตรชายได้ดียิ่ง ต่อไปฮูหยินก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะคะเจ้าค่ะ” เสิ่นฮูหยินยิ้มอย่างพอใจ เหมือนจะหลงลืมกู้เฉียวจิงผู้เป็นมารดาท