วัดชิงเยี่ยง นอกจากฝึกคัดอักษรแล้ว กู้เฉียวจิงยังใช้เวลาในช่วงดึกออกมาฝึกวิชากระบี่ มีสายลมวูบหนึ่งไหวผ่านกายไป นางรับรู้การมาของคนผู้หนึ่ง หรี่ตาเล็กน้อยจากนั้นก็พูดขึ้น “ในเมื่อท่านมาแล้ว เช่นนั้นมาฝึกกระบี่ด้วยกันสิ” ในเงามือก็ปรากฏบุรุษรูปร่างสูงโปร่งผู้หนึ่ง นัยน์ตาจิ้งจอกของเขาสว่างวาบเห็นเด่นชัดในความมืดมิดยามราตรี “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แม่นางกู้เชิญ” สิ้นวาจาหลีเซียวหยวนก็ทะยานพุ่งเข้าหากู้เฉียวจิงอย่างรวดเร็ว พริบตากระบี่ก็เกือบมาถึงตัวหญิงสาว นางสามารถหลบหลีกได้อย่างท่วงทีนางว่องไวดั่งบินได้ ตวัดแกว่งกระบี่ในมือต้านการโจมตีที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว กระนั้นก็เหมือนจะเป็นรองหลีเซียวหยวนอยู่ขั้นหนึ่ง ในขณะที่กู้เฉียวจิงเหมือนต้องทุ้มเต็มแรงเพื่อรับแรงปะทะ หลีเซียวหยวนกลับฟาดกระบี่ไปมาอย่างปลอดโปร่ง เพียงเท่านี้ก็เห็นถึงความเหนือชั้น ไม่นานกู้เฉียวจิงก็หมดแรง นางยกมือประสาน “