“เป็นอะไรยัยแพทยิ้มระรื่นเชียว”เสียงเพื่อนสาวเอ่ยทักขณะแต่งหน้าเพื่อขึ้นเวทีแสดง
“เขาชวนฉันไปเที่ยวอิตาลีล่ะ”
มิรันชะงักดวงตาเบิกกว้าง
“เช็ทนะเหรอ ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม!”ร้องโวยวายเสียจนต้องกระโจนไปปิดปาก
“เบาๆ หน่อยสิรัน ใช่... เขาล่ะ คุณเซ็ทเจ้านายพ่อ”
“ว้าว! ไม่น่าเชื่อเลย พรหมลิขิตหรือเปล่าเนี่ย”หยอกเย้า พลางตบแป้งลงบนหน้า
“จะใช่ได้ยังไง เรากับเขามันคนล่ะชั้นกันเลย ได้แค่นี้ก็ดีใจแล้วรัน”
“ก็ไม่แน่หรอกแพท เขาว่ากันว่าคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน”ยิ้มออกมาด้วยความยินดีกับเพื่อน
แพททิเซียนิ่งเงียบ เป็นไปไม่ได้หรอก แค่เพียงเป็นผู้อุปการะก็เพียงพอแล้ว ไม่หวังมากไปกว่านี้ เขาสูงมากเหลือเกินยากจะไขว่คว้าได้
“นี่แพท... เราไปด้วยได้ไหมอิตาลีน่ะ”มิรันยื่นข้อเสนอ
“จะไปจริงเหรอ”
“จริง เราเป็นห่วงไม่อยากให้แพทไปคนเดียว เกิดเขาหลอกแพทไปทำมิดีมิร้ายทำยังไง!”
“จะบ้าเหรอรัน เขาจะทำแบบนั้นทำไม สาวๆในอิตาลีเยอะแยะไป ไม่ต้องลงทุนมาหลอกแพทหรอก!”รีบแย้งเพื่อแก้ตัวให้
“แหม... รีบออกรับแทนเลยนะ”
รีบหันหน้าหนีเพื่อนเพื่อซ่อนความขัดเขินเอาไว้
“รีบแต่งตัวเถอะต้องแสดงแล้วไม่ใช่เหรอ”เปลี่ยนเรื่องคุย
“ตกลง แต่เรายังไม่ล้มเลิกความคิดเรื่องที่จะไปด้วยหรอกนะแพท เพราะเราสองคนเป็นเพื่อนกันยังไงล่ะ”รอยยิ้มระบายออกมา แพททิเซียมองเพื่อนด้วยความซึ้งใจ
สามวันต่อมาตั๋วเครื่องบินส่งถึงหน้าบ้าน แพททิเซียเปิดออกดูมะรืนนี้คือวันเดินทาง คิ้วขมวดมุ่นนึกแปลกใจเหตุใดรีบร้อนนัก เสียงออดประตูหน้าบ้านทำให้หญิงสาวรีบออกมาต้อนรับมิรันชูถุงขนม เจ้าของบ้านเปิดประตูต้อนรับทั้งคู่เข้าไปนั่งในห้องรับแขก
“ตั๋วเครื่องบินมาแล้วล่ะรัน”หญิงสาวบอก
“ไปวันไหนเหรอ จะได้ไปจอง”
“ไม่ต้องจองหรอก พอดีวันนั้นเราขออนุญาตคุณเซ็ทไว้ก็เลยส่งมาให้”
“จริงเหรอ!”น้ำเสียงตื่นเต้น “แสดงว่าเขาอนุญาตให้เราไปด้วยใช่ปะ”
“อืม ใช่”
“งั้นก็ดีนะสิ อยากไปเที่ยวอิตาลีนานแล้ว แต่ไม่มีเพื่อนไปด้วยพ่อกับแม่ก็ไม่ว่าง”หน้างอลง
“ที่แท้อยากไปเที่ยวนี่เองไม่ได้เป็นห่วงเพื่อน”แพททิเซียแสร้งงอน
โอบไหล่เพื่อนสาวไว้แล้วพยายามเอาใจเพื่อเป็นการง้อ ใจจริงเป็นห่วงเพื่อนมากต่างหาก ไม่เคยไปต่างประเทศถึงแม้พ่อจะอยู่อิตาลีก็ตาม แต่ว่ามันก็ค่อนข้างเสี่ยงอยู่ดีเพราะแพททิเซียไม่เคยเดินทางไปหาพ่อเลย
“เดี๋ยวมะรืนนี้รันมารับนะแพท จะได้ออกไปพร้อมกันเลย”มิรันเสนอ
“จ้ะ ขอบใจมากนะรัน”
“โอ้ย! พูดแบบนี้อีกแล้ว” คนฟังแสร้งฉุน
“ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ไว้เจอกันนะรัน”
“อืม ไปก่อนนะ”
เช้าวันเดินทางมิรันใช้รถที่บ้านมาจอดรับ แพททิเซียขนกระเป๋าขึ้นรถ ไม่นานรถจอดเทียบหน้าสนามบินสองคนช่วยกันขนกระเป๋า เที่ยวบินเที่ยงตรงสองคนนั่งรอใจจดใจจ่อ ไม่นานสายการบินประกาศเที่ยวบินที่จะเดินทาง มิรันรีบให้คำแนะนำเพื่อนตลอดเส้นทางเพราะเธอเคยขึ้นเครื่องบินบ่อยครั้ง
วันถัดมาเครื่องถึงสนามบินในช่วงบ่ายสองโมง สองร่างเดินเข็นกระเป๋าออกมาจากช่องทางผู้โดยสารหยุดยืนกวาดตามองรอบๆ สนามบิน เห็นป้ายชูอยู่เหนือศีรษะของชายหนุ่มรูปร่างกำยำสวมชุดสูทสีดำกับแว่นกันแดดสีเดียวกัน มิรันรีบเดินนำไปหยุดยืนตรงหน้าเขา ชายคนนั้นเอามือลงถอดแว่นจ้องมองหญิงสาวสองคน
มิรันสบตาเห็นดวงตาสีเขียวมรกต ใบหน้าคมเข้มหนวดเคราเขียวครึมเหมือนเพิ่งผ่านการโกนมา ส่วนสูงราวร้อยเก้าสิบเห็นจะได้ เกรเต้เสียบแว่นไว้ตรงกระเป๋าเสื้อสูทก้มลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ
“ผมชื่อเกรเต้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของคุณชายเซ็ท”แนะนำตนเอง
“มีหลักฐานอะไรมายืนยันคะ ว่าคุณชื่อบอดี้การ์ดคุณชาย”เกรเต้ชะงักมองหญิงสาวอีกคน
ใบหน้ารูปหัวใจ ผมยาวตรงเคลียแผ่นหลัง ดวงตาเรียวเล็ก ขนตางอนเป็นแพยาม คิ้วเข้มเรียว จมูกโด่งรั้นปลายเชิดนิดๆ บอกนิสัยเจ้าตัวเป็นอย่างดี เครื่องหน้าดูพอเหมาะไม่ใช่สาวงามเหมือนภรรยาของเจ้านายสองคน แต่ก็สวยทันสมัยพอตัว
มองผ่านถึงหญิงสาวอีกคน ใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโตแพขนตายาว จมูกโด่ง ผิวขาวอมชมพู ริมฝีปากบาง จมูกโด่ง มีลักยิ้มข้างแก้มซ้าย ผมยาวตรงถึงแผ่นหลัง เครื่องหน้างดงามมองปราดเดียวก็รู้เธอน่าจะเป็นลูกครึ่งกระเดียดไปทางเอเชียเสียมากกว่า รับรู้ได้หญิงสาวคนนี้คงเป็นบุตรสาวของฟาวิโอ่
เพียงแค่มองยังนึกสงสารเจ้านาย คงจะต้องต่อสู้กับความรู้สึกตนเองเป็นแน่ แพททิเซียหน้าตาสะสวยดุจภรรยาของคุณชายใหญ่กับคุณชายรองแห่งตระกูลอัลเล็นโซ่เลยทีเดียว หากใครได้อยู่ใกล้หัวใจคงวูบวาบน่าดู
“นี่ได้ไหมครับ”เกรเต้ยื่นบัตรประจำตัวให้ดู พร้อมทั้งนามบัตร มีตราสัญลักษณ์ของตระกูล “ถ้าไปที่รถคุณอาจจะยิ่งเชื่อมันก็ได้นะครับ”
มิรันจูงมือเพื่อนเดินตามชายแปลกหน้าไปที่รถ เห็นเบนซ์สีดำติดสัญลักษณ์ประจำตระกูลตรงฝากระโปรง คนขับรถประจำรีบมาช่วยขนกระเป๋าให้ แพททิเซียดึงมือเพื่อน
“ไปเถอะรัน คงใช่แล้วล่ะเราจำสัญลักษณ์ประจำตระกูลได้”แพททิเซียกระซิบ
“งั้นเหรอ”
“ไปเถอะ เสียมารยาท”
สองร่างนั่งลงเบาะหลังรถเคลื่อนออกจากสนามบิน มองวิวตลอดทางมันช่างสวยงาม ดวงตาคมกริบเหลือบมองสองสาวด้านหลังบ่อยครั้ง ยังไม่รู้อะไรเลยถึงได้ยังดูแช่มชื่นหากความจริงปรากฏจะยังคงระบายรอยยิ้มแสนน่ามองเหล่านั้นได้หรือเปล่า