รั้วเหล็กอัลลอยด์เปิดออกภายใต้เนื้อที่นับพันไร่ รถเคลื่อนเรื่อยๆ และหยุดลงหน้าคฤหาสน์สไตล์วินเทจ เกรเต้เปิดประตูลงมาช่วยคนขับขนกระเป๋าวางเรียงไว้ด้านใน แพททิเซียจับมือเพื่อไว้แน่น มิรันเหลือบมองเมื่อรับรู้ได้ถึงความเย็น
“ตื่นเต้นเหรอ?”มิรันเอ่ยถาม
“อืม มากด้วย”
“ไม่เห็นต้องตื่นเต้นเลย ดีใจไม่ใช่หรือไงจะได้พบเขาแล้ว”
“บ้าสิ!”ร้องออกมาด้วยความขัดเขิน
เกรเต้ออกมา ผายมือเชิญแขกสองคนเข้าด้านใน
“เชิญครับ”
สองร่างเดินเคียงกันเข้ามาแพททิเซียเกาะท่อนแขนเพื่อไว้แน่น ด้านในโออ่าเรียบหรูพื้นหินอ่อนสีดำสนิท โซฟาสีกำมะหยี่สีแดงในห้องรับแขกมองเยื้องทางขวามือเป็นห้องสำหรับรับประทานอาหาร บันไดหินอ่อนสีดำสนิททอดยาวครึ่งวงกลมจนถึงชั้นสอง มองผ่านๆ จะเห็นห้องเรียงแถวเป็นรูปตัววีล้อมโถงกลางด้านล่างเอาไว้
สองสาวถูกเชิญมานั่งในห้องรับแขกแพททิเซียกัดริมฝีปากแน่นรออย่างใจจดใจจ่อ ความจริงอยากเจอพ่อมากเพราะท่านคงทำให้อาการเกร็งลดลงได้เยอะยามได้พบหน้าเขา
“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ จะไปเรียนคุณชายเรื่องที่พวกคุณมาถึงแล้ว”เกรเต้บอกแล้วสาวเท้าเดินออกไป
ร่างสูงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ในห้องทำงาน ยกมือขึ้นกอดอกเหม่อมองวิวนอกหน้าต่างสีหน้าครุ่นคิด เสียงฝีเท้าทำให้เขาหันเก้าอี้กลับมาที่เดิม เกรเต้ยืนตรงหน้าเจ้านาย
“คุณชาย คุณแพททิเซียกับเพื่อนมาถึงแล้วครับ”
“อืม เข้าใจแล้วเดี๋ยวฉันลงไป”ตอบรับเสียงเรียบ
เกรเต้เลี่ยงออกมาจากห้อง ร่างสูงลุกยืนหัวใจเต้นหนักไม่เข้าใจเหมือนกัน แพททิเซีย... เราสองคนกำลังจะได้พบหน้ากัน เคยเห็นในรูปผู้หญิงคนนี้หน้าตาหมดจดงดงาม เพราะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นและได้เชื่อสายทางพ่อไปด้วย แต่สัดส่วนกลับไม่ได้ทางนี้เลย เธอดูบอบบาง น่าทะนุถนอม
สองเท้าก้าวออกมาจากห้องปิดประตูลง เซ็ทลงตามขึ้นบันไดก้าวยาวมาถึงห้องรับแขกเห็นบอดี้การ์ดยืนขนาบสองสาวอยู่เห็นเพียงศีรษะและแผ่นหลังเท่านั้น ถึงโซฟาสำหรับนั่งคนเดียวชายหนุ่มโยนกายลงตรงนั้นจ้องมองหญิงสาวสองคนตรงหน้า
แพททิเซียชะงักดวงตาเรียวเบิกกว้างมือไม้สั่น มิรันมองชายหนุ่มตรงหน้าแววตาตื่นตะลึง ใบหน้าคมเข้ม ผิวขาวแต่ไม่มาก ริมฝีปากหนา ดวงตาเรียวคม คิ้วเข้มดกดำแพขนตายาวแต่ไม่ได้งอน จมูกโด่งเป็นสัน ยามมองมาเหมือนทำให้ร่างกายผ่าวร้อนขึ้นมา
“เหนื่อยกันหรือเปล่าครับ?”เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยถาม
หญิงสาวเงยหน้าสบตาโดยตรง ใช่แล้ว... ตัวจริงนั้นดูดีกว่าในรูปเป็นไหนๆ ทั้งหล่อเหลา คมเข้ม แถมยังดูสง่างาม แม้เพียงท่านั่งยังดูราวกับเทพบนสรวงสวรรค์ เหมือนรูปปั้นเทพนิยายในกรีกก็ไม่ปาน
“นิดหน่อยค่ะ”ตอบเสียงอ้อมแอ้มไม่กล้าสบตาอีก
ดวงตาเรียวคมกวาดมองอย่างพิจารณา บุตรสาวของศัตรูเติบโตถึงเพียงนี้ ตอนนั้นเขาได้เห็นรูปเธอในช่วงอายุราวสิบแปดปี ยังดูสวยแล้วตอนนี้ยิ่งสวยหวานกว่า
มิรันมองเพื่อนรีบจับมือไว้เพื่อให้กำลังใจ เข้าใจดีหากต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายหล่อเหลาอย่างร้ายกาจมีหรือใจจะไม่สั่นแม้แต่เธอยังเป็นเลยให้ตายสิ
“อยากพักผ่อนก่อนไหม เดี๋ยวผมจะให้คนพาไป ธุระของเราไว้คุยกันพรุ่งนี้แทนก็แล้วกัน”เซ็ทเสนอ
“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันอยากจะไปเที่ยวพรุ่งนี้”มิรันรีบแย้ง
“นี่เธอ!”เกรเต้แย้งแต่เจ้านายยกมือห้าม
“ช่างเถอะไม่เป็นไร”
แม่บ้านนำน้ำผลไม้และกาแฟมาเสริฟ์ให้ก่อนเดินหายไป ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกหยิบขึ้นมาในนั้นบรรจุซีดีและรูปถ่ายมากมาย เซ็ทยื่นให้ลูกน้องเกรเต้รับหน้าที่นำมันไปเปิด แพททิเซียมองสีหน้ามึนงง
ภาพปรากฏตรงหน้าคือบิดาเธอกำลังทำอะไรบางอย่างกับตู้เซฟ หญิงสาวจ้องมองไม่วางตาเฉกเช่นเดียวกับมิรัน เพชรส่องแสงจนเห็นเด่นชัดถูกหยิบออกมาแล้วใส่เข้ากระเป๋าเสื้อตนเอง จากนั้นพ่อวิ่งหายออกไปนอกห้อง จนกระทั่งสตาร์ทรถเคลื่อนออกจากอาณาเขตอัลเล็นโซ่ และภาพถูกตัดหายไป เซ็ทปิดทีวีลงหันมาทางสองสาวกำลังนั่งตะลึงอยู่
“หมายความว่ายังไงคะ?”ถามเสียงแผ่วน้ำตาคลอ
“จริงๆ แล้วการที่ผมเชิญคุณมาที่นี่ไม่ได้หมายความว่าต้องการให้คุณมาท่องเที่ยว แต่คุณ... ต้องมาอยู่ที่นี่ในฐานะตัวประกันจนกว่าผมจะได้รับเพชรเม็ดนั้นคืน!”น้ำเสียงกลายเป็นแข็งกร้าว
“บ้าไปแล้วหรือไง เพื่อนฉันไม่รู้เรื่อง!”มิรันตวาด
เกรเต้จ้องมองแววตาแข็งกร้าว ไม่อยากเชื่อหญิงไทยคนนี้จะกล้าต่อปากต่อคำเจ้านาย
“ผมขอตกลงเรื่องนี้กับแพททิเซีย!”เซ็ทบอก
“ไม่! ฉันจะพาเพื่อนกลับเมืองไทย!”
เซ็ทเอนกายพิงพนักเก้าอี้ยกท่อนแขนขึ้นกอดอกจ้องมองหญิงสาวกำลังสะอื้นโดยมีเพื่อนปลอบประโลม
“เกรเต้พาตัวผู้หญิงอีกคนออกไป!”เซ็ทสั่งเสียงกร้าว
ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตระหนก รีบลุกยืน แพททิเซียมองเพื่อน
“ฉันไม่ไป!” เธอร้องโวยวาย
เรียวแขนถูกคว้าไว้ทันที มิรันดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งเอื้อมมือเข้าหาเพื่อน แพททิเซียลุกคิดจะติดตามไป
“ถ้าเธอตามไป ฉันจะสั่งให้ลูกน้องข่มขืนเพื่อนเธอซะ!”สองเท้าชะงักหันขวับมาทางชายหนุ่ม ร่างกายสั่นเทายอมนั่งลงตามเดิม
มิรันก้มลงกัดท่อนแขนของเกรเต้
“โอ้ย!”บอดี้การ์ดหนุ่มร้องก่อนจัดการใช้ผ้าปิดปากแล้วอุ้มพาดบ่าออกไป แต่ยังคงได้ยินเสียงอู้อี้ติดตามมา