บทที่ 1จุดเริ่มต้น
ปลายนิ้วกดลงบนแป้นพิมพ์ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม แพททิเซีย คานะ รามิโน้ สาวน้อยวัยแรกรุ่นอายุยี่สิบสองปี ใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโต จมูกโด่ง แพขนตางอนยาว ผิวขาวอมชมพู ริมฝีปากบางรูปกระจับ ผมยาวสยายถึงแผ่นหลังกำลัง จ้องมองหน้าจออ่านทวนทุกตัวอักษรอย่างยินดี เธอจบการศึกษาแล้วและผู้อุปถัมภ์เป็นเจ้านายของบิดา เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเป็นที่ใฝ่ฝันของสาวๆ และเธอก็ฝันเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ทว่าใจดวงนี้ไม่เคยคิดเอื้อมเพราะรู้ว่าห่างชั้นเหลือเกิน
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลุกยืนจากเก้าอี้เปิดออก เห็นอามินาเอะยืนยิ้มอยู่ แต่ในไทยเธอเรียกแทนด้วยชื่อว่าอาเฟื่อง สำหรับชื่อแพททิเซียนั้นพ่อเป็นคนตั้งให้เผื่อวันใดไปอิตาลีจะได้เรียกง่ายๆ คิดว่าพ่อคงลงหลักปักฐานที่นั้นเลย
“มีอะไรคะอาเฟื่อง”
“วันนี้มีแสดงที่สถานเอกอัครราชทูตเบลเยี่ยมนะแพท”อาสาวพยายามเตือน
“ทราบแล้วค่ะคุณอา”
“รีบอาบน้ำแต่งตัวลงมานะ มิรันมารอแล้ว”
“ค่ะ”
ปิดประตูห้องลงเช่นเดิม นั่งลงกดส่งอีเมล์อันร้อยเรียงถ้อยคำมากมายลงไป หยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ คืนนี้มีแสดงเพื่อต้อนรับท่านทูตจากประเทศเบลเยี่ยม
เวทีขนาดไม่กว้างราวสิบฟุตยาวสิบห้าฟุตขนาดพอเหมาะตั้งไว้ตรงสนามหญ้าหน้าตึกสถานทูตเบลเยี่ยม เครื่องดนตรีไทยถูกจัดวางไว้ข้างเวทีสำหรับการบรรเลง ร่างงามระหงส์ในชุดผ้าไหมสีม่วงขลิบทอง ผมถูกรวบกลางกระหม่อมสวมด้วยชฎา ช่วงอกพันไว้ด้วยสไบสีทองพาดลงมาถึงช่วงสะโพก กำไลทองคำถูกใส่ไว้ตรงข้อมือ และข้อเท้า
นางรำเดินออกมาจากด้านข้างเวทีเริ่มต้นฟ้อนเทียน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกับฟ้อนสาวไหม เพลงลาวดวงเดือน แพททิเซียลงจากเวทีช่วงเวลาสี่ทุ่มตามสัญญางานของเธอจบลงพร้อมเพื่อนๆ ในคณะนาฏศิลป์เดียวกัน
“แพท อาต้องอยูที่นี่ต่อ แพทกลับก่อนเลยนะ”เฟื่องฟ้าบอกหลานสาว
“อ๋อ ได้ค่ะอา เดี๋ยวหนูกลับเองก็ได้”
“อาฝากพาสาวๆ กลับไปด้วยกันด้วยนะแพท มืดแล้วมันอันตราย”
“ได้ค่ะ”
หันเก็บข้าวของเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ลบเครื่องสำอางบนใบหน้าต่อ รถตู้เจ้าประจำถูกเรียกใช้เพื่อมารับในทันที
“แพท! เรียกรถตู้มาทำไม บอกแล้วใช่ไหมว่าให้กลับพร้อมกัน”หันตามเสียงเห็นเพื่อนสาวคนสวยยืนหน้าบูดอยู่
“เราไม่อยากรบกวนรันนี่นา”
มิรันก้าวยาวถึงตัว ใบหน้างอง้ำสีหน้าไม่พอใจ
“เมื่อไหร่จะเลิกคิดแบบนี้สักที!”กอดอกหันขวับ
มือสองข้างจับบ่าเพื่อนสาวแย้มยิ้มออกมา เพราะมิรันเป็นคนรวยทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนทุกครั้ง ไม่กล้าบากหน้าเรียกใช้ คนอื่นมองเธอว่าชอบเกาะเพื่อนถ้อยคำดูถูกต่างๆ นาๆ ทำเอาเบื่อ แต่มิรันนั้นเป็นคนดีจึงไม่เคยคิดอยากเลิกคบหา
“อย่างอนเลยนะ เราขอโทษรัน ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้ว”ง้อเสียงหวาน
หันมาเผชิญหน้ากับเพื่อน
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ ยังไงรถก็มารับเราอยู่แล้ว แพทเลิกเกรงใจเราเถอะ ใครจะว่ายังไงก็ช่างมันตัวของเราไม่ได้ไปใช้หรือพึ่งพาพวกนั้นสักหน่อย!”
“จ้าๆ เข้าใจแล้วค่ะ”
สองร่างเดินเคียงถึงรถ มิรันโบกมือลาเพื่อนแล้วขึ้นรถตัวเองกลับบ้าน หญิงสาวรีบก้าวยาวนั่งในรถตู้สีขาวพร้อมกับเพื่อนในคณะ การเดินทางราวชั่วโมงถึงบ้านทุกคนนำข้าวของมาเก็บแล้วแยกย้ายกันกลับ ไม่มีใครอยู่บ้านทั้งหลังเงียบเหงา
ในความเป็นจริงเธอไม่ได้ยากจน เพียงแต่เงินที่ได้รับมาจากบิดาต้องนำเอามาช่วยอาใช้หนี้ จะไม่ช่วยเหลือก็กระไรในเมื่อเธอมาอาศัยอาเฟื่องอยู่ตั้งแต่ยังเล็ก ท่านดูแลดีทุกอย่างอาจมีนอกลู่นอกทางบ้าง หนี้สินตอนนี้จวนหมดแล้วไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อเพราะกลัวจะโกรธเอาเสีย เมื่อก่อนอาเฟื่องชอบเล่นการพนันมากตอนนี้เลิกแล้วคงเข็ด เธอเองเกือบโดนจับตัวไปขายโชคดีพ่อโอนเงินมาให้ทันเวลา
ในครั้งนั้นแปลกใจเหตุใดถึงได้โอนเงินมามากมายเช่นนี้ พ่อบอกเพียงว่าเจ้านายใจดีให้ของขวัญ แล้วอีเมล์ฉบับต่อมาพ่อเล่าว่าเจ้านายจะอุปถัมภ์เธอจนจบปริญญา รูปถ่ายของเขาดูสง่างาม หล่อเหลา ราวกับรูปปั้น เหมือนฝันในตอนนั้น แล้วทุกวันนี้แม้อีเมล์สักฉบับเขาไม่เคยส่งตอบมาเลย แต่เธอยังคงคิดติดต่อหาเขาเช่นเดิม
ร่างบางค่อยๆ เก็บข้าวของเสื้อผ้าเข้าที่ให้เรียบร้อย มองนาฬิกาเกือบเที่ยงคืนอาคงยังไม่กลับ อาจอยู่รองานเลิกเพื่อได้เงินในวันนั้น ทุกอย่างเรียบร้อยจึงสาวเท้าขึ้นชั้นสองเพื่อจัดการธุระส่วนตัวของตนเอง ตีหนึ่งถึงได้เอนกายลงนอนหลับตาลงหวังว่าคืนนี้คงได้ฝันเห็นเขา
ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมในห้องทำงานชั้นสามหกของโรงแรมแกนดิเน่ สัญญาณเตือนถึงอีเมล์ทำให้เขารีบเปิดอ่าน เห็นข้อความในนั้นเขาจำได้หลายฉบับที่ส่งมาเพื่อขอบคุณ น่าแปลก... ทำไมถึงได้รู้สึกดีใจ ช่วงปีก่อนฟาวิโอ่มาพูดคุยกับเขาและสารภาพว่ามีลูกสาวอาศัยอยู่กับอาที่เมืองไทย ช่วงนี้กำลังส่งเสียให้เรียนหนังสืออยู่
เพราะความสนิทสนมกันเลยตบปากรับคำจะช่วยเหลือในการอุปถัมภ์บุตรสาวของลูกน้อง หลังจากวันนั้นแพททิเซียก็ไม่เคยขาดการติดต่อกับเขาเลย รูปถ่ายแนบไฟล์ส่งมาทำให้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน เธอสวย... โครงหน้ารูปไข่ ดวงตามกลมโต ริมฝีปากรูปกระจับเป็นสีชมพูระเรื่อ ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้า อาจเพราะมีเชื้อสายทางญี่ปุ่นปะปน เพียงแค่มองภาพนั้นแทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เซ็ทเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ ร่างสัดทัดผ่านประตูเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเสมอต้นเสมอปลาย สองมือยกขึ้นประสานลงตรงหน้านึกแปลกใจปกติฟาวิโอ่ไม่เคยมาพบในเวลานี้
“นี่ครับ”ยื่นรูปถ่ายให้ดู เซ็ทรับมาจ้องมองชายแปลกหน้าในภาพนั้น
“อะไร!”สีหน้าไม่เข้าใจ
“คนของมัสสิโม่ กำลังวางแผนจะวางระเบิดโรงแรมแกนดิเน่เพื่อทำให้ชื่อเสียงสั่นคลอน”
เซ็ทขบกรามแน่นจ้องมองชายในภาพแววตาดุดัน เหตุใดมัสสิโม่ไม่เลิกราสร้างความเดือดร้อนให้ตลอดมา
“แล้วไอ้เวรนี่มันอยู่ที่ไหน!”ลุกยืนสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมจับไปขังไว้ที่ห้องใต้ดินของอัลเล็นโซ่แล้วครับ” สีหน้าครุ่นคิด “คุณชายจะเอายังไงดี หรือจะแจ้งตำรวจ”
“ยังไม่ต้องแจ้ง ฉันจะไปเค้นถามมันเองว่ามีแผนอะไรอีก”
หุนหันเดินออกจากห้อง ด้านหลังคฤหาสน์สไตล์วินเทจพื้นสนามหญ้าขนาดใหญ่ มีสระน้ำ ทางเดินถูกโรยด้วยกรวด ดอกไม้นานาพรรณถูกปลูกไว้เป็นสัดส่วนช่วงนี้ อากาศเย็นเลยพากันบานสะพรั่งสวยงาม
เหนือพื้นหญ้ามีประตูเหล็กปิดแนบกับพื้นเปิดออกเดินลงบันได อากาศด้านในอบอุ่นกว่าข้างนอก กลิ่นอับชื้น มีพวกตะไคร่น้ำ ขึ้นเกาะตามผนังอิฐ เกือบสุดทางจึงเห็นแสงสว่างจากแสงไฟ เซ็ทหยุดยืนมองชายร่างกำยำถูกมัดกับเก้าอี้กำลังสลบไม่ได้สติอยู่
“เอาน้ำสาดให้มันตื่น!”สั่งเสียงกร้าว ลูกน้องรีบทำตาม
“ล้มค่ะ”
“พรุ่งนี้ฉันจะให้เกรเต้พาไปหาหมอ”
แพททิเซียเหลือบมองเขาเล็กน้อยแล้วต้องรีบเมินหนี เมื่อท่อนบนเปลือยเปล่ามันทำให้ยากจะมอง ไม่เคยเห็นรูปร่างผู้ชายเปลือยต่อหน้าเลย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พักไม่กี่วันก็หาย”
“งั้นเหรอ” ยิ้มเย็นเผยออกมา “เธอรู้อะไรไหมแพททิเซีย...”
เงยมองเขาเห็นแววตาทอประกาย รอยยิ้มดูน่ากลัว
“ระ...รู้อะไรเหรอคะ”
“รู้ว่าตัวเองขัดขวางความสุขฉันยังไงล่ะ แทนที่จะรีบขึ้นไปยืนดูอยู่ได้ หรือเธออยากให้ฉันทำแบบนั้นกับเธอบ้าง!”
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจแค่หิวน้ำเลยลงมา ฉันตั้งใจจะไปจริงๆ แต่ข้อเท้าบาดเจ็บเลยทำไม่ได้!”รีบแก้ตัวเสียงสั่น
ร่างสูงยืนนิ่ง มีคำถามมากมายในหัว เขากำลังสับสนมากถึงได้เรียกรันเซียมาเมื่ออยู่ใกล้ความต้องการพุ่งทะยานจนหยุดแทบไม่อยู่
“อยู่เมืองไทย เธอมีแฟนหรือเปล่า”หันมาถาม
“ก็... เคยมีค่ะ”ตอบตามจริง
“แล้วตอนนี้ไม่มีแล้วหรือไง”
“ค่ะไม่มีแล้ว”จะมีได้ยังไงในเมื่อเธอดันตกหลุมรักเขาซะขนาดนี้
“ไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อน”รู้สึกเหมือนโดนก้อนบางอย่างหล่นทับเพียงแค่ได้ยินว่าเธอเคยมีแฟนแล้ว
เปิดประตูห้องออกมาสาวเท้าลงมาจากชั้นบน มองเห็นคู่ขานั่งตีหน้าเศร้าพอเจอหน้ากระโจนเข้าหาทันที ร่างสูงเอนกายพิงพนักโซฟา หมดอารมณ์แล้วไม่อยากทำอะไรเลย สมองมันหนักอึ้งไปหมด ทุกอย่างมันขัดแย้ง สับสน วุ่นวายในหัวใจ
“ต่อกันนะคะ”รันเซียรีบบอก
“ผมไม่มีอารมณ์แล้วรันเซีย”บอกความจริง
“เดี๋ยวก็มีเองค่ะ”
กางเกงถูกปลดออกอีกครั้ง เพียงแค่นั่งอยู่เฉยๆ ก็มีคนมาปรนเปรอถึงขนาดนี้ แล้วเขาควรจะคิดมาเรื่องแพททิเซียหรือยังไงกัน ตอนนี้หูอื้อตาลายหมดแล้วเมื่อคู่ขาของเขาเก่งกาจเสียจนกลั้นมันไว้ไม่อยู่ คืนนี้ขอหาความสุขให้ตัวเองพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน