แพททิเซียชันกายสายตามองผ่านความมืดในห้องนอน กดโคมหัวเตียงแสงสว่างสลัวฉายในห้อง เข็มนาฬิกาฝาผนังบอกเวลาตีห้าตรง นอนไม่หลับเลย ในหัวมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องของเขาไม่ขาด สะบัดผ้าห่มคลุมกายออกหย่อนขาลงจากเตียง ไม่อยากงอมืองอเท้าอยู่ไปวันๆ
หยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำราวยี่สิบนาทีออกมา นั่งลงหน้ากระจกจัดการทาครีมเล็กน้อยแล้วแต่งตัว สาวเท้ามาถึงหน้าประตูเปิดออก ก้าวเดินผ่านทางระหว่างห้องมาจนถึงบันไดหินอ่อนสีดำแล้วลงมาภาพในสายตาเห็นแสงไฟสลัวอยู่ในช่วงห้องครัว แพททิเซียรีบเข้าไป
การมาเยือนของผู้หญิงที่สาวใช้ต่างเข้าใจว่าคงเป็นแขกทำให้ทุกคนชะงักงัน เซร่าแม่บ้านเก่าแก่เดินเข้ามาหาหญิงสาวท่าทีนอบน้อม
“เอ่อ... คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”
แพททิเซียระบายยิ้มออกมา รู้สึกเบื่อคนเคยทำอะไรมากมายแต่กลับนั่งเฉยๆ มันอยู่ไม่ได้
“แพทอยากมาช่วยงานในครัวค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณ คุณเป็นแขกของคุณชายจะมาช่วยพวกเราคงไม่ดีหรอกค่ะ”แม่บ้านรีบปฏิเสธ
“แต่แพทอยากช่วยนี่คะ อีกอย่างแพทเบื่อมากเลยค่ะ ให้แพทช่วยนะคะแพททำอาหารไทยเก่ง”
แม่บ้านสาวใช้มองหน้ากันท่าทีอ่อนอกอ่อนใจ จะทำยังไงกับแขกจอมตื้อ หากไม่ยอมเธอคงไม่รามือแน่นอน
“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าเครื่องเทศไทยเราไม่มีหรอกนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แพทเห็นคราวๆ แล้วน่าจะมีอะไรที่พอทำได้บ้าง”แพททิเซียรีบเดินตรงเข้าไปด้านใน เปิดตู้เย็นค้นหาข้าวของแล้วหยิบออกมา
ยืนมองวัตถุดิบแล้วเห็นทีจะทำได้แค่เพียงอย่างเดียว ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยขอออกไปข้างนอก ที่อิตาลีน่าจะมีร้านอาหารไทยอยู่พ่อเคยเล่าว่าออกทานเป็นประจำ พ่อไม่เคยเล่าถึงแม่แต่เรื่องราวค่อนข้างซับซ้อน อาเฟื่องไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด เพียงแต่พ่อสนิทสนมกับสามีอาเฟื่อง ช่วงตามนายมาทำงานเมืองไทย เดินทางไปมาระหว่างสองประเทศ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันเหตุใดถึงได้มาอยู่ในประเทศไทย ตอนนั้นยังเด็กมากภาพติดตาคือแม่เดินจากไปเหลือเพียงเธอกับพ่อยืนอยู่ด้วยกัน สุดท้ายเราสองคนเดินทางมาประเทศไทยแล้วพ่อก็ฝากเด็กเล็กๆ ไว้กับอาเฟื่อง
หันหยิบฉวยของเป็นระยะ แม่บ้านและสาวใช้ยืนดูสีหน้ามึนงง วัตถุดิบถูกใส่ลงกระทะส่งกลิ่นหอมฟุ้ง คนยืนเคียงเริ่มมุงดูไม่นานข้าวผัดปูสูตรพิเศษออกมาให้ยลโฉม แพททิเซียตักแบ่งไว้ให้กับแม่บ้านและคนอื่นๆ นอกเหนือจากของเขาด้วย ช้อนถูกหยิบขึ้นมาชิมกันอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อยมาเลยค่ะ”แม่บ้านเก่าแก่ชมเปราะ
“จริงด้วยค่ะ นี่เขาเรียกว่าอะไรคะ”
“ข้าวผัดปูค่ะ”
เซร่าทานอีกสองสามคำหันมองเวลา ล่วงเลยจนป่านนี้หากคุณชายตื่นขึ้นมายังไม่เสร็จเรียบร้อยคงเป็นเรื่องใหญ่พักนี้อารมณ์ขุ่นมัวไม่ปกติอยู่
“ทำอาหารก่อนเดี๋ยวคุณชายจะลงมาแล้ว!”ทุกคนแยกย้ายกันทำหน้าที่ แพททิเซียเดินออกมา
บรรยากาศในช่วงเช้าอากาศค่อนข้างเย็น ร่างบางทอดน่องมาจนถึงสวนด้านหลังดอกไม้เริ่มบานสะพรั่งสระน้ำใสสะอาดจนมองเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ ด้านซ้ายของสระมีตึกรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสติดกระจกแทนหน้าต่างและประตูทั้งหลัง ทุกบานมีม่านสีขาวไว้ช่วยบังแดด กวาดตามองรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครจึงถือวิสาสะเข้าสำรวจ
สองเท้าหยุดยืนหน้าประตูมองเข้าด้านในเห็นโซฟาสไตล์โมเดิร์นสีขาววางเรียงอยู่ด้านหน้ามีจอทีวีราวห้าสิบนิ้วติดตั้งเข้าในตัวผนัง มีระเบียงไม้ยื่นออกมาในสระน้ำเก้าอี้เหล็กสีขาวตั้งวาง พร้อมร่มกางเพื่อป้องกันแสงแดด ทางซ้ายมือมีบาร์สำหรับน้ำดื่มมีเตาเล็กๆ ทำอาหาร ด้านนอกมองเห็นรางสำหรับทำบาร์บีคิวอยู่ด้วย ทุกอย่างครบครัวหากได้มาสนุกกับครอบครัวคงดี
แต่ทว่า... เมื่อมองดูแล้วสถานที่นี้คงไม่ได้ใช้เลย แม้มันจะสะอาดเรียบร้อยแต่ร่องรอยของการใช้งานแทบไม่มี เตาที่ควรจะถูกไฟเผากลับดูใหม่เอี่ยม นึกเสียดายแทนหากเธอมีบ้านแบบนี้สักหลังคงชวนเพื่อนมานอนค้างทำอะไรสนุกๆ กัน
“ทำอะไรอยู่เหรอครับ”เสียงเข้มด้านหลังทำเอาหญิงสาวสะดุ้งรีบหันมา
“ขะ...ขอโทษค่ะฉันไม่ได้ตั้งใจ!”
คนตัวใหญ่หัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัว
“ผมแค่ทักทายครับไม่ต้องกลัว ผมไม่ใช่คุณชายหรอกนะครับ”เกรเต้รีบบอก
“แต่ว่า...”
จะให้เชื่อได้ยังไงในเมื่อเขาลากเพื่อนเธอเข้าออกเป็นว่าเล่นแบบนั้น
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ถ้าคุณไม่ทำอะไรเป็นการรบกวนจิตใจเจ้านายผม ผมไม่ทำอะไรแน่นอนครับ”ยกสองนิ้วขึ้นมาเหมือนปฏิญาณ
แพททิเซียชั่งใจแววตาของคนคนนี้ไม่ได้ส่อเจตนาร้ายอะไร การปฏิบัติต่อเพื่อนสาวบางครั้งใจก็คิดว่าสมควร มิรันปากกล้าและที่สำคัญไม่เคยยอมอ่อนให้ใคร
“ถ้าคุณยืนยันแบบนี้ฉันก็เบาใจ”
“แล้ว... มายืนทำอะไรแถวนี้ครับ”
“ก็แค่อยากมาเดินเล่นเท่านั้นค่ะ”ตอบเลี่ยง
หันหน้ามองคฤหาสน์ เกรเต้ยกนาท่อนแขนเลิ่กแขนเสื้อออกเผยให้เห็นนาฬิกาเรือนสีดำสนิทสำหรับใช้เวลาดำน้ำ คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย
“คุณชายคงตื่นแล้วล่ะครับ เข้าไปข้างในดีกว่า เดี๋ยวคุณจะโดนดุเอาได้”เกรเต้แนะ