เซ็ทยืนข่มกลั้นอารมณ์ตนเอง เมื่อภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจเต้นรัวไม่หยุด ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด ทรวดทรงองเองเด่นชัดน่ามอง อยากเข้าไปสัมผัสทุกส่วน กลิ่นหอมของสบู่ยังลอยมาแตะจมูกจนทำให้แทบจะกลั้นความรู้สึกพลุ่งพล่านไว้ไม่อยู่
“ไม่มีปัญหาอะไรคะ คุณช่วยออกไปได้ไหมคะ”
“ผมจำเป็นต้องออกไปด้วยเหรอในเมื่อที่นี่เป็นห้องของผม”คนตัวใหญ่กลับกวนประสาทแถมยังหน้าตาย
“แต่ว่าฉันอยากแต่งตัว”
“ก็แต่งไปสิ”สีหน้าไม่ยินดียินร้าย
คนตัวเล็กพูดไม่ออกมันน่าอายเธอจะทำอย่างที่เขาว่าได้อย่างไร ใบหน้าเริ่มแดงซ่านขึ้นมาอึกอักไม่กล้าขยับเพราะกลัว
“ฉันแต่งไม่ได้หรอก คุณยังอยู่ที่นี่ ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ”รีบแย้ง
เซ็ทเลิ่กคิ้วรอยยิ้มร้ายกาจระบายออกมา สองเท้าก้าวอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวผงะถอยหลัง จังหวะนั้นเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนหยดน้ำเกาะพราวตามพื้น
“ว้าย!”ร้องลั่นออกมา ร่างกายซวนเซจวนเจียนล้ม
หมับ!
แพททิเซียหลับตาแน่นแต่ร่างกายกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดลืมตาขึ้นมาใบหน้าของเขาอยู่ห่างเพียงแค่คืบ กวาดตามองเห็นผ้ากำลังหมิ่นเหม่แทบหลุดออกมา ทรวงอกอวบเริ่มโผล่พ้นขอบผ้ามือข้างหนึ่งรีบกำปมผ้าขนหนูแน่น รีบผละห่างจากร่างสูงที่โอบรัดไว้ แต่คนตัวใหญ่กลับไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยฉันนะคะ!”ร้องบอกเสียงสั่น
“ทำไมต้องปล่อย”
สีหน้าเขาเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เธอไม่เข้าใจทำไมต้องทำเหมือนต้องการแกล้งกันอยู่เรื่อย
“ฉันอึดอัดค่ะ”มันน่าอายเหลือเกิน
ยอมปล่อยร่างเกือบเปลือยเป็นอิสระ สุดแสนเสียดายไม่เคยเลยที่ตัวเองจะหลงใหลในตัวหญิงสาวถึงเพียงนี้มันรู้สึกต้องการอย่างท่วมท้น หากฉุดรั้งขึ้นไปบนเตียงด้วยกันได้คงทำไปแล้ว แต่เพราะตระหนักว่าแพททิเซียคือบุตรสาวของคนทรยศเลยทำให้ความคิดเหล่านี้หลุดลอยไป เหลือเพียงหักห้ามใจตัวเองไว้เท่านั้น
“หนึ่งทุ่มตรงลงไปทานอาหารข้างล่าง เพื่อนของคุณจะมาด้วย”หันหลังเดินจากออกมาแล้วปิดประตูห้องลง แพททิเซียมองตามด้วยความไม่เข้าใจ
เหตุการณ์เมื่อครู่ทำเอาใจสั่นไม่หาย คงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ใครจะคิดว่าเขาจะเข้านอกออกในห้องได้อย่างสะดวก
หนึ่งทุ่มตรงลงมาด้านล่างโต๊ะอาหารถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ความคิดหนึ่งผุดพรายขึ้นมาที่นี่ทานอาหารจำพวกแป้งเสียมาก เก้าอี้ไม้บุนวมสีไข่ไก่ถูกเลื่อนออกหญิงสาวนั่งลงกวาดตามองหาเพื่อนตนเอง เสียงฝีเท้าจากชั้นบนจึงเงยหน้าขึ้นมองเห็นร่างสูงในชุดลำลองเดินลงมา สองมือล้วงกระเป๋า
ดวงตาเรียวคมจ้องมองมาทางร่างบางนั่งอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆ สาวเท้าหยุดยืนข้างเก้าอี้ลากมันออกแล้วนั่งลงตรงข้ามกับเธอ ไม่นานนักมิรันก็ติดตามมาด้วยอีกคนโดยมีบอดี้การ์ดหนุ่มคุมตัวมา มิรันหย่อนก้นลงข้างเพื่อนเบ้ปากหมั่นไส้ผู้ชายอีกคน มื้ออาหารเริ่มต้นขึ้น
“ฉันอยากพาเพื่อนกลับบ้าน!”มิรันเริ่มบทสนทนาน้ำเสียงไม่พอใจ เกรเต้เหลือบมองแววตาแข็งกร้าว
“รันอย่าพูดแบบนี้สิ แพทตกลงกับคุณเซ็ทเรียบร้อยแล้ว”
“แต่เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่นะแพท แบบนี้มันกักขังหน่วงเหนี่ยวแล้ว!”
“แต่เราเต็มใจอยู่ที่นี่รัน”
“แต่เราไม่ยอมหรอก จะปล่อยให้แพทอยู่คนเดียวได้ยังไง”หันมาทางชายหนุ่ม “ตกลงว่ายังไง ฉันจะพาเพื่อนกลับ ช่วยกรุณาปล่อยพวกเราไปด้วย!”
เซ็ทวางช้อนดวงตาเรียวคมจ้องมองทางผู้หญิงอีกคน แววตาแข็งกร้าวสีหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“ผมคงทำไม่ได้หรอกครับ เพราะแพททิเซียยอมตกลงเป็นตัวประกันของผม”ตอบน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“แต่ฉันไม่ยอม คอยดูฉันออกไปจากที่นี่ได้จะฟ้องให้หมดตัวเลย!”
“หยุดพูดจาไม่มีสำมาคารวะกับเจ้านายผมสักที!”เกรเต้เข่นเขี้ยวออกมา
“มันเรื่องของฉัน!”
หันมองเจ้านายเล็กน้อย ก่อนหันมาหาผู้หญิงปากร้าย
“คุณชายจะโกรธผมก็ได้ แต่ผมทนไม่ไหวอีกแล้ว!”ไม่ทันได้พูดอะไร มิรันถูกรวบพาดบ่าทันที
“ว้าย! แกจะทำอะไรปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
“รัน! อย่าทำอะไรรันนะคะ!”หันมาทางเขาเพื่อวอนขอ
“เกรเต้ไม่ทำอะไรเพื่อนคุณหรอก”หันมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
แพททิเซียหันมองเพื่อนสาวถูกพาตัวไปจนลับสายตา แม้จะได้เสียหวีดร้องแว่วมา หยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารเข้าปากไม่ได้รู้สึกถึงรสอาหาร ในจิตใจกำลังสับสนไปหมด
“ฉันจะหาทางติดต่อพ่อเธอ ฉันต้องการแค่เพชรเท่านั้น!”
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อล่ะคะ”
“ฉันจะเอาตัวเธอแลกกับเพชร หากพ่อเธอไม่ยอมฉันคงต้องใช้กำลัง เพชรหกเหลี่ยมสำคัญมากสำหรับฉัน”ดวงตาเรียวคมไหวระริกเหมือนมีบางอย่างแอบซ่อนอยู่
“แล้วแต่คุณเถอะค่ะ หากพ่อยอมฉันขอร้องอย่าทำร้ายพ่อนะคะ”อ้อนวอนเสียงแผ่ว
“เรื่องนั้นฉันเข้าใจดีแพททิเซีย อยู่ที่นี่อย่าได้คิดหนีให้มีปัญหาเพราะฉันให้เกียรติเธอด้วยการให้อยู่ในคฤหาสน์เดียวกัน แต่ถ้าหากเธอทำอะไรนอกลู่นอกทางอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”ถ้อยคำเหมือนคำสั่งเอ่ยออกมา
“เข้าใจแล้วค่ะ”ตอบรับเสียงอ่อย
แพททิเซียก้มหน้าก้มตาสนใจอาหารต่อ พยายามฝืนกินมันเข้าไป สงสารแต่เพื่อนไม่ได้ทานอะไรทั้งวัน ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นเช่นไรบ้าง หวังว่าบอดี้การ์ดคนนั้นคงจะไม่รุนแรง ต่อจากนี้ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง ขอเพียงแค่พ่ออย่าเป็นอะไรไปเท่านั้นก็พอ