EP.04

1031 Words
สายตาของแขกที่อยู่ร่วมในงานคล้ายจะสนใจการมาของเขา ตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาจอดด้านข้างศาลา เพราะคงไม่มีใครคาดคิดว่าผู้วายชนม์หรือเจ้าภาพของงานจะมีผู้มาร่วมงานในฐานะเทียบเท่ากับเขา ก็แน่ละ เพราะตั้งแต่รถเขาเคลื่อนเข้ามาในอำเภอแห่งนี้ ทั้งบ้านเรือนสองฝั่งข้างทาง ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นนี้ และทั้งสิ่งที่แม่บอก ก็พอคาดเดาได้ว่าบั้นปลายชีวิตของเธอคนนั้นคงไม่ได้สบายสักเท่าไร แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง เมื่อเลือกผิดก็ต้องยอมรับผลจนตัวตาย            “เอ่อ...บอสจะลงไปเลยมั้ยครับ” เลขาฯ คู่ใจที่ควบตำแหน่งคนขับรถจำเป็นหันไปถามเจ้านายที่นั่งหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เดินทางออกมาจากกรุงเทพฯ และเขาก็ไม่ถามด้วย เพราะนายหญิงสั่งไว้ว่าถ้าฝ่ายนั้นไม่พูดออกมาก่อน เขาก็อย่าได้สะเออะเอ่ยปากก่อนเด็ดขาด ถ้ายังอยากมีอวัยวะครบอาการ 32 กลับไปกรุงเทพฯ แต่ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องฝืนคำสั่ง เพราะภาพบรรยากาศตรงหน้าแสดงให้เห็นว่าพิธีกรรมกำลังเริ่มขึ้นแล้ว            อารัญ แอนโทนี แฟรงเกนส์ ตวัดดวงตาคมเข้มที่สะท้อนลูกแก้วสีน้ำตาลขึ้นมอง ใช้สายตาปราม กาย เลขาฯ ส่วนตัวผ่านกระจกมองหลัง ย้ำเตือนว่าอย่าตั้งคำถามกับเขาในขณะที่อารมณ์ไม่ปกติ เพราะไม่อย่างนั้นคำเตือนจากแม่อาจเป็นจริง            ดวงตาคมเข้มกร้าวขึ้นอีกเมื่อเสียงจากเครื่องขยายเสียงดังชัด ชายไทยสูงวัยกำลังบอกวาระของพิธีการ สิ่งที่มองเห็น เสียงที่ได้ยิน ล้วนตอกย้ำว่าสิ่งที่เขากำลังจะเผชิญหน้าอยู่นี้คือความจริง ‘ลูกหนี้’ ของเขาชิงตายไปเสียก่อนที่เขาจะได้ชำระความ แล้วหนี้แค้นที่เขารอคอยให้พรหมลิขิตนำทางมาพบล่ะ ใครจะเป็นคนชดใช้ เขาต้องอโหสิกรรมให้เธอตามที่แม่บอกจริงๆ ใช่ไหม            แรกเริ่มเขาบอกตัวเองว่าหากแม่ไม่ขอให้มาเพื่ออโหสิกรรมต่อกันเป็นครั้งสุดท้าย ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะมา เพราะความคาดหวังว่าจะได้รับการชำระหนี้แค้นในวันใดวันหนึ่งสลายไปในทันทีที่รู้ว่าเธอไม่อยู่แล้ว ทั้งที่หัวใจเขายังฝังแน่นกับสิ่งนั้น            แต่ที่ตัดสินใจมาในครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายได้อย่างไรเหมือนกัน หรือเขาแค่อยากมาเห็นหน้าคนที่ทิ้งเขาไปกระมัง อยากเห็นความแร้นแค้นของเธอตามคำบอกเล่าของแม่ และเขาก็ไม่คิดว่าแม่จะรู้ทุกความเป็นไปของเธอด้วย เรื่องเหล่านั้นอาจเป็นแค่มารยาที่เธอใช้มาร้องขอความเห็นใจ            แต่ในยามนี้เมื่อได้เห็นโลงไม้ที่คลุมผ้าขาวเคลื่อนออกจากศาลาด้านข้าง ก่อนจะถูกนำมาวางไว้บนรถเข็นที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีขาวอยู่รายรอบ เขากลับเกิดอีกหนึ่งความคิด ไม่ใช่ ‘สงสาร’ แต่มันคือ ‘สะใจ’ เขาควรจะเกิดความคิดนั้นกับคนที่ไร้ลมหายใจไปแล้วเหรอ นั่นคือคำถามที่ถามตัวเอง แต่แล้วเขาก็ได้คำตอบ            อารัญแค่นยิ้มอย่างไม่ยี่หระความคิดของตนเอง เขาเองก็ไม่ได้เต็มใจจะมาตั้งแต่แรก ความแค้นที่สุมลึกอยู่ในใจตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไม่ได้ลดทอนลงเลย และไม่มีทางที่เขาจะอโหสิกรรมให้เธอดั่งที่แม่ขอ เพราะเขาไม่รู้หรอกว่าตัว ‘อโหสิกรรม’ เป็นอย่างไร มีหน้าตาแบบไหน รู้แต่ว่าสุดสายตาที่มองเห็นใบหน้ายิ้มละไมจากกรอบรูปที่ใครบางคนถือไว้แนบอกนั้น ‘ความโกรธ’ ‘ความเกลียด’ และ ‘ความคั่งแค้น’ จากหัวใจ ไม่ได้ลดน้อยลง เพราะภาพที่เห็นคือเธอยังคงยิ้มได้อย่างไม่สลด                 ภาพรอยยิ้มพิมพ์ใจที่เห็นฉุดดึงเขาให้ดำดิ่งไปในอดีตอีกครั้ง ในยามที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นเป็นครั้งแรกช่างเป็นวันเวลาที่มีความสุขมากที่สุด เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้หัวใจเด็กหนุ่มอย่างเขาเต้นระรัว ด้วยจังหวะแห่งความประหม่า จังหวะแห่งความเก้อเขิน และจังหวะแห่งความเบิกบานราวกับเขายืนอยู่กลางทุ่งหญ้าเขียวสด ที่มีดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่งอยู่เต็มทุ่ง            ‘ไม้! แวะมาทางนี้หน่อยลูก มารู้จักพี่เขาสิ’            เสียงของแม่ที่ร้องเรียกก่อนที่เขาจะเดินเลยห้องรับแขกไปไม่ต่างจากเสียงสวรรค์ เพราะนางฟ้าที่เขาเห็นนั่งอยู่ด้านข้างของแม่กำลังส่งรอยยิ้มแสนหวานและสวยที่สุดมาให้            ‘นี่พี่เดือนนะไม้ พี่เขาจะมาเป็นครูสอนพิเศษคณิตศาสตร์ให้ไม้นะ พี่เดือนเขาเรียนเก่ง ไม้ต้องสอบได้แน่’            ‘ครับแม่’            นั่นคือครั้งแรกที่เขาได้พบกับเธอ และรอยยิ้มของรัชนีกรก็ติดตรึงอยู่ในหัวใจเขานับตั้งแต่บัดนั้น เขาบอกไม่ได้ว่าเริ่มหลงรักเธอตั้งแต่เมื่อใด รู้แต่ว่าทุกๆ วันเขาจะเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่คุณครูสาวสวยจะมาเยือน รอที่จะได้ยินเสียงหวานๆ ของเธอ รอที่จะได้เห็นรอยยิ้มระบายบนใบหน้าสวย และรอที่จะได้มองใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางนั้น            ‘คุณไม้ มองอะไรอยู่คะ! เข้าใจที่พี่สอนหรือเปล่าเนี่ย’            ‘เข้า...เข้าใจครับ แต่...’            ‘แต่อะไรคะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่นะ อย่าเก็บเอาไว้ พี่จะได้อธิบายให้ถูกต้อง คุณไม้จะได้สอบได้ไง’            ‘เอ่อ...ผม... ผมอยากรู้ว่า...’            ‘อยากรู้อะไรคะ’ เธอถามพร้อมจ้องมองมา ทว่าดวงตาคู่สวยที่หวานและสุกสกาวไม่ต่างจากดวงดาวบนฟากฟ้ากลับทำให้เขาติดอ่างขึ้นมาดื้อๆ ใครจะคิดกันว่าคุณชายแฟรงเกนสไตน์อย่างเขาที่เพื่อนๆ ตั้งฉายานามว่า ‘คุณชายผีดิบ’ ตามนามสกุล ‘แฟรงเกนส์’ จะเกิดอาการประหม่า สั่น พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะแอบหลงรักคุณครูสอนพิเศษของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD