EP.15

1090 Words
พรบุหลันนั่งเงียบมาตลอดทางที่ภากรขับรถจากในเมืองมาจนเกือบจะถึงบ้าน เพราะทุกความคิดของเธอมีแต่เรื่องน่าประหลาดใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้ว่าภากรกับเกศราจะบอกว่าเป็นแค่เหตุบังเอิญก็ตาม แต่เธอไม่คิดแบบนั้น            “จันทร์ยังคิดเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ” ภากรถามขณะเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนดินลูกรัง ซึ่งเป็นเส้นทางจากถนนใหญ่เข้าสู่หมู่บ้าน ทำให้เขาต้องผ่อนความเร็วจนแทบจะกลายเป็นคลานเพื่อไม่ให้ฝุ่นแดงๆ คละคลุ้งจนทำให้บ้านเรือนด้านข้างหรือรถที่กำลังขับตามหลังมาได้รับความเดือดร้อน            “ค่ะพี่กร จันทร์ไม่สบายใจเลย”            ภาพดอกไม้ที่รวมตัวกันเป็นวงกลมยังติดค้างอยู่ในความคิด หากเป็นน้ำวน ดอกไม้ก็น่าจะถูกดูดไปใต้น้ำ แต่ทำไมแค่มาวนๆ เป็นวงกลมอยู่ข้างลำเรือ ก่อนจะกระจายไปตามสายน้ำดังเดิม หรือว่าแม่ต้องการจะบอกอะไรเธอหรือเปล่า            “ไม่มีอะไรหรอกจันทร์ ก็อย่างที่เกดบอกนั่นแหละ ใต้น้ำอาจจะมีน้ำวนอยู่ก็ได้ น้ำในแม่น้ำก็เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรหรอก จันทร์สบายใจเถอะ”            เสี้ยวหน้างดงามที่ฉายชัดถึงความไม่สบายใจนั้น ทำให้ภากรต้องพยายามสร้างความมั่นใจให้พรบุหลันมากที่สุด แม้ว่าตัวเขาเองจะคิดไม่ต่างกันก็ตาม            ‘โธ่...คิดว่าอะไร ก็ปกตินั่นแหละจันทร์ ใต้น้ำอ้ะก็มีน้ำวนน้ำไหลอยู่แล้ว เป็นธรรมชาติน่ะ ของที่เราโปรยลงไปในน้ำก็อาจลอยทวนน้ำขึ้นมาได้ ถ้าบังเอิญไปอยู่ตรงร่องน้ำพอดีไง ไม่แปลกหรอก เห็นประจำ’ นั่นคือสิ่งที่เกศราบอก แต่ดวงตาของเกศราที่สบตากับเขากลับไม่บอกแบบนั้น มันมีสิ่งผิดปกติ!            “จันทร์ก็อยากคิดแบบนั้นค่ะพี่กร แต่ถ้านั่นเป็นคำตอบของแม่ล่ะคะ”            “คำตอบอะไรเหรอจันทร์” เขาแทบอยากจอดรถแล้วโอบประคองพรบุหลันเอาไว้แนบอก เพราะสีหน้าของเธอไม่ดีเลย แต่ที่ทำได้คือขับคลานๆ ต่อไปเท่านั้น            “จันทร์...เอ่อ... จันทร์ถามแม่ในใจน่ะค่ะว่าแม่มีความสุขหรือเปล่าที่จันทร์ทำให้แม่แบบนี้ และแค่จันทร์คิด ดอกไม้ก็ลอยกลับมา จันทร์ก็เลยอดคิดไม่ได้น่ะค่ะว่านั่นแม่ทำให้เกิดขึ้นหรือเปล่า หรือแม่อาจจะบอกอะไรจันทร์ก็ได้”            สีหน้าเป็นทุกข์เป็นร้อนดั่งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่เธอคิดจริงๆ ยิ่งทำให้ภากรไม่อาจปล่อยให้พรบุหลันจมอยู่กับความทุกข์ได้            “จันทร์คิดมากไปแล้ว ที่จันทร์ทำให้ครูน่ะดีที่สุดแล้วนะ เชื่อพี่สิ ครูต้องมีความสุขแน่นอน ส่วนเรื่องดอกไม้ จันทร์ก็อย่าคิดมาก เกดเขาก็บอกแล้วนี่ว่าเป็นเรื่องปกติ จันทร์อาจจะไม่เคยเห็น จันทร์ก็เลยคิดว่าแปลก แต่เกดเขาทำงานตรงนี้นะ เขาก็บอกเองว่าเห็นเป็นประจำอยู่แล้ว”            “แต่สีหน้าของเกดไม่ปกติเลยนะคะ”            พรบุหลันผินใบหน้ามองข้างทาง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าสีหน้าของเกศรานั้นผิดปกติ เกศราไม่ใช่คนพูดไปหลบสายตาไปแบบนั้น ทั้งยังแอบสบตากับภากรด้วย นั่นไม่ใช่เรื่องปกติแน่ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอคิดมากอย่างไร            “จันทร์อย่าคิดมากเลยนะ ยังไงนั่นก็เป็นสิ่งที่จันทร์พิสูจน์ไม่ได้ ขอเพียงต่อจากนี้ไปให้จันทร์ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด พี่เชื่อว่าครูต้องมีความสุขแน่ เชื่อพี่นะ อย่าคิดมาก”            “ค่ะ จันทร์จะพยายาม”             พรบุหลันรับคำเบาๆ แต่สีหน้าก็ยังเป็นกังวล และยิ่งเมื่อรถกะบะกลางเก่ากลางใหม่ของภากรแล่นมาถึงบ้านของเธอ ใบหน้าของพรบุหลันก็ยิ่งฉายความเศร้า เพราะนับจากวันนี้ไปเธอจะต้องอยู่คนเดียวจริงๆ            ไม่มีอีกแล้วแม่ที่จะคอยให้ความอบอุ่นใจ คอยให้คำปรึกษาและรับฟังเรื่องราวต่างๆ ของเธอ ไม่มีแล้วแม่ที่คอยพร่ำสอนเธอเรื่องงานบ้านงานเรือน จนทำให้เธอเลือกเรียนในสายคหกรรมตามสิ่งที่ชอบ ไม่มีแล้วแม่ที่มีรอยยิ้มให้เธอเสมอเมื่อยามที่เธอกลับมาบ้าน นับต่อแต่นี้ไปเธอต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง            “พี่จะเป็นกำลังใจให้จันทร์อีกแรง จันทร์ต้องผ่านไปได้แน่นอน เชื่อพี่เถอะ”            “ขอบคุณค่ะ”            ภากรมองตามร่างแบบบางที่เดินใจลอยเข้าไปในบ้าน เขาอยากปลอบใจ อยากกอดปลอบขวัญเธอให้คลายเศร้า แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ ทว่านับจากพรุ่งนี้ไปเขาจะทำคะแนนให้พรบุหลันมองเห็นหัวใจของเขาบ้าง เธอจะได้รู้ว่าไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง ยังมีเขาอีกคนที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเธอ            ชายรูปร่างสูงใหญ่ตามลักษณะลูกครึ่งเอเชียกับยุโรป ยืนนิ่งมองสำรวจโลกภายนอกอาณาจักรแฟรงเกนส์ผ่านผนังกระจกใส ดวงตาคมเข้มมีแววกร้าวมองตรงไปข้างหน้า ด้านนอกยังคงมีแสงสว่างอยู่มาก ทั้งที่นาฬิกาบอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เขารอคอยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาถึง และสิ่งที่มองเห็นอยู่เหนือความวุ่นวายของเมืองกรุงก็เป็นสัญลักษณ์ที่ยิ่งเร่งเร้าความกราดเกรี้ยวของเขาให้เพิ่มมากขึ้น            ‘ดวงจันทร์’ ที่มองเห็นได้อย่างเด่นชัดทั้งที่แสงอาทิตย์ยังไม่มืดดับลง ไม่ต่างอะไรกับการประกาศให้โลกรับรู้ว่า แม้ดวงจันทร์จะมีแสงสว่างสู้ดวงอาทิตย์ไม่ได้ แต่เธอก็พร้อมที่จะอวดความสวยงามให้ผู้ที่ใส่ใจมองเห็น            กรามแกร่งขบกันแน่นจนเป็นสันเมื่อหวนคิดถึงข้อมูลที่กายให้มาเพิ่มเติม นั่นคือความสนิทสนมของคุณครูชั้นประถมในชุมชนกับเธอคนนั้น ผู้ชายที่เดินเคียงข้างเธออยู่ในงาน ซึ่งบรรดาเพื่อนบ้านต่างเหมารวมว่าทั้งคู่น่าจะเป็นคู่รักกัน และก็คงไม่นานที่จะลงเอย เมื่อคนเป็นแม่ไม่อยู่เสียแล้ว คนเป็นลูกก็ย่อมต้องหาหลักยึด ซึ่งจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ ภากร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD