“ไม่เป็นไร มาเถอะเกด พี่กร จันทร์พร้อมแล้วค่ะ” พรบุหลันยิ้มทั้งน้ำตาพลางเรียกเกศราและภากร
“ทำไมล่ะจันทร์ ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ จันทร์สบายใจเมื่อไหร่เราค่อยเริ่มพิธีกัน ใช่มั้ยพี่กร พี่กรก็ไม่รีบไปไหนใช่มั้ย”
“ใช่จันทร์ จันทร์สบายใจเมื่อไหร่ก็ค่อยเริ่ม”
“มาเถอะค่ะ จันทร์สบายใจแล้ว”
ภากรกับเกศรามองหน้ากันก่อนจะมองไปยังพรบุหลันที่ส่งรอยยิ้มมาให้ ยืนยันว่าเธอพร้อมแล้วจริงๆ ทว่าแม้หน้าตาจะมีรอยยิ้ม แต่เสียงสั่นเครือ และน้ำตาที่เอ่อล้นยามมองห่อผ้าขาวซึ่งวางไว้ในพานตรงหน้าก็บ่งบอกอารมณ์โหยหาถึงเจ้าของเถ้ากระดูกอยู่ดี
“มาเถอะเกด พี่กร ตอนนี้จันทร์สบายใจที่สุดแล้วค่ะ แม่จะได้รู้ไงว่าจันทร์มีเพื่อนที่แสนดี และมีพี่ชายที่ดีกับจันทร์มากแค่ไหน มาเถอะค่ะ”
เกศราหันมองภากรอย่างจะขอความเห็นว่าควรจะไปตามที่พรบุหลันบอก หรือควรจะให้เวลาเธออีกสักหน่อย ทว่าใบหน้าหล่อคมเข้มตามแบบฉบับหนุ่มไทยแท้ที่สลดลงชั่วครู่ ก่อนจะปรับให้ดูอบอุ่นพึ่งพาได้ตามเดิมนั้นก็ทำให้เกศราชะงัก เมื่อคำพูดของพรบุหลันทำร้ายภากรเข้าแล้ว
‘จันทร์นะจันทร์ ไปยกให้เขาเป็นพี่ชาย แล้วถามเขามั้ยว่าอยากเป็นหรือเปล่า’ เกศราได้แต่คิด ส่ายหัว แล้วเดินตามภากรไปแต่โดยดี
ห่อผ้าขาวในมือถูกหย่อนลงสู่ลำน้ำ แม้ก้นห่อจะเปียกจนส่งผ่านความชื้นให้กระจายมาจนเกินครึ่ง แต่พรบุหลันกลับอยากจะเปลี่ยนใจแล้วกระชากห่อผ้ากลับขึ้นมากอดเอาไว้ตามเดิม เพราะหากเธอปล่อยมือ นี่จะกลายเป็นการจากลาตลอดกาล ทว่าเธอก็ทำไม่ได้ เมื่อสิ่งนี้คือหนทางสิ้นสุด เธอจะเหนี่ยวรั้งแม่ไว้ได้อย่างไร
หญิงสาวค่อยๆ ปล่อยแต่ละนิ้วออกจากผ้า ให้น้ำหนักของน้ำทำให้ห่อผ้าสีขาวค่อยๆ จมลง พร้อมๆ กับที่หยาดน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย กลีบกุหลาบสีแดง กลีบดอกดาวเรืองสีเหลือง และดอกมะลิสีขาวสะอาดตาถูกโปรยตามลงไปเมื่อห่อผ้าขาวค่อยๆ จมลงสู่ใต้ท้องน้ำ ทั้งๆ ที่เธอไม่อยากให้สิ่งนั้นลอดสายตาไปเลย แต่ใครเล่าจะห้ามได้
พรบุหลันมองกลีบดอกไม้ที่กระจุกตัวรวมกันก่อนจะลอยไปมาตามแนวคลื่น ทั้งจากแรงลมและจากแรงสั่นสะเทือนของเรือลำอื่นที่วิ่งสวนมา ดั่งจะบ่งบอกว่าใต้ท้องน้ำนั้นมีสิ่งใดที่ล่วงหน้าไปก่อน และกลีบดอกไม้ที่สลับสีสันสวยงามเรียกความสนใจก็ทำให้พรบุหลันยิ้ม ทั้งที่หยาดน้ำตายังคงฉ่ำชื้น ทว่าน้ำตานี้ไม่ได้มาจากความทุกข์อีกแล้ว แต่มาจากความสุขที่เธออยากสื่อให้แม่รับรู้ และเธอเองก็อยากรู้เช่นกันว่าแม่มีความสุขจริงหรือเปล่า
“แม่ไปสบายแล้วนะจันทร์”
เสี้ยวหน้าซีดเซียวแต่ยังดูสวยงามมีรอยยิ้มบางๆ เกศราจึงโอบกระชับต้นแขนของพรบุหลันไว้แน่น อยากให้เพื่อนรักมีกำลังกายและกำลังใจที่จะสู้ต่อไปให้ได้ เพราะต่อจากนี้ไปพรบุหลันต้องสู้โดยลำพัง หากความเข้มแข็งถ่ายทอดผ่านกันได้ เธอก็อยากให้อ้อมกอดนี้ส่งผ่านไปสู่พรบุหลัน เพราะเพียงสามวันที่ครูรัชนีกรจากไป พรบุหลันคงใจหายไปหมดแล้ว
งานศพที่เจ้าภาพไม่ได้มีทรัพย์มาก ทั้งยังไม่รู้จักใครมากเท่าไร ทำให้พรบุหลันตัดสินใจทำตามที่ครูรัชนีกรสั่งเสีย นั่นคือ สวด หนึ่งคืนแล้วเผาได้เลย ทำให้เกศราไม่ได้ไปร่วมงานเลยสักวันเพราะติดงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ก็ยังดีที่มาทันในวันนี้ เพราะเป็นวันที่พรบุหลันไม่มีใครเลย เมื่อเผาศพเรียบร้อยแล้ว แขกที่มาร่วมงานก็ต่างคนต่างไป มีเพียงลูกหลานเท่านั้นที่ต้องจัดการต่อ ทว่าพรบุหลันก็มีครูรัชนีกรเพียงคนเดียวเท่านั้น หมดครูแล้วก็ไม่มีใครอีก ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน ไม่มีใครคอยปลอบประโลม
โชคดีที่ยังมีภากรคอยช่วยเหลือตั้งแต่ต้นจนจบงานไม่ต่างจากญาติ ไม่อย่างนั้นแล้วเธอก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าหากพรบุหลันต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด รวมทั้งการลอยอังคารในวันนี้ด้วย เพื่อนที่อ่อนหวานและดูเป็นหญิงไปทุกกระเบียดนิ้วคนนี้จะทำได้อย่างไร มีหวังคงได้เจ็บป่วยไปก่อนแน่ เพราะแค่ที่มองเห็นอยู่นี้เพื่อนก็แทบจะหมดเรี่ยวแรง
“จันทร์ต้องเข้มแข็งให้มากนะ”
เกศราบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใยพร้อมกระชับอ้อมกอด ถ่ายทอดทางสัมผัสว่าพรบุหลันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่ยังมีเธออยู่อีกคน
“จ้ะ เกดไม่ต้องห่วงหรอกนะ จันทร์น่ะอึดอยู่แล้ว” พรบุหลันบอกด้วยน้ำเสียงแจ่มใสพร้อมใบหน้าอมยิ้ม ก่อนจะทอดสายตามองดอกไม้ที่ค่อยๆ ลอยตามกระแสน้ำไป “แต่ขอจันทร์อยู่ตรงนี้อีกครู่นะ จันทร์อยากส่งแม่”
แม้จะพยายามทำตัวให้เข้มแข็งเพราะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เธอจะส่งแม่ไปสู่สถานที่ร่มเย็น เธอไม่อยากให้แม่ต้องทุกข์ร้อนเพราะน้ำตาของเธออีกแล้ว แต่เมื่อพูดก็อดไม่ได้ที่จะเจือไปด้วยแรงสะอื้น
“ได้สิ บอกแล้วไงว่านานเท่าที่จันทร์ต้องการ เนอะพี่กร”
พรบุหลันยิ้มให้เกศราและภากรก่อนจะทอดสายตามองไปยังจุดเดิม จุดที่ดอกไม้สีสวยไหลตามสายน้ำไปเป็นสาย แต่แล้วบางอย่างก็สะดุดตาจนพรบุหลันต้องหันมองรอบกาย มองกระแสน้ำด้านล่าง มองเรือลำอื่นที่แล่นสวนอยู่ไกลๆ ก่อนจะมองหน้าเกศราและภากรสลับไปมาอย่างต้องการคำตอบ
“อะไร! จันทร์เป็นอะไร” เกศราถลาเข้ามาหาพร้อมจับมือพรบุหลันแน่น เพราะดวงตาคู่สวยกำลังฉายแววประหลาดใจบางอย่าง
“เกด พี่กร ดูนั่นสิคะ”
และภาพที่ภากรกับเกศราเห็นก็คือกลีบดอกไม้หลากสีคล้ายจะลอยทวนน้ำกลับเข้ามาใกล้ลำเรือ กระจุกตัวรวมกันพร้อมหมุนวนเป็นวงกลมชั่วครู่ ดั่งบริเวณนั้นมีน้ำวนดูดกลีบดอกไม้ลงไปใต้น้ำ ทว่าไม่ใช่...เพราะกลีบดอกไม้เหล่านั้นกลับผุดขึ้นมาบนผิวน้ำก่อนจะกระจายออกจากกัน แล้วลอยตามคลื่นเป็นแนวยาวไปดั่งที่ควรจะเป็น