บ้านโมเดิร์นขนาดกลางหลังนี้ คงจะเป็นที่ซุกหัวนอนของ เธอและลูกน้อยไปจนกว่าบุษบาจะล้มเลิกความคิดที่จะจับเธอใส่ตะกร้าล้างน้ำ แล้วถวายใส่พานให้สมพงษ์หรือผู้ชายคนไหนก็ตาม
เก็ตถวาเดินสำรวจไปรอบๆ บ้าน พลันสายตาของเจ้าหล่อนก็ไปสะดุดเข้ากับอุปกรณ์การทำขนมต่างๆ ที่หญิงสาวคุ้นเคยเป็นอย่างดี แหม.. เธออยู่กับอาชีพนี้มาตั้งหลายปี ให้หลับตาทำขนมยังได้เลย
“พออยู่ได้ไหมแก้ม”
“ได้สิคะ ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่ภีมมากๆ นะ ที่ยอมช่วยแก้ม”
“ไม่เป็นไรหรอก บอกแล้วไง ยังไงพี่ก็ต้องรับผิดชอบลูก ถ้าขาดเหลืออะไรบอกได้เลยนะ พี่ยินดีช่วย”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ พี่ภีมจะว่าอะไรไหม ถ้าแก้มจะขอใช้อุปกรณ์พวกนี้”
หญิงสาวชี้ไปที่อุปกรณ์ทำขนม ตอนแรกว่าจะรับงานแปลเอกสาร หรืองานอะไรก็ได้ที่ทำได้ที่บ้าน ด้วยว่าต้องดูแลเด็กหญิงกานต์พิชญา จึงไม่สามารถออกไปหางานทำข้างนอกได้ ครั้นจะให้นั่งๆ นอนๆ ใช้เงินที่ถือติดตัวมาด้วย เก็ตถวาก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน ก็คนเคยทำงาน แล้วอีกอย่างถ้าขืนทำแบบนั้น มีหวังเงินซื้อแกลบมากินก็คงไม่พอ
“ได้สิ แก้มอยากทำอะไร ทำไปเลย อุปกรณ์พวกนี้เป็นของแม่พี่เอง นานๆ คุณนายท่านจะมาสักครั้ง แก้มอยากใช้ ใช้ได้เลยนะ”
หญิงสาวยิ้มรับ แม้จะเคยคบหาเป็นแฟน แต่กลับไม่เคยรู้ข้อมูลอะไรของผู้ชายคนนี้มากไปกว่า เขาเป็นหมอ อายุ ชื่อ นามสกุลจริง ไม่รู้จักครอบครัว ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของชีวิต แต่ช่างมันเถอะ รู้ไปก็ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรอยู่แล้วนี่ ในเมื่อมันไม่ได้จำเป็นกับการใช้ชีวิตของเธอมากมายขนาดนั้น
“พี่อาจจะไม่ได้กลับมานอนบ้านทุกวัน เพราะต้องเข้าเวร แก้มกับลูกอยู่ได้ใช่ไหม”
“ได้สิคะ พี่ภีมไม่ต้องห่วงแก้มกับเกี่ยวก้อยเลยนะ แค่มีที่ให้อยู่ แก้มก็โอเคแล้ว”
แม้ว่าตอนนี้จะมีผู้หญิงคนใหม่ที่กำลังคุยและสนใจอยู่แล้ว แต่กวินทร์ก็ไม่เคยคิดที่จะปัดความรับผิดชอบ โดยการหาบ้านให้สองแม่ลูกอยู่แล้วไม่มาดูดำดูดี
“ห่วงสิ พี่ต้องห่วง พี่เป็นพ่อนี่”
เออแฮะ! ไม่เป็นอย่างที่คิด ก่อนที่เก็ตถวาจะตัดสินใจหนีมาหาพ่อของลูก เธอก็แอบลุ้นไม่เบาว่าชายหนุ่มจะพูดยังไง จะยอมรับเด็กหญิงกานต์พิชญาเป็นลูกหรือเปล่า หรือจะให้เงินก้อนหนึ่งแล้วไล่ให้ไปไกลๆ จากชีวิตเขา แต่นี่ก็แมนใช้ได้
คงจะเพราะว่าเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวันกระมัง วันนี้เจ้าตัวเล็กของเธอถึงได้นอนหลับปุ๋ยไปตั้งแต่หัวค่ำ เก็ตถวามองลูกที่นอนซุกอยู่กับอกของตัวเอง ใบหน้าอิ่มเอิบ แพขนตาหนาๆ พวงแก้มอิ่มสีชมพูระเรื่อทั้งสองข้าง ยิ่งมองยิ่งน่ารัก คนเป็นแม่ฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวด้วยว่าแสนจะเอ็นดูลูกน้อย
“แล้วลูกไม่ต้องกินนมจากเต้าเหรอ”
คนที่มองลูกเพลิน เผลอพูดในสิ่งที่ใจตนคิดออกไป เมื่อคิดได้ ทั้งเขาและแม่ของหนูเกี่ยวก้อยก็เลิ่กลั่กสิครับ
“มะ… ไม่แล้วค่ะ”
กวินทร์มองคนที่ก้มหน้างุด ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนเขินหรือไม่พอใจกันแน่ แต่ก็..
น่ารักดีนะ
“แล้วทำไมแก้มไม่บอกพี่ตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองท้อง ปล่อยให้เวลาผ่านมาทำไมตั้งสองปี”
เก็ตถวาเงยหน้าขึ้นสบตากับพ่อของลูก พลันนึกถึงเรื่องที่ทำให้เธอตัดสินใจไม่บอกว่ามีเด็กหญิงกานต์พิชญาเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้กับผู้ชายตรงหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมันเสมอ เรื่องนี้ก็เช่นกัน แต่มันผ่านไปแล้ว และเธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ให้ตัวเองต้องกลับมาเจ็บ หรือเสียใจกับเรื่องเหล่านั้นอีก เพราะตอนนี้คือปัจจุบัน และต่อไปก็คืออนาคต ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอดีต กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่พูดน่าจะดีกว่า..
“น่า.. ไม่บอกตอนนั้น มาบอกตอนนี้ก็เหมือนกันแหละ”
“เสียดายนะ พี่ไม่ได้เห็นพัฒนาการลูก”
“แก้มถ่ายรูปหนูเกี่ยวก้อยไว้เยอะเลย แต่เสียดายอัลบั้มอยู่ที่บ้าน”
บ้าน = เจ๊บุษบาทาปากแดง เมื่อมโนภาพของอดีตว่าที่แม่ยายผุดขึ้นมาในความคิด ขนแขนของกวินทร์ก็พร้อมใจกัน สแตนอัพทันที
วุ้ย! สยอง
“ฮ่าๆ งั้นพี่คงไม่มีโอกาสได้ดู ถ้าขืนให้พี่ย่างกรายเข้าไปในบ้านแก้มนะ เจ๊บุษคงจะกระโดดกัดคอพี่แน่ๆ เลย”
นี่เขากำลังว่าแม่ของเธอเป็นลูกแมวตัวน้อยๆ อยู่ใช่ไหม แม้ว่าตัวหญิงสาวจะไม่ได้รู้จักมักจี่กับครอบครัวของกวินทร์ แต่ชายหนุ่มนั้นเคยไปกินข้าวกับแม่ของเธอครั้งหนึ่ง สมัยที่เก็ตถวายังคงเป็นนักศึกษาวัยใส หรือช่วงที่คบกันใหม่ๆ นั่นเอง เรียกได้ว่าเจอหน้ากันครั้งแรก บุษบาก็แผ่รังสีอำมหิตใส่แฟนเก่าของเธอทันที แถมยังพูดจาเสียดสี หรือที่คนสมัยนี้เรียกว่า ‘แซะ’ ใส่ชายหนุ่มแบบจัดหนักจัดเต็มอีกต่างหาก มันคงจะไม่น่าแปลกหรอก ถ้ากวินทร์จะไม่ค่อยชอบแม่ของเธอ
“นี่พี่ภีมว่าแม่แก้มอยู่หรือเปล่าคะ”
“เปล่าซะหน่อย พี่ชมต่างหาก พี่หมายความว่า แม่ของแก้มน่าเกรงขามไง”
เจ้าหล่อนย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อย แหม! ช่างแก้ตัวจริงนะพ่อคู๊ณ..
“ตลกเหมือนกันนะ แก้มคิดว่าเรากลับมาเจอกันอีกครั้งจะมีดราม่าใหญ่โต”
“หือ.. ทำไมเราถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ก็แหม เราไม่ได้เลิกกันด้วยดีเท่าไหร่นี่”
กวินทร์หัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ก็จริง แต่พี่ไม่ใช่พระเอกนิยายนะ จะได้เจ้าคิดเจ้าแค้น อดีตมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ถึงเราไม่ได้เป็นแฟนหรือสามีภรรยา เราก็ยังคงสถานะความเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องไว้ได้นี่”
เจ็บค่ะ! ไม่รู้ทำไมคำพูดของเขาถึงเสียดแทงหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอมากขนาดนี้ หญิงสาวระบายยิ้มออกมาอย่างพยายามให้ชายหนุ่มคิดว่า เธอไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะตอนนี้กวินทร์ move on และตัวเขาพร้อมจะมีคนใหม่ แล้วทำไมเธอต้องมาจมอยู่กับอดีตและความรู้สึกเดิมๆ คนเดียวด้วยเล่า
move on สิ! มันถึงจะถูก
“อืม.. งั้นพี่ชายคนดี ต้องช่วยน้องคนนี้จากการถูกจับใส่พานถวายให้นายปลากะพงด้วยนะ”
“ช่วยอยู่แล้ว พี่ไม่ยอมให้แก้มไปเป็นเมียใครหรอก”
ชายหนุ่มพูดพลางเอื้อมมือมาลูบหัวเธออย่างที่เคยชอบทำ เอ๊ะ! คำพูดมันแปลกๆ หรือเปล่าพี่ภีม
“ก็แน่ล่ะ ถ้าพี่ภีมไม่ช่วย แก้มจะไปป่วนโรงพยาบาล เอาให้ชะนีคนใหม่ที่พี่จีบอยู่ รีบใส่เกียร์หมาหนีแทบไม่ทันเลย”
คนตัวเล็กขู่ฟ่อ แต่เขาหาได้กลัวไม่ แหม! ตัวแค่นี้ฤทธิ์เดชจะเยอะแค่ไหนกันเชียว
ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ เจ้าตัวเล็กที่ซุกอยู่กับอกของผู้เป็นแม่ เริ่มส่งเสียงร้องอ้อแอ้เพราะเกิดรำคาญทั้งคู่ที่พูดไม่หยุดเสียที
“เห็นทีต้องรีบไสหัวตัวเองกลับห้องแล้วแหละ”
สายตาของผู้เป็นพ่อทอดมองลูกอย่างอ่อนโยน มือหนาวางแมะบนกลุ่มผมของเด็กหญิงกานต์พิชญา แล้วลูบเบาๆ ด้วยกลัวว่าแม่หนูน้อยจะตื่น
“งั้นพี่กลับห้องก่อนนะ แก้มกับลูกจะได้พักผ่อน ฝันดีครับ”
“เช่นกันค่ะ”