ป๊ะป๋าขา เกี่ยวก้อยมาแล้ว 1
‘กลางวันเป็นหมอกระดูก กลางคืนพี่จะปลุกให้เธอเร้าใจ’
สโลแกนประจำตัวของ ‘นายแพทย์กวินทร์ อิศราวัฒนากุล’ หมอศัลยกรรมกระดูกสุดหล่อ ตัวพ่อเรื่องเสือผู้หญิง เพราะเคยถูกคนที่ตัวเองรักจริงทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ทำให้คนดีอย่างพี่นี้ต้องนอนร้องไห้เสียใจกระซิกๆ (อันหลังมันเว่อร์)
ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตของตนเองที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาสวม โดยไม่ได้สนใจเจ้าของร่างอวบอั๋นซึ่งฟัดกันมาค่อนคืนเลยสักนิด
“ทำไมรีบกลับจังเลยล่ะคะ อยู่กับพิมพ์อีกสักพักไม่ได้เหรอ”
หล่อนมองมาที่เขาด้วยสายตาเชื้อเชิญ แต่สำหรับกวินทร์ เรื่องแบบนี้.. แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ เขาไม่ชอบใช้ผู้หญิงซ้ำ ด้วยว่าไม่อยากผูกพันลึกซึ้งกับใครมากเกินกว่าคำว่าคู่นอนชั่วข้ามคืน
“เราตกลงกันแล้วนะคุณพิมพ์”
“คุณใจร้ายมากรู้ไหม”
ใบหน้าและแววตาของหญิงสาวที่สื่อออกมา มีแววตัดพ้อชัดเจน
“ผมถือว่าเราคุยกันเข้าใจก่อนจะมาจบที่เตียงแบบเมื่อคืนแล้ว โชคดีนะ”
ใช่.. เขาใจร้าย แต่ตัวกับหัวใจตอนนี้มันยังไม่พร้อมมอบให้ใครจริงๆ ด้วยหน้าที่การงานซึ่งหนักหนาจนไม่มีเวลาเจียดให้ใคร จึงยังไม่อยากลากผู้หญิงคนไหนเข้ามาในชีวิต แล้วรอวันที่พวกหล่อนจากไปพร้อมคำลา ด้วยเหตุผลที่ว่า
‘พี่ภีมไม่มีเวลาให้’
กี่รายต่อกี่รายก็พูดแบบนี้..
ยกเว้นเพียงแค่ผู้หญิงที่ประกอบอาชีพเดียวกัน ที่พอจะเข้าใจเขาบ้าง จึงทำให้กวินทร์คิดว่าเธอคนนั้นคงจะเป็นคนที่ใช่ที่สุด เหมาะสมที่จะเป็นตัวจริงและยืนเคียงข้างเขา
ชีวิตของกวินทร์เหมือนผู้ชายวัยทำงานทั่วไป แตกต่างหน่อยก็ตรงที่ไม่ค่อยมีเวลาเป็นของตัวเอง เพราะเวลาเกือบทั้งหมดของชีวิตอุทิศเพื่อปวงประชา แม้จะไม่ได้มีใจรักสมัครสมานตั้งแต่ตอนแรกที่เลือกเข้าศึกษาคณะแพทยศาสตร์ แต่พอมีเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบชีวิตและได้เรียนรู้ถึงความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ จึงเปลี่ยนนายแพทย์กวินทร์คนนี้จากที่รักษาผู้ป่วยเพียงหน้าที่ให้กลายมาเป็นหมอทั้งตัวและจิตวิญญาณ แต่คุณหมอใจดีผู้พลีชีพเพื่อส่วนรวม ก็มีบ้างที่จะกลายร่างเป็นเสือหนุ่มผู้หิวโหย ออกท่องราตรีเพื่อมองหาสาวงามมารับประทานเป็นครั้งคราว
ดวงตาคมปนหวานที่สาวคนไหนมองเป็นต้องตกหลุมรักที่กวินทร์ขุดดักเอาไว้ ไม่เว้นแม้แต่ลูกค้าที่มาใช้บริการคลินิกศัลยกรรมเสริมความงาม อันเป็นอาชีพเสริมที่ใช้หารายได้อีกทางของนายแพทย์หนุ่ม
“คุณหมอขา หนูนารู้สึกว่าหน้ายังไม่เป๊ะเท่าไหร่เลย คุณหมอว่าหนูนาควรจะทำตรงไหนเพิ่มดีคะ”
คุณหมอศัลยกรรมสุดหล่อระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย แม้จ้องจะงาบชะนีสวยๆ มาเคียงกาย แต่เมื่ออยู่ในหน้าที่ เขาก็ปฏิบัติเต็มที่ ไม่มีว่อกแว่กสักนิด
“ผมว่า.. เป๊ะและสวยทุกจุดบนใบหน้าแล้วครับ คุณหนูนาลองเปลี่ยนมาเป็นบำรุงผิวหรือทรีตเมนต์ดีไหม ช่วงนี้มีโปรโมชันใหม่ๆ ด้วยนะครับ”
“เอาตามที่คุณหมอว่าเลยค่ะ หนูนาเชื่อคุณหมอ”
กวินทร์มองหญิงสาวตรงหน้าที่พยายามชม้อยชม้ายชายตาให้ ใจอยากจะเล่นด้วย เพราะความสวยของหล่อนสะดุดตาไม่น้อย แต่พอนึกถึงผลเสียที่ตามมา ทั้งความน่าเชื่อถือของตัวเองที่อาจถูกบั่นทอนเพราะเรื่องคาวโลกีย์ และเรื่องวุ่นวายต่างๆ เขาจึงหยุดความคิดไว้แค่นั้น แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองต่อไป
ท้องฟ้ายามมืดมิด มีเพียงพระจันทร์ดวงโตและหมู่ดาวพราวระยับส่องประกายให้แสงสว่าง เวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนของคนส่วนมาก ยกเว้นก็แต่เหล่าบรรดาผีเสื้อราตรีทั้งหลายที่ออกมาโลดแล่นตามแสงสีในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีแก๊งหมอที่สลัดเสื้อกาวน์สีขาวดูน่าเคารพนับถือ มาเป็นชุดลำลองสบายๆ แล้วมาโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะดนตรีของผับ ซึ่งแต่ละคนลีลานั้นไม่ธรรมดา ชนิดที่ว่าไม่เหลือมาดนายแพทย์หนุ่มผู้สุขุมเลยทีเดียว
“ไอ้ภีม นี่มึงทำงานเอาโล่หรือไงวะ”
หลังจากเลิกงาน ชีวิตหนุ่มโสดอยู่ในโหมดยังไม่มีเมีย ก็ออกมาสังสรรค์กับเพื่อนตามประสา
“ก็กูจน ถ้าไม่ทำงานมากๆ จะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะวะ”
“แหม! คนมีปมเหรอมึงอะ เมื่อไหร่มึงจะลืมเรื่องที่เจ๊ปากปลาร้า แม่ของแฟนเก่ามึงพูดสักทีวะ”
เพื่อนในกลุ่มต่างรู้ดีว่า เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนทำให้พี่หมอคนดีคนนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่ถ้าใครไม่มาโดนแบบกวินทร์ คงไม่มีทางรู้หรอกว่า มันเจ็บช้ำไปทั้งทรวงขนาดไหน
“กูลืมไปหมดแล้ว แต่กูก็จนจริงๆ หรือเปล่าวะ”
“จนมากเลยมึงอะ ทายาทคนที่สองของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศไทย แต่เกิดอินดี้ อยากเป็นหมอดีๆ เพื่อประชาชน กูอยากจะรู้เหลือเกินว่า ถ้าอดีตแม่เมียของมึงรู้ว่ามึงรวยขนาดนี้ แกจะช็อกตาตั้ง จนต้องให้ลูกสาวไปซื้อยาดมตราลิงเกาก้นมายัดรูจมูกหรือเปล่าวะ”
ดวงตาคมเหลือบมองเพื่อนที่กำลังพูดจากระแนะกระแหนแม่ของอดีตว่าที่ภรรยา ชายหนุ่มยกเหล้าขึ้นมากระดก ก่อนจะทำเป็นหันไปมองสาวๆ ราวกับว่าไม่ยี่หระกับสิ่งที่เพื่อนพูด แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดของเพื่อนไปสะกิดแผลในใจที่มันเหมือนจะหายสนิทให้เจ็บจี๊ดๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
ร้านกาแฟที่เก็ตถวาลงทุนทุ่มสุดตัว โดยการนำเงินเกือบทุกบาททุกสตางค์ในบัญชีมาเปิดร้านนี้ เพราะอยากจะมีอาชีพทำมาหากิน และลบคำสบประมาทของผู้เป็นแม่ที่บอกว่าเธอไม่สามารถพากิจการไปตลอดรอดฝั่งได้ ตอนนั้นเธอค้านสุดเสียง เพราะมั่นใจในความสามารถของตัวเอง
แต่ตอนนี้..
“ฉันว่าแล้วไง จ้างให้ร้านแกก็ไม่มีวันไปรอด”
คุณนายปากแดงแรงฤทธิ์ ยืนเท้าสะเอวกวาดสายตามองร้านของลูกสาวเพียงคนเดียว ก่อนจะเอ่ยวาจาที่มันแสนจะแทงใจดำของเก็ตถวาซะเหลือเกิน
“ก็แม่มาช่วงที่คนยังไม่เข้าร้านเฉยๆ ไม่อยากจะโม้เลยนะว่าร้านหนูน่ะติดอันดับร้านขายดีย่านนี้เชียวล่ะ”
“เหรอ ฉันมากี่ทีๆ ก็เห็นแต่โต๊ะกับเก้าอี้ที่มันว่าง จนบางครั้งฉันแอบสงสารพวกเฟอร์นิเจอร์ร้านแก ที่มันเกิดมาแล้วเสียชาติเกิด เกิดมาไม่ได้ทำหน้าที่ให้คนนั่ง เพราะร้านแกมันไม่มีใครเข้า”
กรี๊ด! ทำไมคุณแม่ถึงพูดแทงใจดำเยี่ยงนี้ เธอไม่เถียงเลยว่าสิ่งที่บุษบาพูดมันไม่ใช่เรื่องจริง แต่สิ่งที่รับไม่ได้อย่างยิ่งก็คือแม่ มาพูดว่าร้านกำลังจะเจ๊ง เพราะนั่นหมายความว่า สิ่งที่เก็ตถวาคนนี้พยายามหนีมาหลายปี กำลังจอประตูรอเธออยู่หน้าร้านแล้ว
“หมดเวลาเล่นสนุกแล้วยัยแก้ม แกต้องแต่งงานกับคุณสมพงษ์”
อีตาปลากะพง เอ๊ย! คุณสมพงษ์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยสมาน สำราญจิตพิชิตรังไข่ (นามสกุลตั้งโดยเก็ตถวาคนสวยเองค่ะ) ที่บุษบาหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่าจะให้แต่งงานแล้วได้เสียเป็นเมียผัวกับเธอ ตั้งแต่ก่อนที่หญิงสาวจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ แต่เคราะห์กรรมก็บันดาลให้เธอและปลากะพงไม่ได้ลงเอยกันอย่างที่มารดาหมาย เพราะเจ้าหล่อนดันหอบลูกในท้องกลับบ้านมาเสียก่อน แต่ดูเหมือนนายปลากะพงก็ยังยินยอมพร้อมใจรับแม่หม้ายลูกติดไปเป็นศรีภรรยาอยู่ดี ไม่ว่ากี่ปีๆ ผู้ชายคนนี้ก็ตามตื๊อเธอไม่ยอมเลิก
“แต่ร้านหนูยังไม่เจ๊ง เราเคยตกลงกันว่า หนูจะยอมก็ต่อเมื่อร้านเจ๊งแล้วเท่านั้น”
เธอลงให้บุษบามาเยอะแล้ว แต่เรื่องนี้ยอมกันไม่ได้จริงๆ นี่พุทธศักราชสองพันห้าร้อยหกสิบสอง เขาเลิกขี่ไดโนเสาร์ หันมาใช้จรวดจนไปไกลถึงดาวอังคารกันแล้ว แต่แม่ของเธอก็ยังหัวเก่า ยึดเอาวัฒนธรรมคลุมถุงชนที่สุดแสนจะเต่าล้านปีมาใช้อีก
“ในเก๊ะร้านแกมีเงินอยู่กี่บาท”
เก็ตถวามองมารดาที่ปรายตามองมายังลิ้นชักเก็บเงินของร้านเธอ ซึ่งมันกำลังเปิดอ้าโชว์หราความจนของเจ้าของอยู่ ธนบัตรใบยี่สิบสี่ใบกับเหรียญอีกเล็กน้อย เป็นสิ่งที่ฟ้องว่าร้านเธอกำลังจะ ‘เจ๊ง’ โอ้แม่เจ้า! ไม่มีทาง ทั้งร้านเจ๊ง และที่เธอต้องยอมพลีกายถวายตัวให้ไอ้ปลากะพงยักษ์นั่น
“หนูเอาไปเข้าธนาคารไว้แล้ว เก็บไว้ร้านเยอะๆ เกิดโจรมาขโมยทำไง”
แม้ว่าสีข้างจะถลอกปอกเปิกไปหมด แต่ทว่าหญิงสาวก็พยายามแถต่ออยู่ดี
บุษบากลอกตาไปมาประมาณพันรอบ ดวงตาดุของเจ๊ใหญ่ผู้คุมตลาดมานานนับยี่สิบปี มองไปที่ลูกสาวเพียงคนเดียว ก่อนที่ริมฝีปากหยักหนาจะลั่นวาจาที่ทำให้เก็ตถวาถึงกับดวงตาเบิกโพลง
“เตรียมตัวไว้ให้ดี วันศุกร์เสี่ยสมานจะมาคุยเรื่องงานแต่งระหว่างแกกับคุณสมพงษ์ให้เป็นเรื่องเป็นราว งานนี้แกห้ามปฏิเสธ ไม่อย่างงั้นเดือนนี้ฉันจะไม่ให้ยืมเงินมาจ่ายค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเช่าตึกโกโรโกโสนี่”
หลังจากที่บุษบาสะบัดตูดออกจากร้านไป เก็ตถวาก็นั่งคอตก เพราะคิดหนักว่าจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าต่างๆ ที่แม่พึ่งพูดมาเมื่อกี้ เห็นทีคงจะถึงกาลอวสานของ ‘กรุ่นกลิ่น คาเฟ่’ แล้วจริงๆหรือนี่
การเปิดร้านกาแฟเป็นทั้งความฝันและเดิมพันชีวิตของหญิงสาวเลยก็ว่าได้ เพราะตอนเปิดร้านใหม่ๆ เธอดันไปตกปากรับคำมารดาว่าถ้าร้านเจ๊งแล้วเธอยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน เก็ตถวาคนนี้ต้องแต่งงานกับสมพงษ์หรือปลากะพงเน่าตัวอ้วน
“ให้ตายเถอะ! คนสวยจะบ้าตาย โอ๊ย!”
โทรศัพท์เครื่องบางเป็นที่พึ่งเดียวที่เก็ตถวาอาจจะหาทางออกของปัญหาได้ นิ้วเรียวพิมพ์คำค้นหาลงไปในเว็บไซต์ที่มีความรู้อยู่นับหมื่นนับแสนอย่างกูเกิล
และสิ่งแรกที่เธอค้นหาก็คือ..
‘เงินกู้ด่วน’
เงินกู้ดอกไม่แพง เพียงแค่ร้อยละยี่สิบต่อวัน
“เหี้ย! ไม่แพงกับผีน่ะสิ”
เมื่อเห็นดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบ เจ้าของร้านคนสวยถึงกับสบถคำหยาบออกมา
‘ขายตัว’
“เฮ้ย! ไม่ได้ๆ เดี๋ยวคนอื่นรู้ว่าตูดดำ”
หญิงสาวพ้นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไหล่สองข้างลู่ตกอย่างคนที่คิดหาทางออกให้กับชีวิตไม่เจอ
“เฮ้อ.. นี่ฉันต้องเป็นเมียปลากะพงตัวอวบจริงๆ เหรอวะเนี่ย”