“พี่คิวค่ะ มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิวคิดนะคะ”ปานดาวเอ่ยออกมาอย่างเสียใจ ถึงเธอจะยังไม่ได้รักรุ่นพี่คนนี้แต่เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดเธอแบบนี้
“คุณปล่อยมือฉันเสียที” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะทันตั้งตัวหญิงสาวก็สะบัดมือออกจากมือหนาใหญ่ แล้ววิ่งไปหาชายหนุ่มอีกคนทันที
“พี่คิวค่ะ ฟังปานก่อนสิ มันไม่ใช่อย่างที่เขาพูดนะคะ”
“พอเถอะปาน ไว้เราค่อยคุยกันไหมนะ พี่ขอตัวก่อน”
“พี่คิวค่ะ”
“แล้วพี่จะโทร มาหาปานนะ ปานไม่ต้องคิดมากหรอก ขอเวลาพี่ทำใจกับเรื่องนี้หน่อยได้ไหมครับ แต่ยังไงพี่ก็ยังรักปานนะ” พูดจบอดิสรก็หันหลังเดินออกไปด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว ‘ขอเวลาพี่หน่อยนะปาน แล้วพี่จะกลับมาเป็นพี่คิวคนเดิมของปานให้ได้’
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่เธอรัก ไม่ใช่สิ! เธอรักรุ่นพี่คนนี้แบบพี่ชายไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้นะ หรือบางทีเธอคงเริ่มรักรุ่นพี่คนนี้แบบคนรักแล้ว “เพราะคุณคนเดียว คุณคิมหันต์” แล้วหญิงสาวก็หันไปโวยวายเอากับต้นเรื่องทันที“คุณทำแบบนี้ทำไม คุณคิมหันต์” ปานดาวหันมาโวยวายตัวต้นเรื่องทันที
“ผมทำอะไร” คิมหันต์เอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“คุณทำแบบนี้ทำไม คุณทำร้ายพี่คิวทำไม” ปานดาวบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือๆ
“เอาล่ะเราไปกันได้แล้ว” คิมหันต์ตัดบทแล้วดึงมือหญิงสาวให้เดินตามเขาไปยังรถแต่...
“ฉันบอกคุณไปแล้วไม่เข้าใจหรือไง...ว่าฉันช่วยคุณไม่ได้”
“ไม่ต้องพูดมาก ยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนใจ...”
“ผั๊วะ! โอ้ยๆ เธอทำบ้าอะไร...” คิมหันต์กุมใบหน้าก้มลงมามองหญิงสาวทันทีด้วยความโกรธ นี่เขาโดนเธอทำร้ายเขาถึงสองครั้งแล้วนะ เขาจะไม่ยอมให้เธอทำร้ายเขาอีกแล้ว
“ฉันก็ต่อยคุณสิ ถามได้ เผื่อไอ้ความคิดบ้าๆ มันจะได้หายไปจากความคิดของคุณเสียที” ปานดาวตอบออกมาด้วยความโกรธ
“ได้” แล้วไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตั้งตัวเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาแล้วก้มลงช้อนร่างของเธอขึ้นพาเดินไปยังรถคันงามที่จอดอยู่
“คุณคิมปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ คุณจะบ้าหรือไง”
“ไม่ปล่อย แล้วหุบปากคุณเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น”
“ไม่งั้นอะไร...” ปานดาวถามด้วยความโมโห เขาเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาทำกับเธอแบบนี้ แล้วชายหนุ่มก็ปล่อยหญิงสาวลงทันทีที่ถึงรถโดยที่เขายังคงไม่ปล่อยหญิงสาวทันที
“ขึ้นไปบนรถเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ขึ้น...บอกแล้วไงว่าฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น และฉันก็ไม่ช่วยคุณด้วย” ปานดาวสบถด้วยความโกรธ เมื่อไม่สามารถทำอะไรชายหนุ่มได้ ตั้งแต่เธอรู้จักผู้ชายคนนี้ ชีวิตเธอก็ยุ่งเหยิงไปหมด เธอต้องทำอย่างไร ถึงสามารถไล่เขาออกไปจากชีวิตของเธอได้
“จะขึ้นดีๆ หรือให้ผมใช้กำลังนะปานดาว” ชายหนุ่มตะโกนด้วยความหงุดหงิด ทำไมเธอถึงได้เรื่องมากขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะช่วยเขาด้วยความเต็มใจ แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมช่วยเหลือเขาแถมสายตาที่เจ้าเธอมองเขายังบ่งบอกถึงความรังเกียจเขาอย่างเปิดเผยอีก
“ฉันไม่ขึ้น พูดไม่รู้เรื่องหรือไง คุณคิมหันต์” ปานดาวตอบออกไปพร้อมกับสะบัดมือชายหนุ่มที่ยังจับเธออยู่ และไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อชายหนุ่มโน้มใบหน้าคมคายก้มลงมาปิดปากเรียวบางของเธอ.....หญิงสาวยังคงช็อกกับการกระทำของชายหนุ่ม ยังคงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม เมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกจากปากเธอ
“คุณ” ปานดาวเอ่ยออกมาอย่างตกใจ
“นี่แค่เบาะๆ นะ ถ้าคุณยังเรื่องมากอีก คุณจะโดนหนักกว่านี้” แล้วชายหนุ่มก็จับร่างบางที่ยังคงช็อกอยู่จากการกระทำของเขาเข้าไปนั่งในรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะปิดประตูให้หญิงสาวพร้อมกับเดินเข้าไปเปิดด้านคนขับแล้วสตาร์ทรถขับออกไปจากบ้านหญิงสาว
บรรยากาศในรถยังเงียบเมื่อไม่มีใครยอมเปิดปากพูด ก่อนที่ชายหนุ่มใช้มือไปกดเปิดซีดีเพื่อฟังเพลงระบายอารมณ์ขุ่นเคืองในตัวหญิงสาวข้างๆ “คุณจะพาฉันไปไหนไม่ทราบ” ปานดาวเอ่ยถามออกมาหลังจากที่นิ่งเงียบอยู่นาน
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า...ไม่ต้องมาถามได้ไหม”
“แต่ฉันต้องไปทำงาน คุณก็รู้นี่นา” เธอตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เพื่อระงับอารมณ์โกรธจากผู้ชายคนนี้ ‘เขาเป็นบ้าอะไร คิดแล้วยิ่งทำให้อารมณ์เสีย’
“คุณโทร ไปลางานสักวันไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“...” ปานดาวตะลึงจนพูดไม่ออก
“ปาน” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกหญิงสาวออกมา
“อะไรอีกล่ะ”
“บอกเบอร์ที่บริษัทฯ คุณมา เดี๋ยวผมโทร ลางานให้เอง”
“ไม่ต้อง! ฉันโทร ลาของฉันเองได้” ปานดาวตอบเสียงหงุดหงิดออกมาแล้วเธอก็กดเบอร์ไปยังหมายเลยที่ต้องการทันที “ฮัลโหล สวัสดีค่ะพี่วารี”
(สวัสดีจ้ะปาน) ปลายสายตอบกลับมาด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ...พี่วารีคะ...วันนี้ปานขอลางานสักครึ่งวันได้ไหมคะ”
(ได้สิจ๊ะ แล้วมีอะไรหรือเปล่า)
“เปล่าค่ะ เอ่อ...แล้วปานต้องลางานกับคุณรอมด้วยค่ะ” หญิงสาวถามออกไป
คิมหันต์หันหน้ามามองหญิงสาวอย่างแปลกใจ ก่อนตัดสินใจถามหญิงสาวทันทีว่า “ปาน คุณทำงานที่ไหน” เขาเอ่ยถามเธอทันทีด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย อย่ามาเรื่องมากได้ไหม”
“ปาน คุณทำงานที่ เทพสุริยะกรุ๊ป หรือเปล่า?”
“ใช่ คุณรู้ได้ไง” ปานดาวถามออกไปอย่างแปลกใจ
“งั้นเอาโทรศัพท์มานี่”
ปานดาวพูดยังไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่มก็ดึงโทรศัพท์จากหญิงสาวมาคุยเองทันที
“คุณทำบ้าอะไร เอาโทรศัพท์ฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”
“อยากมีเรื่องหรือไง อยู่เฉยๆเดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ฮัลโหล สวัสดีครับคุณวารี” ชายหนุ่มกรอกเสียงไปยังปลายสาย ทว่าฝั่งตรงข้ามกลับเอ่ยออกมาอย่างตกใจ เมื่อเธอจำได้ว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นเสียงใคร
(เอ่อ...คุณคิมหรือค่ะ) วารีเอ่ยปากถามปลายสายออกมาเบาๆอย่างเกรงใจ
“ครับ ผมเอง พี่รอมกับพี่คิงส์เข้าบริษัทหรือยังคุณวารี” คิมหันต์เอ่ยถามออกมาส่งผลให้คนนั่งข้างๆมองเขาอย่างตกใจ
“คุณรู้จักเจ้านายฉันด้วยเหรอ?”
“ทำไมจะไม่รู้จัก ก็ทั้งสองคนเป็นพี่ชายผมเอง” คิมหันต์ตอบออกมาพร้อมกับส่งสายตาเป็นเลศนัยออกมาทันที แล้วหันไปสนใจคู่สนทนาอีกครั้ง
“คุณวารีถ้าพี่รอมเข้ามาก็บอกว่าผมขอยืมตัวพนักงานในบริษัทด้วยละกัน”
(เอ่อ...ได้ค่ะ) วารีตอบออกมาอย่างงุนงง
“ขอบใจมากแค่นี้แหละ”
(ค่ะ คุณคิมหันต์) วารีเอ่ยตอบกลับออกไปเบาๆ ’ปานดาวไปรู้จักลูกชายคนเล็กของ เทพสุริยะการณ์ได้ยังไง’
“เอาล่ะเรียบร้อยแล้ว” พูดจบพร้อมกับส่งโทรศัพท์คืนหญิงสาวทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะขับรถมุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่ ก่อนเลี้ยวเข้าสู่ห้างดังของกรุงเทพฯ
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“อย่ามาถามมากจะได้ไหม เดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ” ชายหนุ่มตอบออกไป เพราะชักเริ่มรำคาญในความเรื่องมากของหญิงสาว อีกเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ ไม่เห็นต้องถามให้มากความเลย
////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...