รุ่งขึ้น ณ บ้านเทพสุริยะการณ์…
“ทำไมแกตื่นเช้าจังวันนี้เจ้าคิม” เวคินทร์เอ่ยทักน้องชายคนเล็กที่มีท่าทางอารมณ์ดีจนเกินเหตุอย่างแปลกใจ ปกติคิมหันต์ไม่มีทางตื่นเช้าเด็ดขาด
“วันนี้ผมมีธุระนะครับพี่คิงส์” คิมหันต์ตอบพี่ใหญ่ของบ้านอย่างอารมณ์ดี
“ธุระอะไรของแก นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ”
“ไม่ได้หรอกครับเดี๋ยวผมไปไม่ทัน”
“แล้วพี่รอมล่ะครับ ยังไม่ตื่นอีกหรือ” คิมหันต์ถามถึงพี่ชายคนรอง
“เจ้ารอมอยู่ที่สระว่ายน้ำ”
“งั้นผมไปก่อนนะครับพี่เดี๋ยวไปไม่ทันง้อเมีย”
คิมหันต์ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้พี่ชายคนโตได้ประหลาดใจเล่นๆและก็ไม่ผิดอย่างที่เขาคิด เพราะอาการหน้าตึง สายตาเยียบเย็นก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จนเขาต้องถอนหลังไปหลายก้าว
“เดี๋ยว! เมื่อกี้แกบอกว่าจะไปง้อเมียแกเหรอเจ้าคิม” เวคินทร์ถามน้องชายคนเล็กด้วยความแปลกใจ
“ครับ ขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวไม่ทัน”
/////////////
สองชั่วโมงผ่านไป
“ฮัลโหล นั่นปานดาวหรือเปล่า”
“ค่ะ...”
“คุณอยู่ไหนตอนนี้” คิมหันต์ถามหญิงสาวทันทีโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรเลย
“ผมถามว่าคุณอยู่ไหน”
“อยู่บ้านฉันสิ คุณมีปัญหาอะไรมิทราบหา ถึงได้โทรมาหาเรื่องกันแต่เช้าแบบนี้” ปานดาวโวยวายออกมาทันทีที่รู้ว่าใครโทรมา
“ผมมีเรื่องให้คุณช่วยนะ” ชายหนุ่มตอบหญิงสาวออกไป
“อีกประมาณ 10 นาที ผมถึงบ้านคุณ ออกมาเปิดประตูรับผมด้วย เข้าใจไหมปานดาว”
ตุ๊ด…! ตุ๊ด…! ตุ๊ด…!
แล้วชายหนุ่มก็ตัดสายไปโดยไม่ได้สนใจคู่สนทนาเลยด้วยซ้ำว่าเต็มใจหรือไม่เต็มที่จะช่วย
“ประสาทหรือเปล่าผู้ชายคนนี้”
ปานดาวคิดอย่างเซ็งๆ ทั้งที่ยังคงถือมือถือค้างอยู่ หลังจากคุยโทรศัพท์กับชายหนุ่มแล้วหญิงสาวก็มานั่งเซ็งกับตัวเอง นี่เธอเป็นบ้าอะไรไป หรือว่านายคนนั้นประสาทกันแน่
ถ้าจำไม่ผิดเธอเพิ่งพบกับชายหนุ่มเอง แต่ทำไมตั้งแต่เจอนายนี่มา ชีวิตเธอถึงได้เจอแต่เรื่องบ้าๆไม่ยอมหยุด โดยที่หญิงสาวยังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง อยู่อย่างนั้น
/////////////
10 นาทีผ่านไป
ชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านพร้อมกับบีบแตรรถอย่างอารมณ์เสีย ก็เขาโทรศัพท์มาบอกเธอแล้วนี่นาว่าจะมาถึงอีกไม่นาน แล้วนี่มัวทำอะไรอยู่ เขามาถึงบ้านเธอแล้ว
“ได้ยินแล้วโว้ย จะบีบแตรทำบ้าอะไรนักหนาคุณคิมหันต์” ปานดาวต่อว่าชายหนุ่มออกมาอย่างหงุดหงิด
“แล้วเธอมัวทำบ้าอะไรอยู่ ถึงเดินมาเปิดประตูช้าแบบนี้”
“คุณจะบ้าเหรอ? นี่มันบ้านฉัน”
“ไม่ต้องพูดมากเลย รีบเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลย” คิมหันต์บอกอย่างอารมณ์เสีย โดยไม่ได้สนใจอาการฮึดฮัดของเจ้าของบ้านเลย
“คุณมีอะไรก็ว่ามา ฉันต้องรีบไปทำงาน”
“อะไรกันนี่คุณ เป็นเจ้าของบ้านภาษาอะไร ผมเพิ่งมาเองนะ”
“มันเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง” คิมหันต์เอ่ยออกไปอย่างเคืองๆกับกริยาของหญิงสาว
“จะให้หมายความว่าไง คุณมีอะไรก็ว่ามา ฉันไม่ว่างมานั่งเป็นที่ปรับทุกข์หรือที่ระบายความเครียดให้ใครๆหรอก” ปานดาวพูดออกมาด้วยความเหนื่อยใจในความเอาแต่ใจของคิมหันต์ เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ กล้าดียังไงมาออกคำสั่งกับเธอแบบนี้
“แล้วนั่นคุณจะไปไหน คุณคิมหันต์”
“ก็เดินเข้าบ้านสิ ถามได้”
ชายหนุ่มตอบออกไปอย่างกวนๆ ขณะเดินเข้าไปบ้านหลังเล็ก ที่เต็มไปด้วยต้นไม้และกล้วยไม้อีกหลายสิบพันธุ์
“แต่ฉันต้องรีบไปทำงานนะคุณ และฉันก็สายแล้ว”
“คุณลาหยุดสักวันไม่ได้หรือไง” คิมหันต์ถามออกไปด้วยความหงุดหงิด
“คุณจะบ้าเหรอ?” ปานดาวตวาดชายหนุ่มออกไปอย่างโกรธๆ
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงคุณต้องช่วยผม เพราะผมดันบอกชื่อคุณออกไปให้ที่บ้านผมรู้แล้ว”
“นั่นมันเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับฉัน เอาละ คุณมีอะไรก็ว่ามา ฉันสายมากแล้วด้วย” ปานดาวตัดสินใจฟังในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการให้ช่วย พร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่
“ผมอยากให้คุณแสดงเป็นภรรยาผมหน่อย” คิมหันต์เอ่ยออกไปหลังจากนั่งลงตรงม้าหินอ่อนข้างหญิงสาว
“เฮ้ย! คุณจะบ้าเหรอ?”
ปานดาวตะโกนเสียงดังออกมาอย่างตกใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มขอร้องให้เธอช่วย ผู้ชายคนนี้ต้องสติไม่ดีแน่ๆ ถึงได้ขอให้เธอช่วยโกหกครอบครัวของเขาแบบนี้
“ไม่บ้าหรอก ผมตัดสินใจแล้ว แล้วคุณก็ต้องช่วยผมด้วย” คิมหันต์เอ่ยออกมาอย่างเอาแต่ใจ
“ฉันคงช่วยคุณไม่ได้หรอก คุณไปขอให้ผู้หญิงคนอื่นช่วยดีกว่า”
“ทำไม?”
“ฉันไม่รู้จักคุณ อีกอย่างฉันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องช่วยคุณ” หญิงสาวตอบออกมาพร้อมกับลุกขึ้นจากม้าหินอ่อน
“ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะ” ปานดาวตวาดชายหนุ่มออกมาอย่างตกใจ เมื่อชายหนุ่มใช้มืออันแข็งแรงจับข้อมือเธอแล้วบีบอย่างแรง
“ฉันบอกให้ปล่อยไง...เจ็บ” หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมกับสะบัดมือหนาใหญ่ออกมาจากการจับมือเธออยู่
“ไม่ปล่อย เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้”
“ไม่ปล่อยจนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง” คิมหันต์ยังคงจับมือบางของหญิงสาวไว้แน่นแล้วดึงเธอลงมานั่งที่เดิมเมื่อครู่
“ตกลงว่าไงคุณจะช่วยผมไหม”
“ไม่ช่วย! มันไม่ใช่เรื่องของฉัน เรื่องของคุณ คุณก็จัดการเองสิ และที่สำคัญคุณไม่ใช่เพื่อนฉัน คุณรู้ไหมคุณคิมหันต์ตั้งแต่ฉันรู้จักคุณมาเนี่ย มันมีแต่เรื่อง”
ปานดาวเอ่ยออกไปอย่างอารมณ์เสีย เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ามันเกิดเรื่องบ้าๆอะไรกับเธอ
“ผมไม่สนใจว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร คุณต้องช่วยผมปานดาว”
คิมหันต์เอ่ยออกมา และไม่สนใจอาการของหญิงสาวตรงหน้าเลยว่าจะรู้สึกอย่างไร
////////////
“ปาน! ปาน! เสร็จหรือยังพี่มารับแล้ว” ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวออกไป
“เสร็จแล้วค่ะพี่คิว” ปานดาวตะโกนออกมาอย่างดีใจเมื่อชายหนุ่มที่เธอรออยู่โผล่มา
“ใคร?” คิมหันต์หันไปถามหญิงสาวตรงหน้าทันที
“คุณจะรู้ไปทำไม มันไม่เกี่ยวกับคุณสักหน่อย” ปานดาวตอบกวนๆออกมา
“เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยว เพราะคุณต้องมาเป็นแฟนผม”
คิมหันต์เอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสียทันที เมื่อมีชายหนุ่มอีกคนเข้ามาขัดจังหวะ นั่นหมายความว่าเขาต้องรีบจัดการให้หญิงสาวตรงหน้านี้กลายมาเป็นแฟนเขาให้เร็วที่สุด
“คุณจะบ้าหรือไง ฉันบอกไปแล้วว่าฉันช่วยคุณไม่ได้”
“ผมไม่สนใจ เอาละเราไปกันได้แล้ว”
“ไปไหน ฉันไม่ไป” ปานดาวโวยวายออกมาทันที
“เกิดอะไรขึ้นหรือปาน” อดิสรถามหญิงสาวทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึงตัวหญิงสาว พลางหันไปมองชายหนุ่มอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้าเลย
‘ปานมีเพื่อนชายด้วยเหรอ’
“ผู้ชายคนนี้เป็นใครหรือปาน”
อดิสรถามหญิงสาวทันทีเหมือนกันด้วยความแปลกใจ แล้วยังสายตาแปลกๆที่ชายหนุ่มมองมายังเขาอีก แล้วเขายังแปลกใจอยู่มากเมื่อชายหนุ่มที่เขาไม่รู้จักสามารถจับมือแม่เสือสาวของเขาอีก
“พี่คิวค่ะ นี่คุณคิมหันต์”
“ผมเป็นว่าที่สามีของปานครับ”
คิมหันต์เอ่ยตัดหน้าหญิงสาวออกมา เพราะรู้สึกไม่ชอบใจสายตาของผู้ชายที่ปานดาวให้ความสนิทสนมด้วย ท่าทางรุ่นพี่หนุ่มคนนี้ จะมีความรู้สึกพิเศษต่อปานดาวอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณจะบ้าหรือไง คุณคิมหันต์” ปานดาวเอ่ยออกมาอย่างตกใจ
“ผมไม่ได้บ้า แต่ผมพูดจริง”
“พี่คิวค่ะ มันไม่ใช่อย่างที่เขาพูดนะคะ”
ปานดาวเอ่ยออกมาให้อดิสรอีกคนฟังทันที ทั้งตกใจ ทั้งโกรธกับเรื่องที่คิมหันต์พูดออกมา เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักนิด มาพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้ารุ่นพี่หนุ่มของเธอได้อย่างไร
“พี่ขอตัวละกัน” อดิสรเอ่ยออกมาด้วยความเสียใจ ก้มหน้าลงมามองผู้หญิงที่เขารักอย่างเสียใจ ถึงไม่รักเขา ก็ไม่น่าทำร้ายหรือตัดสัมพันธ์กับเขาแบบนี้
////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...