เช้าวันต่อมาเสียงโวยวายก็ดังขึ้นในห้องนอน เมื่อร่างเพรียวบางตื่นมาเห็นคนที่นอนข้างกายอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ยิ่งมองภาพตรงหน้าใบหน้าก็ยิ่งแดงเถือกเพราะความอับอาย เธอไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายเปลือยกายจนแทบจะล่อนจ้อนมาก่อนเลยในชีวิต แม้เธอเคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้เธอรู้สึกอับอายและกระอักกระอ่วนใจได้มากขนาดนี้
อวีน่ารีบหันไปหยิบผ้าน่วมผืนใหญ่มาปกปิดร่างหนาที่ยังนอนหลับอย่างมีความสุข มือบางรีบหยิบหมอนข้างมาวางลงระหว่างเธอกับเขา ก่อนจะรีบขยับกายลุกจากเตียง แต่ก็ต้องชะงักเท้าที่กำลังวางลงบนพื้นด้วยอาการตื่นตระหนก
“จะรีบไปไหนวีน่า?” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ก่อนลืมตามองร่างงามด้วยอาการแปลกใจ ตอนนี้มันยังไม่เช้าเลยสักนิด ยังอีกสองสามชั่วโมงถึงจะสว่าง และเขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่อวีน่าจะต้องตื่นเวลานี้
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคุณอัสมาน”
“ไม่เอาน่าวีน่า มานอนต่อเถอะ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า”
ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้าราบเรียบ เขายังอยากนอนต่ออีกสักหน่อย กว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสามแล้ว การมีผู้หญิงที่ตัวเองรักนอนร่วมเตียงด้วยมันช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายเป็นที่สุด แม้เขาอยากทำอะไรกับเธอแทบใจจะขาด แต่ก็ทำไม่ได้ อาจเพราะยังเกรงใจพี่ชายของเธอ
“แต่ฉันจะลงไปข้างล่าง” อวีน่าหันมาบอกเสียงเขียว จะให้เธอนอนกับเขาได้อย่างไรกัน ในเมื่อเขายังนอนอยู่ในสภาพล่อนจ้อนขนาดนั้น
นี่ถ้าพี่ชายเธอรู้เรื่องในครั้งนี้ เห็นทีเธอคงโดนตำหนิหรือไม่ก็ถูกบังคับให้แต่งงานโดยไม่ต้องสงสัย
“ไม่ต้องลงไปหรอก มานอนเป็นเพื่อนฉันก่อน” แล้วมือหนาก็ดึงร่างเพรียวบางลงมานอน ส่วนมืออีกข้างก็หยิบหมอนข้างโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดีจากนั้นก็ดึงร่างอวีน่าเข้ามากอดแทนหมอนข้าง
“ว้าย!” อวีน่าร้องเสียงหลง เมื่อเธอถูกอัสมานดึงเข้าไปกอด และยังไม่ทันจะได้ออกแรงดิ้นพอให้หลุดจากอ้อมกอดอุ่น เสียงทุ้มก็ก้มลงมากระซิบอยู่ข้างซอกหู
“อย่าดิ้นสิวีน่า เดี๋ยวฉันก็ปล้ำเสียหรอก”
“คนบ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“หยุดโวยวายแล้วนอนนิ่งๆ นะวีน่า ฉันไม่อยากทำเรื่องอย่างว่ากับเธอตอนนี้ หรือว่าอยากให้ฉันทำ”
“คนบ้า! พูดบ้าอะไรของคุณ ฉันไม่ยอมคุณหรอก” คนที่ถูกหาเรื่องถึงกับหน้าแดงไปกับคำพูดห่ามๆ ของอีกฝ่าย เรื่องอะไรที่เธอจะยอมให้เขาล่วงเกิน หากเขาคิดทำอะไรเธอล่ะก็
เธอขอสู้ตาย! ถึงเธอจะเคยรักเขามากแค่ไหน
ตอนนี้เขาคือคนที่เธอพยายามจะวิ่งหนีไปให้ไกล แม้จะรู้ว่าทำได้เต็มที แต่เธอก็พร้อมที่จะทำ ถึงแม้มันทำให้เธอมีความสุขและปลอดภัย
“ถ้าอย่างนั้นก็หุบปากซะ เพราะฉันจะนอนต่อ”
“คุณก็นอนไปสิ! มาวุ่นวายกับฉันทำไม?” อวีน่าถามกลับอย่างประชดประชัน หากมือบางยังคงแกะอ้อมแขนอุ่นที่โอบรัดรอบเอวของเธอ เรื่องอะไรที่เธอต้องนอนเป็นหมอนข้างให้เขาด้วย เธอไม่มีทางยอมเด็ดขาด
“อยากโดนปล้ำหรือไงวีน่า ถึงได้บ่นไม่หยุดแบบนี้”
อัสมานมองร่างในอ้อมกอดด้วยสายตาเอาเรื่อง เขาง่วงจะแย่อยู่แล้ว แต่ดูผู้หญิงคนนี้สิกลับไม่ยอมเขาท่าเดียว แค่นอนกอดแค่นี้ทำเป็นเรื่องมาก หรือชอบให้เขาทำอย่างอื่นมากกว่า
“ไม่ต้องพูดอีกนะวีน่า นอนเป็นเพื่อนฉันนี่แหละ ไม่ต้องลุกไปไหน อย่าให้ฉันโกรธนะวีน่า ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่ เพราะเธอนั่นแหละที่ทำให้ฉันนอนไม่พอ”
อัสมานบ่นเสียงขุ่น ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับดึงร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด ขาแกร่งยกขึ้นมาพาดบนต้นขาเรียวอย่างรวดเร็ว สองมือโอบรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หนี จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาซุกที่ซอกคอหอมกรุ่น โดยไม่สนใจสักนิดว่าคนที่ถูกเขากระทำจะรู้สึกอย่างไร
อวีน่าได้แต่นอนตัวแข็งทื่อเมื่อถูกอัสมานทำแบบนี้ หญิงสาวได้แต่กรอกตาไปมาด้วยความอึดอัด จะพูดหรือโวยวายก็ไม่ได้ เพราะไม่อยากถูกหาว่าเรื่องมาก เดี๋ยวจะพาลทำให้อีกฝ่ายโกรธจนทำมิดีมิร้ายเธอขึ้นมา เสียงถอนหายใจถูกลอบปล่อยออกมาเป็นระยะ จนในที่สุดลมหายใจก็ปรับอยู่ในระดับปกติ เมื่อคนที่กังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นหลับตามตัวต้นเรื่องไปอีกคน
//////////
อีกด้านหนึ่งของประเทศสเปน...
ชายหนุ่มร่างสูงนัยน์ตาสีฟ้ากำลังนั่งมองรายงานประจำเดือนของบริษัทด้วยสีหน้าครุ่นคิด เพราะนับตั้งแต่แม่น้องสาวคนเก่งแต่งงานไปแล้ว เขาก็ต้องรับภาระดูแลธุรกิจของบิดาทั้งหมด อีกทั้งตอนนี้น้องสาวต่างสายเลือดก็ต้องไปอยู่ดูไบกับสามี ส่วนเขาก็ต้องมาเหนื่อยกับการที่ต้องมารับหน้าที่ดูแลธุรกิจทั้งหมดของบิดา แต่ก็ยังนับว่าเป็นโชคดีของเขา เพราะถึงแม้อลินเซียจะบินไปอยู่ดูไบกับฟาริซ แต่เขาก็ยังมีนรีกานต์เพื่อนรักเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของน้องสาวที่คอยดูแลบริษัทเซอเรนโซ เซเคิลริตี้ การ์ดแล้วก็เซอเรนโซ ดีไชน์
“พรุ่งนี้มีประชุมที่เซอเรนโซ ดีไชน์นะครับเจ้านาย”
“ประชุมอีกแล้วหรือแดนนี่”
“ครับ พรุ่งนี้เจ้านายมีประชุมตอนสิบโมง” แดนนี่พยักหน้ารับคำอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อเห็นพฤติกรรมของเจ้านายหนุ่ม หลังจากคุณหนูอลินเซียแต่งงานไปกับนักธุรกิจหนุ่มชาวอาหรับ ฟาริซ อัมฟาล อัล ราเฟล เขาก็กลับมาทำงานกับอดีตเจ้านายหนุ่มอีกครั้งโดยไม่มีข้อแม้ ถึงเขาอยากจะขอตามไปดูเจ้านายสาวที่ดูไบ แต่ก็ถูกสามีหนุ่มของเจ้านายสาวเบรกเอาไว้เสียก่อน สุดท้ายเขาก็ต้องกลับมาทำงานกับอดีตเจ้านายหนุ่มแทน
“นายไปประชุมแทนฉันไม่ได้หรือ แดนนี่” ราฟาเอลวางเอกสารลงพร้อมกับเงยขึ้นมามองลูกน้องคนสนิทอย่างเหนื่อยๆ ช่วงนี้เขาต้องวิ่งวุ่นไปมาทั้งสองแห่ง จนสภาพร่างกายเริ่มล้าลงเรื่อยๆ แม้จะมีนรีกานต์ก็เถอะ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้เข้ามาทำงานอย่างเต็มตัว เพราะสามีไม่อนุญาต
“ไม่ได้หรอกครับเจ้านาย”
“แล้วยัยเลิฟล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้คุณเลิฟยังอยู่ในช่วงฮันนีมูนครับเจ้านาย คุณควาริมพาคุณเลิฟและลูกชายไปเที่ยวญี่ปุ่น”
“นี่ยัยเลิฟยังไม่กลับมาอีกหรือ”
ให้ตายสิ! ทำไมเรื่องมันถึงยุ่งยากแบบนี้ อลินเซียก็ไม่อยู่ นรีกานต์ก็ยังไม่ยอมกลับมาเสียที เห็นทีเขาคงต้องเข้าประชุมเองเสียแล้ว
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองคนสนิทอย่างเซ็งๆ ทำไมเขาถึงไม่มีเลขาสาวแสนสวยเหมือนคนอื่นเขาบ้าง นึกแล้วหงุดหงิดหัวใจ เมื่อแม่น้องสาวตัวแสบดันไล่เลขาสาวสวยของเขาออกแล้วตัดสินใจส่งแดนนี่ให้มาทำงานแทน ไม่รู้ว่าส่งมาทำงานหรือว่าส่งมาคุมความประพฤติกันแน่
“ครับ เจ้านาย”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวนายไปเตรียมเอกสารที่จะประชุมพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
“ครับ”
แดนนี่พยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม ไม่รู้ว่าเจ้านายหนุ่มทำอย่างไรกับชีวิตตัวเอง อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว แต่ยังไม่คิดจะทำงานอย่างจริงจัง เห็นทีเขาต้องหาเรื่องมากระตุ้นให้เจ้านายสนใจทำงานมากขึ้น
“คราวนี้...ฉันตายแน่ๆ”
ราฟาเอลได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ช่วงนี้เขาต้องเข้าบริษัททุกวัน เมื่อก่อนมีอลินเซียอยู่ เขาก็สบายตัวไป แต่พอไม่มีอลินเซียแล้ว ชีวิตเขายุ่งเหยิงไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องงานนั้นหนักสุด เพราะเขาต้องวิ่งวุ่นไปมาระหว่างสองบริษัท จนตอนนี้สภาพร่างกายเริ่มล้าลงไปทุกวัน หน้าตาซูดลงไปเยอะเห็นทีเขาคงต้องหาใครสักคนที่เขาเชื่อใจได้ ส่งเข้าไปบริหารงานที่เซอเรนโซ ดีไชน์ โดยที่เขาให้ดำรงตำแหน่งแทนอลินเซีย
//////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...