Love is cat's 7
08.17 น.
รู้สึกตัวตื่นพร้อมกับอาการหนัก ๆ ที่บริเวณท้อง กระทั่งก้มหน้ามองถึงได้เห็นว่าวิปครีมนอนทับท้องฉันอยู่นอกผ้าห่ม ฉันค่อย ๆ อุ้มวิปครีมลงไปบนนอนเตียงเสร็จแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมออกไปหาไวท์ช็อกที่โรงพยาบาลสัตว์ ดูแจ้งเตือนก็พบว่าคุณหมอส่งรูปและคลิปของไวท์ช็อกมาให้ฉันแล้ว แต่ลูกชายฉันยังดูซึม ๆ อยู่ดังเช่นเมื่อวาน และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันส่งข้อความกลับไปพร้อมกับประโยคคำถามแบบนี้
กาแฟสักแก้วไหมคะ?
ใช่แล้วค่ะ ฉันถามคุณหมอว่าเอากาแฟไหม สิ่งที่คุณหมอตอบกลับมาทำให้ฉันถึงกับหน้าร้อนเล็กน้อย เมื่อคุณหมอบอกว่าขอบคุณและบอกชื่อเมนูกาแฟที่อยากกิน ฉันส่งสติกเกอร์แมวน่ารัก ๆ ที่มีอยู่กลับไปหนึ่งตัวจากนั้นก็ทำความสะอาดกระบะทรายให้เด็ก ๆ รวมถึงเทอาหารให้วิปครีมเดี๋ยวตอนเที่ยงจะไปรับฌอนเพื่อออกไปกินข้าวด้วย ทำไมวันนี้นัดฉันเยอะจังเลย
เก้าโมงครึ่งฉันออกจากบ้านแวะร้านกาแฟร้านโปรดเพื่อซื้อกาแฟให้ตัวเองและคุณหมอ รวมถึงซื้อขนมติดมือไปด้วยเล็กน้อย กระทั่งถึงโรงพยาบาลฉันเดินเข้าไปแจ้งพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่ามาเยี่ยมไวท์ช็อก พอรู้เรื่องเธอก็รีบจัดการให้ทันทีเช่นเดียวกัน
“เอ่อ ขอโทษนะคะคุณหมอปริญอยู่ไหมคะ...”
“อยู่ค่ะ...”
“คุณหมอปริญไม่สะดวกค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานที่ฉันถามยังไม่ทันจะได้ตอบก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดกาวน์ดังแทรกเข้ามา เธอคนนั้นเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉันพร้อมกับสายตาที่เลื่อนมองอย่างพิจารณา
“พอดีเอากาแฟมาให้ค่ะ”
“อ๋อ คุณหมอไม่รับของจากลูกค้าของโรงพยาบาลค่ะ ทิ้งได้เลยค่ะ อีกอย่างวันนี้คุณหมอดื่มกาแฟไปแล้วค่ะ” คุณหมอตรงหน้าใจดีอธิบายให้ฉันเข้าใจ ก็ลืมไปเหมือนกันว่าตัวเองเข้ามารับบริการที่นี่ในฐานะลูกค้าแล้วพวกเขาก็ยังเป็นหมออีกด้วย
“อ้อ ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบกลับไปก่อนจะหันไปมองพนักงานที่ทำหน้ากังวลส่งมาให้ฉัน ฉันไม่ได้โกรธอะไรทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้พี่พนักงานและส่งถุงขนมให้
“อันนี้ซื้อมาฝากค่ะ แต่ช่วยพาไปหาไวท์ช็อกได้ไหมคะ” เอ่ยถามอย่างเกรงใจ
“ได้ค่ะ แต่ไม่สามารถนำเครื่องดื่มเข้าไปได้นะคะ”
“ค่ะ” พยักหน้ารับรู้ก็ก้มมองแก้วกาแฟในมือ ก่อนจะตัดสินใจยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมดภายในรวดเดียว เสร็จแล้วก็เอาแก้วไปทิ้งที่ถังขยะด้านนอกโรงพยาบาลก่อนจะเดินกลับเข้ามาพร้อมไปเจอกับไวท์ช็อกเจ้าแมวอ้วนของฉัน
เหมียว! เหมียว! เหมียว!
ทันทีที่เห็นหน้าไวท์ช็อกก็ร้องลั่นพร้อมกับเดินวนไปมาอยู่ภายในห้องพักพื้นของตัวเอง ดูสดชื่นมากกว่าเมื่อวานหรือเมื่อเช้าอยู่มาก
“ไวท์ เป็นยังไงบ้างลูก ดีขึ้นหรือยัง” เอ่ยถามไวท์ช็อกเสียงเบา
“เดี๋ยวพี่จะไปแจ้งคุณหมอให้นะคะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เอ่ยบอกกับพี่พนักงานที่กำลังเดินออกห่าง ส่วนฉันก็มองไวท์ช็อกอย่างสงสารเจ้าตัวเล็กดูกลัวและตกใจกับสถานที่อยู่ไม่น้อยเลยล่ะ อาการลูกฉันดีขึ้นหรือยัง ฉันพาลูกกลับบ้านเลยได้ไหม
“เดี๋ยวหายแล้วแม่จะพากลับบ้านนะ น้องก็รออยู่บ้านนะคะ” เอ่ยบอกลูกเสียงเบา
“มานานหรือยัง?” เสียงคุณหมอดังขึ้นใกล้ ๆ หันกลับไปมองถึงได้เห็นว่าเป็นคุณหมอปริญ
“สักพักแล้วค่ะ” เอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไร
“อาการน้องไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วนะครับ อาการที่เป็นหมอคิดว่าน่าจะเกิดจากการแพ้อาหาร หมอเลยลองให้กินอาหารอีกยี่ห้อน้องไม่มีอาการอะไร ก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนอาหารให้น้องไหมครับ” คุณหมอถามกลับมา
“ค่ะ เปลี่ยนอาหารช่วงสี่วันก่อนเพราะเด็ก ๆ น่าจะเบื่อ ไม่ยอมกินเลยค่ะ แต่พอเปลี่ยนแล้วก็กินนะคะ”
“งั้นลองเปลี่ยนเป็นยี่ห้ออื่นดูนะ”
“ได้ค่ะ ว่าแต่คุณหมอให้กินอะไรคะทำไมถึงยอมกินปกติกินยากมาก”
“ผมเอาของxx ให้ครับ ปกติน้องกินตัวไหน”
“ปกติกินxx ค่ะ เปลี่ยนมาให้กินของถูกลงมานิดหน่อยแต่แพ้ซะงั้น แล้วยี่ห้อนี้ที่โรงพยาบาลมีขายไหมคะ?” เหมือนยี่ห้อนั้นเป็นอาหารแบบพรีเมี่ยมแล้วเป็นของประเทศนิวซีแลนด์ด้วยนะหายากอะ
“ไม่มีครับ แต่ถ้าจะเอาผมจะสั่งให้”
“งั้น ขอเบอร์ร้านได้ไหมคะเดี๋ยวสั่งเองก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมสั่งให้”
“งั้นก็ได้ค่ะ แล้วไวท์จะกลับบ้านได้วันไหนคะ?”
“ผมจะดูอาการอีกสักคืน ถ้าไม่มีอะไรพรุ่งนี้น่าจะกลับบ้านได้ครับ” คุณหมอยิ้มน้อย ๆ ระหว่างที่ตอบกลับมา ฉันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะอุ้มไวท์ช็อกมานั่งตักและคุยเล่นด้วยอย่างที่ทำอยู่ที่บ้าน
“เป็นคุณชายเหรอเนี่ย อาหารถูก ๆ กลับแพ้ซะงั้น”
“...”
“อ้อนจังเลยนะ เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้วนะพรุ่งนี้แม่จะมารับแต่เช้าเลย”
เหมียว
ไวท์ช็อกร้องตอบก่อนจะซุกตัวนอนบนตักอ้อน ๆ ฮื่อ อยากพากลับบ้านตอนนี้เลย เด็กน้อยอ้อนฉันมากขนาดนี้ฉันจะอดทนไม่พากลับบ้านได้ยังไง
“ฮื่อ แม่อยากพาหนูกลับนะแต่คุณหมอยังไม่ให้กลับไงคะ”
“ยังไม่หายครับ กลับยังไม่ได้” คุณหมอที่ยืนดูแมวตรงห้องพักชั้นบนบอกกับฉันและไวท์ช็อกน้ำเสียงเจือแววขบขันไม่น้อยยามถูกพาดพิงจากประโยคสนทนาของฉัน
“แล้วกาแฟผมล่ะ ไหนบอกจะซื้อมาให้” จู่ ๆ คนที่กำลังตรวจแมวอีกตัวก็เอ่ยถาม ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ก้มหน้ามามองฉัน
“ก็คุณหมอบอกว่าไม่รับของจากลูกค้า ให้ทิ้งได้เลยแต่ว่าเสียดายเลยดื่มหมดแล้วค่ะ”
“ใครบอก?” ครั้งนี้คุณหมอก้มหน้ามองฉันด้วยสายแววตาสงสัยทันที
“จำไม่ได้หรอกค่ะ”
“ก็คุยกันแล้วนี่ว่าจะกินด้วย”
“แต่เขาก็บอกว่าคุณดื่มกาแฟไปแล้วนะคะ”
“ไม่ใช่แล้ว ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้าด้วยซ้ำจะไปดื่มกาแฟอะไรตอนไหน” คุณหมอจ้องฉันดุ ๆ ยามได้ยินแบบนั้น แต่ว่าฉันไม่ผิดนะ ก็คุณหมอบอกฉันมาแบบนั้นฉันก็เชื่อเพราะยังไงพวกเขาก็ต้องสนิทและรู้จักกันอยู่แล้ว ไม่มีการกลั่นแกล้งอะไรอยู่แล้วล่ะโต ๆ กันหมดแล้ว
“ไม่รู้แล้วค่ะ ไม่คุยแล้ว”
“เฮ้อ งั้นจะไปไหนต่อไหม?”
“มีไปรับน้องชายไปกินข้าวค่ะ”
“งั้นเหรอ? ตอนเย็นล่ะจะเข้ามาดูไวท์ไหมครับ” คุณหมอยังถามต่อ ระหว่างที่ถามก็ขอไวท์ช็อกไปอุ้มไว้เองก่อนจะส่งน้องกลับเข้าห้องพัก เด็กน้อยมองฉันตาแป๋วเลยที่จู่ ๆ ก็ถูกอุ้มกลับเข้าห้องพักแบบนั้น
“มาค่ะ”
“งั้นเย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกัน”
“หา? กินข้าวเหรอ?” มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจ จู่ ๆ เขาก็บอกว่าจะไปกินข้าวกับฉันเนี่ยนะ แปลกแล้วนะแบบนี้
“ก็วันนี้คุณผิดนัดเองนะ กาแฟก็ไม่ได้กินเลย”
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่ได้โกรธครับแต่เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกัน เข้ามาหาไวท์ก่อนแล้วตอนเย็นค่อยออกพร้อมกัน” ระหว่างที่เดินออกจากห้องพักเด็ก ๆ คุณหมอยังชวนคุยและพาเดินออกมาส่ง โดยที่ไม่ได้แวะทักหรือคุยกับคนที่มีท่าทีจะเดินเข้ามาหาเลยสักนิด
“จะดื่มกาแฟไหมคะ เดี๋ยวสั่งให้ใหม่”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะกลับไปนอนพักก่อนแล้วล่ะ”
“ไม่ได้ทำงานเหรอคะ” ทวนถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ครับ ลงเวรแล้วน่ะ เย็นนี้จะรอนะ”
“ก็ได้ค่ะ ไปแล้วนะคะ” เอ่ยบอกกับคนที่ใจดีเดินมาส่งถึงรถ ทั้งยังช่วยเปิดประตูรถให้ฉันอีกด้วย
“ขับรถระวังด้วยนะ”
“ค่ะ”
“เจอกันเย็นนี้ครับ”
=====
แหม คุณหมอก็เนียนชวนน้องนะเนี่ย ลึกๆก็สงสารนะคะกาแฟแก้วนั้นที่รอคอย แต่น้องเข้าใจผิดกินหมดแบ้วบ๋อแบ๋เลย คิกคิก
ตอนนี้มี *****คใน Meb และปิ่นโตนะคะ ลด 50% ถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้นะคะทุกคน ฝากทุกคนด้วยนะคะ