Love is cat's 8

854 Words
Love is cat's 8 “พี่ เด็ก ๆ เป็นยังไงบ้าง” ฌอนที่เปิดประตูรถขึ้นมานั่งได้ก็รีบร้องถามด้วยความเป็นห่วงเด็ก ๆ ทันทีเช่นเดียวกันกับฉัน “ไวท์น่าจะแพ้อาการเลยมีอาการแบบนั้น พรุ่งนี้น่าจะกลับบ้านได้แล้วล่ะ” “โล่งออกเลย นึกว่าจะไม่สบายหนัก” ฌอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยื่นมือไปดึงสายเข็มขัดนิรภัยมารัดก่อนจะนั่งนิ่ง เมื่อเห็นว่าฉันค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากที่จอดหน้าบริษัท “หยุดวันไหนบ้าง” “สุดสัปดาห์นี้สามวันครับ แล้วก็ทำเรื่องเอกสารที่จะบินไป วันแข่งพี่ไปไหม?” “พี่ต้องดูก่อนนะ” “ครับ แล้วเราจะกินอะไรกันดีวันนี้” ฌอนยังชวนคุยด้วยรอยยิ้ม เหมือนน้องจะเป็นคนชวนฉันคุยมากกว่า น้องน่ะรู้จักนิสัยฉันเป็นอย่างดีเลยล่ะ คงจะรู้ว่าฉันพูดไม่เก่งเลยมักจะชวนคุยอยู่แบบนี้เสมอ แต่เวลาคุยกับน้องฉันไม่เคยมีความรู้สึกอึดอัดใจเลยสักนิด ตรงกันข้ามเมื่อฉันรู้สึกดีใจที่มีเรื่องให้คุยกับน้องแม้เรื่องเหล่านั้นน้องจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาก็ตาม “อยากกินพวกอาหารแซ่บ ๆ อะ” “อาหารไทยไหมล่ะ พวกต้มยำ ยำ ส้มตำ” ฉันเสนอ “ได้ครับ ไปร้านโปรดพี่นะคิดถึงรสชาติอาหารที่นั่นมาก” “หึ ได้เดี๋ยวพี่พาไป” ช่วงอายุที่ห่างจากน้องชายไม่ได้ทำให้เราเขินหรือไม่สนิทกันเลยสักนิด เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้เราสองพี่น้องนั้นสนิทกันมาก ยิ่งนานวันยิ่งสนิท คล้ายกับเราทั้งสองคนรับรู้อยู่ภายในใจลึก ๆ ว่าตอนนี้เรามีกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น “ผมอยากกินหลายอย่างเลยอะพี่” ฌอนเอ่ยบอกกับฉันระหว่างที่เปิดเมนูดูรายการอาหาร “อยากกินก็สั่ง แต่อย่าลืมนะฌอนว่าตัวเองแพ้แมงกะพรุนดูด้วยว่ามีเมนูที่ใส่แมงกะพรุนหรือเปล่า” เอ่ยย้ำกับน้องชายเสียงเบา “ครับพี่เฌอ” ฉันปล่อยให้น้องชายสั่งอาหารที่อยากกินมาน้องก็ไม่ลืมสั่งของโปรดฉันมาให้ด้วยอย่างน่ารัก ระหว่างรออาหารเราสองพี่น้องก็ถ่ายรูปกันสองสามรูปก่อนที่น้องจะอัปโหลดลงโซเชียล ระหว่างที่น้องกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่กับโทรศัพท์ โทรศัพท์ฉันก็มีแจ้งเตือนเข้ามาเป็นข้อความจากคุณหมอปริญที่ส่งรูปและคลิปของไวท์ช็อก แต่เหมือนจะไม่ได้อยู่ในห้องพักรักษานะ Parin P. ร้องงอแง ไม่ยอมอยู่ห้องเลย คุณหมอส่งข้อความมาแบบนั้น แต่ไหนเขาบอกว่าจะกลับไปพักไง ทำไมถึงยังอยู่ที่โรงพยาบาลอีกล่ะ Cher Am ยังไม่ได้กลับบ้านเหรอคะ? Parin P. กำลังจะกลับครับ กินข้าวหรือยัง? Cher Am กำลังกินค่ะ Parin P. โอเค ผมไม่กวนแล้วครับ ขอให้อร่อยนะครับ และฉันก็ไม่ได้ส่งอะไรกลับไปอีก กระทั่งอาหารถูกทยอยมาเสิร์ฟจนครบถึงได้เป็นช่วงเวลากินข้าวและพูดคุยกับน้องชายที่เหมือนไม่ได้เจอกันนาน แต่ความจริงคือแทบจะเจอกันวันเว้นวันอยู่แล้ว แต่น้องน่ะ พูดไม่หยุดเลย แต่ก็สดใสดีน้องชายฉันน่ะ “เดี๋ยวพอไปแข่ง ผมต้องซ้อมหนักเลย” ฌอนรีบบอกกับฉันระหว่างที่ยื่นมือไปตักกับข้าวมาใส่จานให้ “ไหวใช่ไหม ทำให้สนุกนะฌอนพี่ไม่อยากให้เครียด” “ครับ ผมจะทำให้เต็มที่ แต่เครียดมันมีบ้างนะครับแต่ไม่ได้หนักอะไร แต่นักแข่งร่วมทีมอีกสองคนที่มาจากญี่ปุ่นกับมาเลเซียโฮมซิกกันน่ะ” “อ้าว แล้วที่บ้านเขามาเยี่ยมไหมล่ะ” “มาครับ แต่ก็มาบ่อยไม่ได้เพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง” น้องเล่าให้ฟัง “พี่เข้าใจ แล้วก่อนบินไปเก็บตัวซ้อมก่อนแข่ง ไม่ให้นักแข่งกลับบ้านกันก่อนเหรอ?” “นั่นสิ เดี๋ยวตอนประชุมเย็นนี้ผมเสนอผู้จัดการทีมกับโค้ชด้วยดีกว่า” ฌอนทำหน้าตื่นเต้นหลังจากที่ได้ยินฉันแนะนำไปแบบนั้น “แล้วจะไปกันกี่คน” “ทั้งหมดก็สิบคนครับ ส่วนที่นู่นผู้จัดการบอกว่าเตรียมทั้งที่พักและห้องซ้อมอะไรไว้หมดแล้ว” “อื้อ สู้นะ เหนื่อยก็โทรมาคุยกับพี่ได้” “ครับผม ผมรักพี่จัง ขอบคุณที่สนับสนุนผมทุกอย่างเลยนะครับ” ฌอนส่งยิ้มให้ ยิ้มทั้งริมฝีปากและดวงตาเลยน้องชายฉันในตอนนี้ “พี่ก็รักฌอนนะ เป็นความสดใสของพี่ไปนาน ๆ เลยนะ” ==== เรารักในความสัมพันธ์ของสองพี่น้องมาก มันมีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ทั้งสองคนรักและซัปพอร์ตกันแบบนี้ ปล. *****คใน Meb และ ปิ่นโต ยังลดมากถึง 50% จนถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้นะคะ ฝากทุกคนเอ็นดูเด็กๆด้วยนะคะ ^_^
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD